บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

“นี่อย่ามากวนประสาทฉันนะโอเวอร์ ถ้าไม่คิดจะคุยตอนนี้ก็จอดรถ ฉันจะลง” ฉันตะโกนกลับไปเสียงแข็งอย่างรู้สึกโมโห

“เสียงดังทำไมมินมิน คิดว่าฉันอยากยืดเยื้อเรื่องนี้นักหรือไง”

“แล้วนายจะรีรออยู่ทำไมล่ะ ก็พูดออกมาเลย”

“ก็ได้” หมอนั่นเสียงดังกลับมา “เธอจะเอาเท่าไหร่”

เงียบอึ้งกันไปทั้งคู่

“หมายความว่ายังไง อะไรเท่าไหร่” ฉันถามกลับไปเสียงสั่นหลังผ่านไปสักพัก

โอเวอร์กำลังผลักฉันลงสู่ก้นเหวที่ลึกที่สุดด้วยมือของเขาเอง สมองฉันกำลังทำงานหนักเมื่อคำถามของหมอนั่นได้กรีดลึกซ้ำลงบนบาดแผลเดิม

“โอเค ฉันเข้าใจว่ามันอาจจะดูรุนแรงไปสักหน่อยสำหรับเธอ แต่ฉันเองก็อยากรับผิดชอบ”

“ด้วยการใช้เงินฟาดหัวฉันเนี่ยนะ” ฉันสวนกลับไปก่อนที่โอเวอร์จะพูดอะไรต่อ ฉันกัดริมฝีปากแน่น ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว

“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

“ทำไมจะไม่ใช่ นายเห็นฉันเป็นตัวอะไรโอเวอร์ จอดรถเดี๋ยวนี้นะ บอกให้จอดไง” ฉันร้องโวยวาย จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“แม่งเอ๊ย ฟังหน่อยสิวะ”

โอเวอร์สบถอย่างหัวเสียออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะพูดประโยคที่ฝืดฝืนใจตัวเองออกมา “แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”

หมอนี่พร้อมจะปัดความรับผิดชอบอยู่ทุกลมหายใจ ใช่สิ ในสมองของเขาคงมีแต่พุดดิ้งสินะ

“...” แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ยังไม่สามารถตอบคำถามของโอเวอร์ได้ ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ มันมืดมนไปหมด ฉันไม่เคยชอบโอเวอร์ และหมอนั่นก็ไม่มีใจให้ฉันด้วย แต่ทำไม... ทำไมเรื่องบัดสีเทือกนั้นต้องมาเกิดกับเราทั้งคู่

ยิ่งคิดถึงเรื่องนั้นน้ำตาของฉันก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น จนโอเวอร์ต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ ถึงทำให้ฉันได้สติว่ากำลังทำตัวอ่อนแอต่อหน้าเขา

ฉันรีบปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ แล้วจ้องหน้าโอเวอร์ด้วยแววตาแน่วแน่ และเข้มแข็ง (อย่างพยายาม)

“ฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องนั้นอีก ลืมมันไปซะเถอะ”

“...!!!”

เอี๊ยด!

โอเวอร์เบรกรถกึกเพราะถึงหน้าคลับสนุกเกอร์พอดี แต่หมอนั่นคงไม่รู้ตัวหรอก ที่เบรกก็เพราะตกใจกับคำพูดไม่แยแสของฉันมากกว่า ฉันไม่สนใจท่าทางแปลกใจของเขา รีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งไปรายงานตัวกับผู้จัดการที่หลังร้านโดยไม่ปล่อยให้เรื่องของโอเวอร์มารบกวนจิตใจอีก

“อ้าวหนูมินมิน” ผู้จัดการทักทายทันทีที่เจอหน้าฉัน

“สวัสดีค่ะ”

“เอ๊ะ... ตาบวมนะเรา ร้องไห้มาเหรอ” คำทักท้วงของผู้จัดการดังพอประมาณทำให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ๆ ต่างหันมามองฉันด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

“พอดีเจอลูกหมาโดนรถทับตายระหว่างทางค่ะ หนูก็เลยร้องไห้” ฉันแกล้งพูด

“โถๆๆ จิตใจอ่อนไหวอะไรอย่างนี้เนี่ย ไปเถอะจ้ะ รีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”

“ค่ะ” แล้วผู้จัดการก็เชื่อคำพูดของฉันเป็นตุเป็นตะถึงขนาดเอาไปเล่าให้แขกฟัง พอฉันมาเสิร์ฟอาหารกับเครื่องดื่มทีก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแห้งๆ ให้กับคำแซวของพวกแขกผู้ชายนั่นอีก

“น้องมินมิน อย่าเสียใจไปเลยนะ ถึงหมาจะตายแต่พี่ชายคนนี้ก็ยังอยู่”

“ฮิ้วววววว” แล้วเพื่อนร่วมโต๊ะของไอ้บ้านั่นก็โห่ร้องชอบใจกันใหญ่

“...” ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อน รีบเสิร์ฟแล้วรีบออกมา นี่ฉันต้องทนกับอะไรแบบนี้อีกนานแค่ไหนนะ เมื่อไหร่พ่อกับแม่จะกลับมาสักที... ไม่สิ เพราะหนี้สินนั่นต่างหากที่ทำให้ฉันต้องมาทนรับสภาพแบบนี้ นึกถึงสมัยที่ยังเป็นคุณหนูกับตอนนี้แล้วมันช่างต่างกันลิบลับ

“อุ้ย...” ฉันอุทานเบาๆ อย่างตกใจเมื่อเจอกับโอเวอร์ที่ยืนพิงกรอบประตูพร้อมกับส่งสายตามองมาที่ฉันเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“ร้องไห้เพราะหมาตายงั้นเหรอ” หมอนั่นเอ่ยออกมาอย่างประชดประชัน

“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉัน”

“นี่มินมิน ฉันรู้ว่าเธอโกรธแต่ดื้อรั้นไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”

ฉันหันขวับไปมองหน้าโอเวอร์อย่างไม่เข้าใจ ไม่นานหมอนั่นก็พูดออกมา...

“ฉันจะให้เงินเธอสักก้อน จะได้ไม่ต้องมา”

เพียะ

ฉันฟาดฝ่ามือใส่หน้าโอเวอร์อย่างเหลืออด จ้องหน้าผู้ชายที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันจนย่อยยับด้วยแววตาเจ็บปวด

“...!!!” หมอนั่นหันกลับมามองหน้าฉันพร้อมกับขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน

“เก็บเงินของนายเอาไว้ให้ผู้หญิงอื่นเถอะโอเวอร์ ฉันไม่ต้องการ” ฉันกำลังจะเดินหนีแต่หมอนั่นก็รั้งข้อมือฉันเอาไว้

“จะเล่นตัวก็ให้มันน้อยๆ หน่อยมินมิน ฉันไม่เคยง้อใครขนาดนี้มาก่อนรู้ไว้ซะด้วย”

“ง้อเหรอ เหอะ อย่ามาตลกหน่อยเลย นายก็แค่อยากสลัดความรู้สึกผิดที่มีต่อฉันทิ้งไปเท่านั้นล่ะโอเวอร์”

“ว่าไงนะ”

“ปล่อย”

“ฉันจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย รับเงินไปซะ หรือไม่ก็ลาออกไปเลย”

“อะไรนะ”

คราวนี้เป็นฉันที่อึ้ง มึน รู้สึกเหมือนโดนน็อกก็ไม่ปาน เมื่อกี้โอเวอร์กำลังขู่ฉันงั้นเหรอ หรือว่าหมอนี่พูดจริง ฉันเหลือบมองหน้าโอเวอร์แววตาสั่นไหว จะไล่ฉันออกจากงานที่นี่เหรอ โหดร้ายเกินไปแล้ว

“จะยอมรับเงินจากฉันดีๆ หรือจะออกจากงานก็เลือกเอา”

“โอเวอร์” ฉันไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดใครขนาดนี้มาก่อน ให้ตายสิ

“...”

เราทั้งคู่สบตากันไม่ลดละจนกระทั่งเสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น

“ตายแล้วมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะ” ผู้จัดการสลอนหน้าเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา ทำให้ฉันกับโอเวอร์ต่างหันหน้าหนีกันไปคนละทาง ก่อนที่หมอนั่นจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“ฉันให้เวลาเธอคิดถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีคำตอบฉันจะถือว่าเธอเลือกอย่างหลัง” แล้วหมอนั่นก็เดินจากไปปล่อยให้ฉันกำหมัดแน่นมองตามด้วยแววตาแค้นเคือง

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะน้องมินมิน” ผู้จัดการมองฉันตาปริบๆ

“เปล่าหรอกค่ะ มินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“อ้าว”

หลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะพยายามทำอะไร ทำตัวให้ยุ่งขนาดไหน แต่สิ่งที่โอเวอร์พูดทิ้งท้ายเอาไว้ก็ยังคงรบกวนอยู่ในหัวไม่หยุด ...หมอนั่นคิดจะไล่ฉันออกเพราะเรื่องนั้นจริงๆ เหรอ ไม่ ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด กว่าจะหางานทำที่สบายๆ ปลอดภัย และได้เงินดีแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel