ตอนที่ 5
วันต่อมา...
เพราะเมื่อวานถูกผู้ชายนิสัยเสียอย่างโอเวอร์ฉุดออกจากงานกลางคันทำให้ฉันลืมกระเป๋าเอาไว้ที่โรงแรม แต่จะให้บากหน้าไปถามทางโรงแรมก็คงไม่ไหว ดังนั้นฉันจึงมาโรงเรียนเพื่อถามไถ่เอากับคุโชว์แทน
“อ้าวมิน” เสียงใครบางคนเรียกชื่อฉัน สำเนียงแบบนี้มัน... พอหันขวับไปมองก็เห็นประธานนักเรียนที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี ไม่เจอกันเป็นเดือนหมอนั่นไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ
“ไงท็อฟฟี่” ฉันทักทายไปตามปกติ
“ก็สบายดี ว่าแต่ลมอะไรหอบเธอมาโรงเรียนเนี่ย”
“เหอะ! ลมพายุควันหลงจากเรื่องที่นายก่อเอาไว้น่ะสิ”
ท็อฟฟี่ประธานนักเรียนสุดหล่อแห่งเซนมารีนถึงกับขมวดคิ้ว “ฉันก่อเรื่องอะไรเอาไว้เหรอ”
ถามมาได้เนอะ “ก็นายทำอะไรเอาไว้กับน้องสาวตัวเองล่ะ”
“อะ... เรื่องนั้นเองเหรอ ทำไม ก็ไม่เห็นว่าพุดดิ้งน้องสาวฉันจะทุกข์ร้อนอะไรสักหน่อย”
“น้องนายก็คงจะมีความสุขดีนั่นแหละ แต่ฉันกำลังพูดถึงอีกคน”
“ใครอ่า...” ท็อฟฟี่ตีสีหน้าเซ่อแกล้งทำเป็นไม่รู้กลับมา
“อ้าวเจ๊” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยปากบอกว่าเป็นใคร เสียงของคุโชว์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน หมอนั่นวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาฉันพร้อมกับพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “นึกว่าจะไม่เจอเจ๊แล้วซะอีก”
“มีธุระกับหมอนี่เหรอ” ท็อฟฟี่เลิกคิ้วมองหน้าฉัน ฉันจึงพยักหน้าตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วหมอนั่นก็คลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เห... อย่าบอกนะว่าเพราะแกยัยนี่ถึงได้โผล่มาโรงเรียน” ท็อฟฟี่จ้องหน้าฉันกับคุโชว์สลับกันไปมา
“บ้าสิ! พูดเรื่องอะไรของนาย” ฉันส่ายหน้ากับความคิดไร้สาระนั่น
“เจ๊มาเรียนเพราะผมเหรอ” ทว่าคุโชว์เหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด หมอนั่นเบิกตาโตอย่างทึ่งๆ นี่ก็อีกคนซื่อจริงหรือแกล้งซื่อกันแน่
“อย่าบ้าน่าคุโชว์ฉันมาหานายก็เพราะมีธุระจะพูดด้วย”
“เจ๊มาโรงเรียนเพราะผมจริงๆ ด้วย เหลือเชื่อ” หมอนั่นตะโกนเสียงดังอย่างกับเด็กๆ ที่รู้ว่ากำลังจะได้ของเล่นใหม่ก็ไม่ปาน ฉันจุปากเตือนอย่างตำหนิก่อนจะเดินนำเขาออกห่างจากท็อฟฟี่ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนไกลสองเท้าของฉันก็สะดุดกึกเพราะสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า
...โอเวอร์ หมอนั่นจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตานิ่งๆ ไม่นานเพื่อนของเขาก็โผล่เข้ามาแล้วเดินไปด้วยกัน
ใบหน้าฉันร้อนวูบขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงจูบของโอเวอร์เมื่อวาน ไม่ๆ อย่าไปคิดถึงสิ ...อย่านึกถึงมัน
ฉันบอกตัวเองซ้ำๆ พลางสะบัดหน้าพรืดไล่ความฟุ้งซ่านออกไป
“...”
แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกแปลกๆ กับแววตาเย็นชาของโอเวอร์ด้วยละเนี่ย
“เจ๊”
“อ๊ะ” ฉันหันกลับไปมองคุโชว์ด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
“มีอะไรหรือเปล่า” คุโชว์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ฉันรีบถอยห่างอย่างใจหายใจคว่ำ
“นายทำฉันตกใจนะรู้ไหม”
“งั้นเหรอ”
“ยังจะมายิ้มอีก” ฉันแยกเขี้ยวใส่หมอนั่นด้วยความหมั่นไส้
“แฮร่ๆ ว่าแต่เจ๊มีอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“เมื่อวานฉันลืมกระเป๋ากับเสื้อผ้าเอาไว้ที่โรงแรม นายเห็นหรือเปล่า”
“อ้อ ผมเก็บไว้เองล่ะ ไม่คิดว่าวันนี้เจ๊จะมาก็เลยไม่ได้ถือติดมือมาด้วย”
“อ้าวเหรอ... ฉันต้องใช้โทรศัพท์ด้วยสิ” ฉันแอบบ่นพึมพำประโยคท้ายกับตัวเองเบาๆ แต่ก็รู้สึกขอบคุณคุโชว์ที่เขาอุตส่าห์นึกถึงฉันแล้วเก็บของเอาไว้ให้ นายช่างเป็นคนดีอะไรแบบนี้
“เจ๊จะเอาของตอนนี้เหรอ”
“...” ฉันเม้มปากไม่กล้าพูดอะไรออกไปนอกจากพยักหน้ารับอย่างเกรงอกเกรงใจเท่านั้น
คุโชว์ชักสีหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้มใจดีในแบบที่ฉันมักจะได้เห็นเป็นประจำ
“ถ้างั้นเย็นนี้เจ๊ก็ไปเอาที่บ้านกับผมสิ”
“เอ๊ะ?” ฉันแอบผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าหมอนั่นจะพูดว่าไปเอาตอนนี้ซะอีก เฮ้อ นี่ฉันต้องรอจนถึงตอนเย็นเลยเหรอ เสียดายเวลาชะมัด แทนที่จะได้ไปทำอย่างอื่น ชิชะ
“ทำไมเหรอ หรือเจ๊มีนัด” คุโชว์ก้มลงส่องหน้าฉัน เพราะหมอนั่นเข้าใกล้มากเกินไปทำให้ฉันต้องรีบกระถดถอยออกห่าง
“ปะเปล่า... ก็แค่ไม่รู้จะทำอะไรระหว่างรออยู่เฉยๆ”
“อ้อ...” คุโชว์เพิ่งเข้าใจความลำบากใจของฉัน เรื่องปัญหาที่บ้านฉันไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับแต่อย่างใด เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคนรู้ความเปลี่ยนแปลงของฐานะทางครอบครัวฉัน
“ถ้างั้นฉันไปรอที่ห้องสมุดก็แล้วกัน นายเลิกเรียนแล้วมาหาฉันนะ” ฉันบอกก่อนจะรีบเดินเร็วๆ ออกมา
“เจ๊เดี๋ยวสิ” คุโชว์วิ่งมาดักหน้าฉันเอาไว้ “ถ้างั้นไปเอากันตอนนี้ก็ได้”
“เอ๊ะ?” ฉันตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจไวขนาดนี้ แต่อย่าพูดว่าไปเอากันตอนนี้ออกมาโต้งๆ ได้หรือเปล่า ฟังแล้วชวนคิดดีไม่ได้เลย
“ผมบอกว่าไปกันตอนนี้เลย”
“แต่ว่านายต้องเรียน”
“ไปเถอะน่า ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
“อ๊ะ คุโชว์เดี๋ยวสิ คุโชว์” ฉันรีบวิ่งตามหลังคุโชว์ที่เดินนำไปไกล
คุโชว์หันมายิ้มทะเล้นให้ฉันก่อนจะโบกมือแล้วออกวิ่งเพื่อไม่ให้ฉันตามทัน ถ้ามีคนอื่นเห็นคงคิดว่าเราทั้งคู่กำลังวิ่งเล่นไล่จับกัน เพราะตลอดทางฉันจะส่งเสียงเรียกหมอนั่นพร้อมกับสั่งให้หยุด ส่วนคุโชว์ก็หันมาแลบลิ้นปลิ้นตาทำท่าบ๊องๆ ล้อเลียนฉันเป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ หมอนั่นก็ล้วงโทรศัพท์ออกมากดโทรหาใครบางคนพร้อมกับหยุดวิ่ง
“เฮ้ยท็อฟฟี่ฝากลาป่วยด้วย ครึ่งวัน ...ติดธุระนิดหน่อย แค่นี้นะ ขอบใจมากเพื่อน”
ติ้ด!
ฉันวิ่งมาถึงพอดี มองหน้าคุโชว์ด้วยสายตาไม่สบายใจ “ทำแบบนี้มันจะดีเหรอ” ถึงฉันจะรีบแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนหรอกนะ
“ไม่เป็นไรหรอกน่าเจ๊ ทีเจ๊ยังขาดเรียนบ่อยๆ ได้เลย ไม่ต้องมาห่วงผมหรอก”
ฉันถลึงตาใส่หมอนั่นอย่างตำหนิ “ฉันอยู่ปีสุดท้ายแล้วไม่ไปเรียนก็ไม่มีใครว่า แต่นายไม่ใช่”
“เหอะน่า... ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว นั่งลงๆ วิ่งมาตั้งไกลไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” คุโชว์ดึงแขนฉันให้นั่งลงข้างๆ อย่างขี้เกียจต่อปากต่อคำ ก่อนจะยื่นหน้าออกไปมองรถเมล์ทุกๆ สิบวินาที
ฉันได้แต่มองหน้าที่เคลือบไว้ด้วยรอยยิ้มจางๆ ของคุโชว์ด้วยความรู้สึกลำบากใจ... จริงๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจฉันขนาดนี้ก็ได้ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
