ตอนที่ 18 รั้วมหาลัย
Episode [18] รั้วมหาลัย
วันเปิดภาคเรียน..
@Romonter University (RMU.) นิเทศศาสตร์
[Renny Talk]
ตั้งแต่ผ่านมาเกือบๆ สามอาทิตย์ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าคุณเอเธนส์ซักเท่าไหร่ พอใกล้วันจะเปิดเรียนก็มีการ์ดขนของใช้และชุดในการเรียนมาให้ฉันพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง แล้วก็จดหมายแจ้งจากทางมหาลัยอีกหนึ่งฉบับ จนมาถึงวันเปิดภาคเรียนฉันจึงเดินตามข้างทางมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมล์และก็ได้เดินทางมาถึงมหาลัยอันกว้างใหญ่แห่งนี้...
"..." ฉันคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาด้วยความดีใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันได้พักทั้งกายและใจจนทุกอย่างหายเป็นปกติดี อีกทั้งเจ้าคุณยังซื้อยาต่างๆ มาฝากไว้ที่ล็อบบี้พร้อมจดหมายถึงฉันอีก ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
ตึงงง ~ (ขอให้น้องๆ ปีหนึ่งทุกคนมารวมตัวกันทีที่ลานอเนกประสงค์ด้วยนะคะ หาให้เจอน้าพี่รออยู่มาช้าโดนทำโทษนะคะ)
เสียงประกาศของรุ่นพี่ผ่านไมโครโฟนของคณะทำให้ปีหนึ่งทุกคนรวมถึงฉันต่างชุลมุนรีบเดินหาลานอเนกประสงค์เพื่อที่จะไปให้ทันเวลา แต่ไอ้ลานที่ว่านั้นมันอยู่ส่วนไหนของคณะกันนะ? ฉันเดินตามกลุ่มผู้หญิงสวยๆ ประมาณสี่ห้าคนจนพวกเธอมาหยุดที่ลานกว้างๆ ข้างหน้ามีป้ายเขียนไว้ 'ลานอเนกประสงค์' และมีรุ่นพี่จำนวนหนึ่งยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่พร้อมกับกลอง รอบข้างเป็นแสตนเชียร์
"เข้ามาเรียงแถวตอนได้เลยค่ะน้องๆ แถวละ15 คนนะ จัดให้เต็มพื้นที่" รุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักตะโกนผ่านโทรโข่งเรียกพวกเรา ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองเพื่อนๆ วิ่งเข้าไปจัดแถว เมื่อทุกคนเข้าแถวกันเสร็จฉันจึงค่อยๆ ย่องไปต่อแถวเป็นคนสุดท้าย ฉันกวาดสายตามองเพื่อนๆ แต่ละคนผิวพรรณหน้าตาแต่ละคนสามารถเป็นดาราได้สบายแถมทุกคนดูมีเงินอีกด้วย แต่ฉันนี้สิ คิดถูกหรือคิดผิดก็ไม่รู้ที่มาเรียนคณะนี้ นอกจากคณะวิศวะแล้วฉันก็อยากเรียนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย งานพวกนี้สามารถหาเงินได้ง่ายและต่อชีวิตฉันได้สบายไปอีกยาว..
"น้องๆ ค่ะ ช่วยนับแถวให้พี่หน่อยได้ครบ15คนไหม ถ้าไม่คบก็ตัดแถวให้ครบนะคะ" พี่คนเดิมพูดขึ้น ป้ายที่คอบอกชื่อ 'พี่พราว' เราทุกคนต่างนับในแถวจนมาถึงฉันคนสุดท้ายครบสิบห้าคนพอดี ทุกแถวนับเสร็จคนแรกจึงบอกกี่พราว
"วันแรกมาขาดกันหนึ่งคนครั้งหน้าพี่หวังว่าจะมากันครบนะคะ..."
"....แล้วก็คณะของเราทุกสาขาจะรับน้องด้วยกันไม่แยกเพราะเราคือชาว angel & fairy ประจำมหาลัย RMU. ที่รุ่นพี่แต่ละคนจบไปต่างสร้างผลงานดีเด่นมากมายจนถึงระดับโลกก็เคยมีมาแล้ว และทุกคนส่วนมากที่จบจากคณะนี้ 90% จากการสำรวจเคยบินลัดฟ้าทำผลงานมาแล้วมากมายและนี้ก็คือชื่อเรียกที่คณะเราได้รับจากทุกๆ คนนั้นเองค่ะ.."
"กรี๊ด!! /โห้ว!!" เสียงโห่ร้องของทุกคนในลานที่ตกตะลึงกับความเก่งรุ่นพี่ที่จบไปดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวรวมถึงฉันจนเวลาผ่านไปสักพักเสียงก็เริ่มซาลง มหาลัยดังขนาดนี้คุณเอเธนส์ยัดฉันเข้าได้ยังไงนะ แล้วคนอื่นจะรู้ไหมว่าฉันไม่ได้สอบเข้า...
"เอาละคะน้องๆ เดี๋ยวพวกพี่จะแนะนำตัวก่อนนะคะเริ่มจากพี่ก่อนเลย พี่ชื่อพี่พราวนะคะเป็นประธานรุ่นปีสองมีอะไรก็ปรึกษากันได้ทุกเรื่องเลยนะ" พี่พราวเอ่ยจบก็ยื่นไมค์ให้คนต่อไปที่ยืนอยู่ข้างๆ
"...เธอ" อยู่ๆก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นอยู่ด้านหลัง ฉันจึงค่อยๆ เบือนหน้าหันกลับไปมอง นายคนนั้นยืนย่อตัวหลบหลังฉันอยู่เหมือนกลัวรุ่นพี่เห็นว่าตัวเองแอบย่องเข้ามา
"?"
"ยืดตัวขึ้นสูงๆ ดี้เดี๋ยวรุ่นพี่ก็เห็นฉันหรอก" เท่าที่ฉันรู้ฉันไม่รู้จักนายนี้..
"??"
"ตีหน้างงอยู่ได้ ช่วยเพื่อนหน่อยไม่ได้รึไง"
"เราเป็นเพื่อนกันตอนไหน.." นายหน้าหล่อคนนี้สติดีรึป้าวนะ..
"ก็ตอนนี้ไง ฉันกับเธอดูจากทรงคงเหลือแค่สองคนที่ไม่มีใครคบ" ฉันกวาดสายตามองรอบๆ ก็จริงอย่างที่นายนี้พูด ทุกคนดูเหมือนจับกลุ่มกันเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชายฉันก็คบได้หมดขอแค่เป็นคนดี จริงใจก็พอ..
"อืม" ฉันขานรับพยายามยืดตัวขึ้นบังนายนี้ที่มาสายตั้งแต่วันแรก
"พี่ชื่อไข่มุกนะคะ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมค่ะ มีกิจกรรมหรือคัดเลือกอะไรพี่จะเป็นหนึ่งในนั้นในการตัดสินใจ ยังไงก็จำหน้าจำตาพี่ไว้ด้วยนะ"
"เธอชื่อไร" ในขณะที่ฉันกำลังตั้งใจฟังรุ่นพี่แนะนำตัวอยู่นายนี้ก็พูดขึ้น
"เรนนี่"
"ฉันเฟียซ"
"อืม"
"ผู้หญิงอะไรดูเก๊กฉิบหาย" ฉันหันขวับไปมองนายเฟียซ ตั้งแต่มาเข้าแถวนายนี้ก็พูดไม่หยุดสักที..
"นายช่วยเงียบก่อนได้มั้ย"
"เธอจะว่าฉันพูดไม่หยุดสินะ"
"ใช่ไง..ไม่งั้นฉันจะบอกรุ่นพี่ว่านายมาสาย" ในเมื่อไม่ยอมเงียบก็ต้องใช้ไม้ตายกันสักหน่อย และก็เป็นอย่างที่คิดนายนี้ยอมงับปากเงียบกริบ เวลาผ่านไปหลายนาทีรุ่นพี่ก็แนะนำตัวกันเสร็จ
"ทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวเราจะทำจับฉลากสายรหัสกันนะคะ หาให้เจอก่อนวันพรุ่งนี้น้า คำใบ้ของคณะเราไม่อยากเพราะรุ่นพี่ใจดีทุกคน" พี่พราวพูดขึ้น
"จับทำไมว่ะ ไร้สาระ" เฟียซที่เลิกทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ยืนช้อนหลังฉัน
"...."
"เธอหูตึงหรอยัยเรน"
"ฉันไม่รู้ ก็ยืนอยู่ด้วยกันแท้ๆ"
"...." ฉันตอบนายนั่นกลับไป เฟียซมันยืนจ้องฉันเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อก่อนที่ฉันจะหันหน้ากลับโฟกัสที่รุ่นพี่ต่อ
"เดี๋ยวเราจะเริ่มสุ่มจากคนสุดท้ายขึ้นมาเลยนะ รุ่นพี่ไปหาน้องๆ แต่ละแถวเลยค่ะ" พี่ไข่มุกเป็นคนพูดต่อ และรุ่นพี่แต่ละคนจึงเดินมาที่ปลายแถวและเริ่มสุ่มจับในแก้วเล็กๆ กันมาเรื่อยๆ จนถึงหัวแถวสุ่มเสร็จ กิจกรรมก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เล่นเกมแจกป้ายชื่อ คุยกันต่างๆ นานา ถึงเวลารุ่นพี่ก็ปล่อยพวกเราขึ้นคลาสเรียนซึ่งวันนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากเพราะเปิดเรียนวันแรก..
.
.
.
เลิกคลาส
"ยัยเรนเธอกลับยังไง"
"รถเมล์" ฉันตอบปัดๆพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายข้าง
"ห้ะ?"
"???"
"ฉันไปส่งเธอดีกว่า จะไปดูแน่ๆ ว่าเธอพูดเรื่องจริงรึป้าว" เฟียซเอ่ยบอก นายนั้นเก็บของใส่กระเป๋าแล้วมายืนข้างกายฉัน
"...." ฉันไม่ตอบอะไรแต่เดินออกมาจากห้องตามมาด้วยนายเฟียซที่เดินประกบหลังฉัน
"ไปคณะวิศวะเป็นเพื่อนหน่อยดิ"
"ไปทำไม" ฉันถามออกไปในขณะที่กำลังเดินอยู่
"ไปหาเพื่อน"
"อืม.." ปฏิเสธไปดูจากทรงคนคงจะบังคับฉันไปเป็นเพื่อนให้ได้อยู่ดี
"ใจดีเหมือนกันนะเนี้ย" เฟียซเอ่ยแซวฉันพร้อมกับกลั้วหัวเราะออกมา ก่อนที่จะเดินเเซงหน้าฉันออกไปจนถึงโรงรถ เฟียซกดเปิดรถก่อนที่รถยุโรปคันหรูจะขึ้นไฟกะพริบ
"ขึ้นไปสิ.."
"ระ รถนายหรอ" ถ้าเป็นรถนายนี้จริงๆ คงรวยมากแน่ๆ
"ป้าว รถเพื่อนฉันที่มันอยู่วิศวะนี้แหละ พอดีรถฉันขับชนหมาเกิดรอยขีดข่วนนิดหน่อยเลยเอาเข้าอู่อยู่ สงสัยฉีดสีใหม่ยังไม่แห้ง"
"เว่อร์เนาะ" ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับนายนี้จริงๆ แค่ขับรถชนหมาถึงกับเอาเข้าอู่ เอาเวลาพาน้องหมาไปส่งโรงพยาบาลสัตว์ดีกว่าไหม..
"อย่าบ่นน้า" นายเฟียซพูดปัดๆ เหลือบมามองฉันก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในรถ ฉันจึงแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างใน การขับรถจนถึงคณะวิศวะใช้เวลาไม่นานก็ถึง
@คณะวิศวกรรมศาสตร์
"ลงไปนั่งเบาะหลังไป เพื่อนฉันมันเดินมานู้นละ" นายเฟียซโบ้ยปากไปยังทางออกจากตึก ฉันจึงเหลือบไปมองตาม นั้นมันเจ้าคุณนิ เป็นเพื่อนกับนายนี้หรอ?
"..." ฉันได้แต่คิดแล้วก็เปิดประตูลง เปลี่ยนไปนั่งเบาะหลังแทน
"เรน เธอมาพร้อมไอ้เฟียซได้ไง" เจ้าคุณมองหน้าฉันอย่างสงสัย
"เราบังเอิญเจอกันในคณะ.."นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ย ทำไมบังเอิญขนาดนี้ แสดงว่าเราทั้งสามคนก็เป็นเพื่อนกันหมดเลยนะสิ..
"ให้ตายเถอะ"
"อ้าว ไอ้ท่านคุณเห็นเพื่อนกูสวยหน่อยคุยยาวเลยนะมึง รีบขึ้นดิสัส" นายเฟียซโผล่หัวออกมาเรียกเจ้าคุณ
"ได้ยินข่าวว่านี้รถกู" เจ้าคุณตอบกวนๆ กลับไป พร้อมกับหันมามองฉันเหมือนเดิม
"ขึ้นรถเถอะ ไว้ค่อยคุยกัน"
"..." ฉันพยักหน้าตอบเปิดประตูหลังสอดตัวเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง พอมานั่งอยู่กับผู้ชายสองคนตัวเองเป็นผู้หญิงแค่คนเดียวมันก็รู้สึกแปลกๆ ถึงฉันจะเริ่มสนิทกับเจ้าคุณแล้วก็เถอะ..
"เอ่อ...แวะที่นิเทศก่อนได้มั้ยพอดีฉันลืมป้ายชื่ออ่ะ" ที่จริงป้ายชื่อมันก็อยู่ในกระเป๋าฉันนี้แหละ แต่มันคือข้ออ้างจะกลับเองไง ฉันไม่อยากให้เฟียซรู้ที่อยู่ฉันเผื่อโผงผางมาหาฉันกะทันหันแล้วเจอเข้ากับคุณเอเธนส์เข้าคงเกิดเรื่องแน่ คราวก่อนถ้าเจ้าคุณอยู่นานกว่านี้คงซวย..
"ยัยโง่" เฟียซพูดขึ้น
"มึงก็พูดกับผู้หญิงดีๆหน่อยสัส"
"ใครจะพูดเพราะเหมือนมึงล่ะท่านคุณ" สองคนนั้นพูดจากวนประสาทกันไม่หยุดจนกระทั่งมาถึงหน้าคณะนิเทศรถก็จอด ฉันจึงเปิดประตูลงจากรถ
"รีบมาด้วยล่ะ"
"...." ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะเดินเข้ามาในตัวตึก เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ เพื่อหาที่หลบให้เจ้าคุณและเฟียซขับรถออกไปก่อน แต่สายตาก็ดันไปเจอเข้ากับเงาสะท้อนของชายหญิงคู่หนึ่งที่เหมือนจะนัวเนียกันฉันจึงแอบมาหลบที่มุมเสา
"อย่าค่ะเฮียนี่มันในตึกนะคะ"
"...แล้วไงตรงนี้ไม่เห็นมีใคร" ที่เขาหายไปนานๆ คงไปอยู่กับเธอสินะ ฉันมันก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้งานบนเตียงอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ..
"กลับก่อนนะคะ ค่อยว่ากัน" ฉันแอบมองสองคนนั้นคุยกัน ผู้หญิงคนนั้นดูดีกว่าฉันทุกอย่างเธอร่าเริง ยิ้มเก่ง และยังขี้อ้อนเพราะดูจากที่เธอที่กำลังอ้อนคนตรงหน้าอยู่...
"...." ภาพที่เห็นทำไมมันเจ็บขนาดนี้ ฉันคงไม่ได้รักผู้ชายคนนี้ไปแล้วใช่มั้ย..
[And Talk]
.
.
.
Next...
"ไปถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ เอากันไปถึงไหนแล้วถึงขั้นตัดขาดไม่ได้!? "
