ตอนที่ 4
“เจ๊”
ฉันหันขวับไปตามเสียงเรียก คุโชว์ยืนกอดอกจ้องมองฉันด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“อะไร?” ฉันเสียงเขียวใส่หมอนั่น ก่อนจะก้มลงดึงเกาะอกที่ฟิตเปี๊ยะขึ้นเพื่อปิดบังเนื้อหน้าอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในห้องแต่งตัวกับคนอื่นๆ พวกผู้หญิงต่างหันมามองคุโชว์ด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ไม่มีใครต่อว่าหมอนั่นที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องแต่งตัวของสาวๆ แบบนี้
“โทรบอกที่บ้านหรือยัง”
ฉันทำหน้ายุ่ง
“แล้วนายมาวุ่นวายอะไรกับฉันเนี่ย เข้ามาเพื่อที่จะถามเรื่องนี้เนี่ยนะ”
“เปล่าหรอก ก็เจ๊ยังไม่ได้กลับบ้านเลยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องส่วนตัวฉันเลย นายมีหน้าที่จ่ายเงินฉันเต็มจำนวนหลังเสร็จงานก็พอ”
“เออๆ ผมจะเตือนพี่สาวให้แล้วกัน หน้าเลือดชะมัด อ้อ! เมื่อกี้เฮียโทรมาถามถึงเจ๊ด้วยล่ะ”
“เฮีย? ใครน่ะ” ฉันจ้องหน้าหมอนั่นอย่างไม่ไว้ใจ รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ
“ก็เฮียโอเวอร์ไง”
“เฮ้ย หมอนั่นถามถึงฉันเหรอ ทำไม” ฉันรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจไปชั่วขณะเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“ก็นั่นน่ะสิผมถึงได้เข้ามาถามนี่ไง เจ๊มีปัญหาอะไรกับเฮียหรือเปล่า ท่าทางเฮียโมโหมากเลยนะ”
“ละแล้วนายบอกหมอนั่นว่าไง”
“ก็บอกว่าเจ๊ติดงาน ทำไมเหรอ”
“...” ฉันกัดริมฝีปากล่างอย่างนึกหวั่นใจ จ้องหน้าคุโชว์ด้วยสายตากังวลแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปจนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“สาวๆ จ๊ะพร้อมกันหรือยัง งานจะเริ่มแล้วนะ” พี่สาวของคุโชว์นั่นเอง เธอเดินเข้ามาปรบมือเตือนเรื่องกำหนดการ ก่อนจะยิ้มใจดีส่งมาให้ฉันแล้วเดินออกไป
“เจ๊ไปทำงานเถอะ ผมไม่กวนละ” คุโชว์กำลังจะเดินจากไป ฉันรีบดึงแขนเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว แต่เพราะออกแรงมากไปหน่อยทำให้คุโชว์ที่ไม่ทันระวังตัวถลาเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเราเกือบจะสัมผัสกัน ฉันรีบกระถดออกห่าง รู้สึกกระดากอายแปลกๆ ก้มลงมองพื้นก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่มั่นใจ
“ชุดนี้มันไม่โป๊ไปใช่ไหม”
“เอ่อ... อ้อ... ก็ไม่หนิ สวยดี” คุโชว์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ท่าทางงุ่นง่านไม่ต่างอะไรจากฉันเท่าไหร่
“งะ... งั้นเหรอ ถ้างั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
“อะอื้ม”
“แฮร่” ฉันยิ้มแบบเก้อๆ ให้คุโชว์ก่อนจะรีบปลีกตัวออกมา บ้าจัง ทำไมฉันต้องรู้สึกประหม่าขนาดนี้ด้วยนะ อาจเป็นเพราะไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายแบบนี้บ่อยๆ แต่แล้วความคิดของฉันก็มืดมนลงทันใดเมื่อนึกถึงใบหน้าของโอเวอร์ หมอนั่นทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ออกมา เพราะเขาคนเดียวทำให้ชีวิตวัยสาวของฉันต้องมัวหมอง ฉันยังไม่เคยจูบกับใครเลยนะ แล้วนายมาแย่งชิงเวอร์จิ้นของฉันไปก่อนวัยอันควรแบบนี้ได้ยังไง
“...” เอ๊ะ... หรือว่าฉันจะเสียจูบแรกให้โอเวอร์ไปแล้ว ถ้าหมอนั่นจูบฉันไปแล้วละ กรี๊ด แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเลยนะ ทำไมฉันต้องเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สูญเสียสิ่งสำคัญแบบนั้นไปอย่างไม่รู้สึกตัวล่ะ
ฉันเกลียดแกโอเวอร์
แกร๊ก!
“ว้าย” ระหว่างที่ฉันกำลังสบถด่าโอเวอร์อยู่ในใจ เท้าที่กำลังก้าวก็เกิดพลิกกะทันหันเพราะส้นรองเท้าไปขัดกับช่องบันไดที่ยกระดับ ฉันอ้าปากเหวอเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะร่วงตกบันได เสียการทรงตัวไปอย่างไม่ได้ตั้งตัว
“กรี๊ด”
“เฮ้! ระวัง”
หมับ
ร่างฉันถูกดึงเข้าไปกอดก่อนที่จะเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น ฮือๆ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าตกบันไดลงไปจะเกิดอะไรขึ้น ที่แน่ๆ ฉันคงจะชวดเงินค่าแรงแหงๆ เพราะยังไม่ทันได้เริ่มงานก็หาเรื่องเจ็บตัวซะก่อน
ทำไมชีวิตช่วงนี้ถึงได้อับโชคแบบนี้นะ ฉันค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองหลังจากที่นึกสาปแช่งโชคชะตาของตัวเองในใจ แผ่นอกกว้างที่คุ้นตาของใครบางคนปรากฏอยู่ตรงหน้า ฉันเบิกตากว้างรีบผละออกห่างหน้าอกแน่นๆ นั่นด้วยความตกใจ ลืมไปว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนขั้นบันได และนั่นเองทำให้ฉันอ้าปากเหวออีกรอบเพราะกำลังจะหงายหลังตกบันไดอีกครั้ง
“เฮ้! เดี๋ยวก็ได้ตกลงไปจริงๆ หรอก” หมอนั่นคว้าแขนฉันเอาไว้แล้วรีบดึงกลับไป
“เฮ้อ...” ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างใจหายใจคว่ำ หลังผ่านพ้นขีดอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด จ้องหน้าคุโชว์ด้วยใบหน้าจืดเจื่อนและร้อนผ่าว
“ขะขอบใจนะ”
“ระวังหน่อยสิเจ๊ มาทำงานหรือมาก่อเรื่องให้คนอื่นกันแน่เนี่ย” หมอนั่นส่ายหน้าไปมา ถึงแม้คำพูดนั่นออกจะกวนๆ ไปสักหน่อยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง ฉันแทบจะไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเพราะยังตกใจไม่หาย อีกอย่างก็รู้สึกขอบคุณเขาด้วยที่ช่วยฉันเอาไว้ นอกจากคำว่าขอบคุณแล้วฉันก็นึกอย่างอื่นไม่ออกเลยจริงๆ
“อืม ขอบคุณนะ”
“อะ... อะไรเล่าเจ๊ ขอบคุณอยู่นั่นแหละ รีบๆ ไปทำงานได้แล้ว เค้ารอเจ๊อยู่คนเดียวเนี่ย”
“นั่นสินะ งั้นขอตัวนะ” ฉันยิ้มเก้อๆ เดินอย่างระวังลงบันไดมาด้วยขาสั่นๆ เพราะอะไรกันนะทำไมฉันต้องรู้สึกแปลกๆ แบบนี้กับคุโชว์ด้วย มันไม่มีอะไรพิเศษสักหน่อย เฮ้อ...
ฉันเดินเข้ามาสมทบกับพริตตี้คนอื่นๆ ที่กำลังโพสต์ท่าถ่ายรูปกับรถยนต์ที่ถูกนำมาจัดแสดงโดยบริษัทนำเข้ารถยนต์ยักษ์ใหญ่ ก่อนหน้าจะเริ่มงานพวกเรามีการซักซ้อมกันก่อน เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่รู้สึกเคอะเขินมากนักในสถานการณ์จริง ฉันก้าวมายืนในตำแหน่งเดิมกับที่ซักซ้อมกันก่อนหน้านี้ และพยายามเลียนแบบท่าโพสต์ของพริตตี้รุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆ โชคดีที่ทุกคนค่อนข้างจะเป็นมิตรฉันจึงไม่รู้สึกอึดอัดมากนักกับการทำงานนี้ แม้ว่าจะยังเขินๆ กับชุดเกาะอกสีดำแนบเนื้อโชว์สะดือและกางเกงหนังสีดำขาสั้นจุ๊ดที่มีรองเท้าบูทสีดำเข้าชุดยาวจนเกือบจะถึงหัวเข่า ช่วยทำให้การแต่งตัวไม่โป๊เปลือยมากเกินไป แต่นั่นแหละ ยังไงมันก็เปิดเยอะอยู่ดี ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและใจเลยให้ตายเถอะ
