องค์ ๖
เฮ้อ!
“มาทำงานถึงฝรั่งเศส ก็เอายัยโคโยตี้นั่นมาด้วย ขาดกันคงจะตายสินะ ไม่ได้จิ้ม ได้เสียบโยกกันคงจะขาดใจตายสินะ” หล่อนอดแขวะห้องตรงข้ามไม่ได้
เนตรนภาบ่นพึมพำให้เจ้านายหนุ่มไปหลายตลบ จนเผลอหลับทั้ง ๆ ที่ยังใส่แว่นอยู่ หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ จนต้องสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่อมีคนมาเคาะประตูห้องนอนของเธอ
ร่างเล็กงัวเงียตื่นไม่เต็มตา สติไม่สมบูรณ์เท่าไร เดินโซเซไปยังประตูห้อง พอถึงหน้าประตูห้อง สาวเจ้าก็กะพริบตาไล่ความง่วง จัดเสื้อผ้าทันทีเมื่อตื่นเต็มตา สติมาครบแล้วก็จัดแต่งผมที่ยุ่งเหยิงของตนให้เข้าทรง
เธอเดินไปส่องตาแมวหน้าประตู เพื่อดูว่าใครกันที่มารบกวนตนเวลานี้ได้ พอส่องแล้วเห็นหน้าบึ้งตึงของเจ้านายที่รักยิ่ง เธอก็ต้องรีบผลักเปิดประตูทันที
“ทำอะไรอยู่ยัยแว่น ชักช้า!” พูดพร้อมกับแทรกตัวเข้ามาในห้อง โดยที่เจ้าของห้องยังไม่ทันได้อนุญาต
“นะ นอนค่ะ...” เนตรนภาปิดประตูห้อง รีบเดินตามนายหนุ่มไปที่โซฟารับแขกกลางห้องพัก แล้วหล่อนเพิ่งสังเกตว่าเขาถือถุงอะไรมาก็ตอนเขายื่นส่งให้เธอนั่นแหละ
“ฉันซื้อขนมมาฝาก เห็นเงียบไป ฉันเลยเป็นห่วง” เหรียญชัยไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอพูดความรู้สึกห่วงใยลึก ๆ ของหัวใจตนออกมา
แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าความห่วงใยที่มีต่อหล่อนมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ตอนไหน ยังไง หรือว่ามันจะแอบซุกซ่อนอยู่ในอกของเขามานานแล้วกันแน่
“ขะ ขอบคุณค่ะ”
เนตรนภาเอ่ยเสียงสั่นกับประโยคที่นายหนุ่มเปล่งออกมา พร้อมกับรับถุงขนมมาไว้ในมือ แล้วเอาวางไว้ตรงหน้าตน
เธอจึงถามเจ้านายหนุ่มด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าเขามาหาเธอทำไมกัน แล้วคู่ขาของเขาไปไหนกัน ทำไมไม่ตามมาด้วย ปกติตัวติดกันราวกับปาท่องโก๋ แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาคนเดียวได้เล่า
“คุณเหรียญชัยมีธุระอะไรกับดิฉันคะ แล้วเธอคนนั้น...?”
“มาบลีฟงานก่อนจะไปคุยกับ มิสเตอร์หว่อง ส่วนอิงกี้ก็เพลียหลับอยู่ที่ห้อง”
ชายหนุ่มพูดแทรกประโยคของคนตัวเล็ก ก่อนที่เธอจะเอ่ยจบความ
“งั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปเอาเอกสารในห้องนอนแป๊บนึงค่ะ” ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นสาวเท้าเดินไปยังห้องนอนของตน
สายตาคมของเหรียญชัยจับจ้องตามร่างน้อยของเนตรนภาไม่วางตา ทุกการเยื้องย่างก้าวเดิน เอวบิดตามแรงเดินขยับกาย มันดูกลมกลึงสวยดีไม่น้อย แต่แล้วก็ต้องส่ายหัวไปมาด้วยความตลกขบขันตัวเอง
“บ้าน่า ยัยแว่นจะเซ็กซี่ได้ยังไง แกคิดมากไปแล้วไอ้ห่า!” บ่นพึมพำขบขันกับความคิดของตัวเอง แล้วหยิบโบรชัวร์ของทางโรงแรมที่วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมาเปิดดูไปพลาง ๆ ระหว่างรอเจ้าหล่อนกลับมา
เวลาผ่านไปไม่กี่นาที เนตรนภาก็เดินกลับมา ในมือบางพร้อมไปด้วยเอกสารการทำงาน สมุดโน้ต และปากกาเพื่อเตรียมจดรายละเอียดของงาน
“ว่ามาเลยค่ะ ดิฉันพร้อมแล้ว” เอ่ยพร้อมขยับแว่นของตน เปิดสมุดโน้ตและปากกาเตรียมจดรายละเอียด
“เธอไม่หิวรึไง ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วนะยัยแว่น” เอ่ยอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง
“ดิฉันค่อยกินหลังคุยงานเสร็จก็ได้ค่ะ” ตอบพร้อมกับแหงนเงยขึ้นสบตาเจ้านายหนุ่ม
แล้วในจังหวะนั้นเอง ที่สายตาของคนทั้งสองสบประสาน ก็เกิดกระแสไฟแล่นเข้าหากัน มีแรงดึงดูดบางอย่างเกิดขึ้น จนทำให้ร่างใหญ่โตของเหรียญชัยขยับขึ้นนั่งบนโต๊ะที่คั่นกลางระหว่างตนกับหญิงสาว เหรียญชัยขยับมาชิดใกล้ใบหน้านวลอย่างไม่รู้ตัว
“ยัยแว่น...” เอ่ยเสียงสั่นพร่า ยกมือหยาบกร้านขึ้นโอบประคองใบหน้าสวยซึ้งของเธออย่างเผลอตัว
เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกตน สติของเนตรนภาก็กลับมาในทันที สองมือน้อยที่จับปากกาและสมุดโน้ตอยู่ ก็รีบผลักร่างใหญ่ออกไปให้ห่างตน
“โอ๊ย!”
เหรียญชัยหงายหลังล้มไปกับโซฟาตัวนุ่ม แล้วนั่นแหละ สติของชายหนุ่มถึงได้กลับมา สมองประมวลเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เขาจะถูกผลัก แล้วก็ต้องรีบดีดตัวลุกขึ้นมาแล้วนั่งตัวแข็ง ตีหน้าขรึมทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณเหรียญชัยเป็นอะไรมากไหมคะ ดิฉันขอโทษค่ะ” เจ้าหล่อนลนลานเอ่ยคำขอโทษ พร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยความรู้สึกผิด
“ลองถูกผลักดูไหมล่ะ! ถ้าอย่างงั้น เธอไปกินขนมแล้วนอนพักเถอะ พรุ่งนี้หวังว่าเธอจะพร้อมรับมือกับงานที่เราจะทำนะ รู้ใช่ไหม ว่างานนี้มันสำคัญมาก”
เอ่ยจบก็ลุกขึ้นขยับเสื้อของตัวเอง แล้วเดินออกไปจากห้องพักของคนตัวเล็ก โดยไม่ลืมล็อกห้องให้เธอ
สาวเจ้าได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้าง เธอกะพริบตาถี่ ๆ ด้วยความมึนงง บอกจะมาบลีฟงาน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็กลับไปเสียแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ใบหน้าสวยก็ซับสีเลือดขึ้นมาทันที เมื่อภาพเหตุการณ์หวาดเสียวสยิวมันย้อนวนเข้ามาในความทรงจำของเธอ
“อร๊าย! บ้า! บ้า! บ้าไปแล้วยัยเนตร ก็แค่อุบัติเหตุ คนอย่างไอ้คุณห่ามีเหรอจะสนใจผู้หญิงแบบเรา อีกอย่างเราก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรเขาสักหน่อย แถมวิ่งแจกตามตลาดนัดเรายังวิ่งหนีเลย เชอะ! แต่ก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ” พูดเองตอบเองพร้อมยกถุงขนมของชายหนุ่มขึ้นมาดู แล้วยิ้มกับถุงขนมอยู่เนิ่นนาน
