บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 – ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ

จากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้พิมพ์มาดาเกลียดน่านน้ำยิ่งนัก ยิ่งไม่ชอบอยู่แล้วยิ่งมาทำให้เกลียด และยิ่งยามอาบน้ำมาส่องกระจกทีไรเห็นปากตัวเองก็ต้องกัดเม้มปากแน่นทุกที เมื่อภาพที่ถูกคู่หมั้นปากดีขโมยจูบแรกไปแบบนั้น และยิ่งไปกว่านั้นเขาทำให้เธออับอายญาติผู้ใหญ่เมื่อเข้ามาในบ้านทุกคนต่างมองมาทางเธอในสภาพที่ดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง และลิปสติกเปรอะเปื้อนริมฝีปากจนต้องขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้พิมพ์มาดาโยนความคิดก่อนหน้าทิ้ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นยิ้มให้ตัวเองในกระจก ก่อนจะลุกเดินจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไปยังประตูห้องแล้วเปิดออกรับแขก

“มีอะไรกับดาคะแม่อ่อน”

“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่เดินผ่านห้องลูกเห็นไฟเปิดอยู่เลยเคาะดู แล้วทำอะไรอยู่ ทำไมถึงยังไม่นอนลูก” ตองอ่อนถามลูกสาว

“พอดีดูบัญชีของร้านและของโรงงานเลยยังไม่นอน”

“พักผ่อนได้แล้วลูก เนี่ยก็ดึกมากแล้ว ตั้งแต่มาลูกไปช่วยงานที่โรงงานและร้านของเราไม่หยุดพักเลย”

“ก็มันคืองานของเรานี่คะ อีกอย่างดาไม่อยากว่างงาน แม่ก็รู้ว่าดาไม่ชอบอยู่นิ่ง”

“อย่ามัวแต่ทำงานแล้วเงยหน้าอีกทีเพื่อนแต่งงานมีผัวหมดแล้วนะลูก เนี่ยอายุของเราก็ใกล้คานทองเข้าไปทุกทีแล้วนะ”

“แม่อ่อนอยากให้ดาแต่งงานกับนายน่านหลานของคุณย่าระย้าเหมือนที่คุณยายต้องการเหรอคะ ถึงพูดแบบนี้”

“ทำไมล่ะลูก พ่อน่านก็ดูเป็นผู้ใหญ่และเอาการเอางาน แถมหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่สักนิด”

“หึ! ขี้เหร่ค่ะแม่อ่อน ไม่เห็นหล่อเลย ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับเขาหรอก หนูไม่รักเขาไม่ชอบด้วยและไม่มีวันชอบคนเถื่อนแบบนั้นด้วย” ยิ่งนึกถึงหน้าของน่านน้ำก็ยิ่งหงุดหงิด

“อือ แต่ยังไงก็หนีไม่พ้น เพราะคุณยายไม่ยอมแน่ ลูกก็รู้ว่าคุณยายไม่เคยผิดคำสัญญาและยิ่งกับเพื่อนรักด้วยแล้ว มีหรือจะยอมให้งานแต่งงานของลูกกับพ่อน่านยกเลิกไป”

“คุณแม่เลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ”

“งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ ป่านนี้พ่อของเราคงหลับไปแล้วแหละ อย่าลืมนะลูกอายุของลูกมันไม่รอหรอกนะ พ่อน่านก็ไม่ได้แย่ แต่งๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”

“มีแต่ยิ่งเกลียดน่ะสิคะแม่อ่อน ถ้าต้องแต่งงานกับนายนั่นจริงๆ ฝันดีนะคะแม่อ่อน”

“ฝันดีจ้ะลูก แม่ไปก่อนนะ เรื่องงานก็อย่าจริงจังให้มากนักเป็นผู้หญิงอย่าเก่งเกินชายมันไม่น่ารักรู้ไหมลูก”

“จะน่ารักหรือไม่น่ารักก็ขึ้นอยู่กับคนมองแล้วแม่อ่อน ไปได้แล้วค่ะลูกง่วงแล้ว ฮ้าว!” พูดจบก็ปิดปากหาว แสร้งทำท่าง่วงทันทีจนคนเป็นแม่ส่ายหน้าให้ด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะเดินจากไป ตองอ่อนรู้ว่าพิมพ์มาดาน่ะดื้อแค่ไหน ดื้อพอๆ กับคนเป็นยายนั่นแหละ ก็ยายหลานเล่นถอดแบบนิสัยกันมาเป๊ะเลยทีเดียว

“คานทองเหรอ อีกตั้งสองปีถึงจะอายุสามสิบ ยังมีเวลา ไม่รู้จะให้รีบแต่งงานไปทำไม เผลอๆ พรุ่งนี้หรือไม่เร็วๆ นี้เราอาจจะเจอผู้ชายในสเปคก็ได้ใครจะไปรู้ แต่งงานกับนายน่านเหรอ ฝันไปเถอะ เกลียดนักไอ้คนถ่อยปากมอม” ว่าแล้วก็ปิดประตูเดินไปยังเตียงนอนแล้วทิ้งตัวลงนอนพลิกตัวไปมาจนหลับไปในที่สุด

น่านน้ำมองไปยังท้องฟ้ามืดมิดในยามคำคืน เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนที่ได้จูบปากแสนหวานของพิมพ์มาดาเขาก็นอนไม่ค่อยหลับ และพอหลับตาก็มักเห็นภาพปากอวบอิ่มน่าคลอเคลียบดจูบของเธอทุกครั้ง จนต้องหงุดหงิดมายืนมองดูดาวที่ระเบียงห้องแต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจเอาเสียเลย ค่ำคืนนี้แม้แต่ดาวสักดวงก็ไม่ส่องแสงให้เขาได้เชยชม

เฮ้อ!

ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ทำไมช่วงนี้ถึงจิตใจว้าวุ่นไม่เป็นที่เป็นทางแบบนี้ มือหนาหยาบกร้านยกขึ้นคลึงริมฝีปากตัวเองไปมาเมื่อนึกถึงจูบที่ไม่ได้ตั้งใจสั่งสอนพิมพ์มาดาในวันนั้น

“บ้าไปแล้วไอ้น่าน ก็แค่จูบเอง มึงไม่ใช่ไม่เคยจูบกับผู้หญิงสักหน่อย” พึมพำกับตัวเองแล้วสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อนอนหลับพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เขาต้องไปสั่งปุ๋ยที่ร้านประจำที่เคยทำการค้าด้วยกันมานาน และไปดูร้านขายเม็ดกาแฟของตัวเองในตัวอำเภอด้วย

สาวสวยสายแฟชั่นอย่างพิมพ์มาดามีเหรอจะแต่งตัวเบา ทุกวันของเธอคือรันเวย์ เธอแต่งตัวด้วยชุดจั๊มสีแดงเกาะอกปล่อยผมยาวสลวยอกมาทำงานที่ร้านในตัวอำเภอ พอมาถึงร้านก็เดินเอากระเป๋าสะพายหรูแบรนด์เนมราคาแพงของตัวเองไปไว้ในห้องทำงาน แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ติดมือมาด้วยเพื่อจะไปซื้อของที่เซเว่นซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้าน ทั้งๆ ที่ใช้เด็กในร้านไปก็ได้แต่เธออยากไปซื้อเอง ระหว่างจะเดินข้ามถนนนั้นก็ไม่ทันระวังเผลอเดินชนคนที่เดินข้ามถนนสวนมาพอดี

อุ้ย!

ว้าย!

หากมือใหญ่คว้าเอวเล็กไว้ไม่ทันเธอได้ล้มลงหัวกระแทกฟุตปาธแน่นอน

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ ขอโทษด้วยนะครับ” น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนเอ่ยขึ้นพร้อมกับปล่อยให้เธอได้ยืนเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ ฉันเองก็ไม่ทันได้ระวัง” เธอก้มมองสำรวจตัวเองโดยไม่ทันได้มองคนที่ตัวเองเดินชนและช่วยตัวเอง

“ขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พิมพ์มาดาเงยหน้าขึ้นมองหน้าร่างสูงตรงหน้าในชุดสีกากี เธอมองหน้าของอีกฝ่ายตาค้าง ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาว สายตาอบอุ่นยามมองเธอมันช่างชวนเคลิ้มเหลือเกิน แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งแล้วก้มหน้าซ่อนความเขินอายไว้

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

“คะ...ค่ะ เออ...คุณชื่ออะไรคะ” ปากของเธอพูดไปแล้วและก็มาอายทีหลัง ก็เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องถามชื่อผู้ชายก่อนเลย และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธออยากรู้จัก

“ผมปลัดธนูครับ คุณไม่รู้จักผมแสดงว่าไม่ใช่คนแถวนี้ ดูจากการแต่งตัวแล้ว” เขาพูดพร้อมมองสำรวจการแต่งตัวของหญิงสาว เพราะทันสมัยต่างจากสาวๆ แถวนี้ และสาวๆ แถวนี้ก็รู้จักเขาแทบทุกคน

“เป็นปลัดเหรอคะ ฉันชื่อพิมพ์มาดา เรียกดาก็ได้นะคะ สั้นๆ จะได้สนิทกัน และฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ค่ะ ยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่ เมื่อก่อนอยู่กรุงเทพฯ แต่ต้องมาช่วยคุณยายดูแลกิจการเลยย้ายกลับมาค่ะ ฉันเป็นหลานสาวของคุณยายแสงฉวีค่ะ” พูดแนะนำตัวเองยาวเหยียด ก็คนนี้หล่อโดนใจตรงสเปคทุกอย่าง สายตาอบอุ่น แถมเป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก ต่างจากคู่หมั้นราวฟ้ากับเหว แล้วเธอจะนึกเอาคนถ่อยแบบนั้นมาเปรียบกับเทพบุตรตรงหน้าทำไมกันล่ะ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณดา”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” พูดพร้อมกับนำกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือคนละข้างมาถือด้วยมือเดียว แล้วยื่นออกไปเพื่อหมายจะได้จับมือทำความรู้จักกับปลัดหนุ่มตรงหน้า

“ครับ” ปลัดหนุ่มยื่นมือออกมาจับทักทายทำความรู้จักกับหญิงสาวแล้วปล่อยกลับมาไว้ข้างลำตัวเหมือนเดิม

“งั้นผมขอตัวนะครับ”

“ค่ะ ถ้าเจอกันอีกครั้งหน้าขอเลี้ยงกาแฟตอบแทนที่ช่วยไม่ให้ล้มหัวกระแทกฟุตปาธนะคะ”

“ครับ” แล้วปลัดหนุ่มก็เดินยิ้มอ่อนโยนจากไปทันที ปล่อยให้สาวสวยยืนบิดตัวเขินไปเขินมาอยู่กับที่ และอีกมุมหนึ่งในร้านเสริมสวยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีสายตาดุดันของใครบางคนจ้องมาทางที่พิมพ์มาดาและปลัดหนุ่มคุยกันก่อนหน้านี้ สันกรามของเขาก็ปูดโปนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่ทั้งสองพูดคุยยิ้มให้กันราวกับสนิทสนมกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel