ตอนที่ 3.2
ฉันนอนคิดกระวนกระวายใจทั้งคืน กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้าแล้ว วันนี้เลยต้องซมซานมาเรียนด้วยสภาพที่อิดโรยสุดๆ ได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันมาโรงเรียนจริงๆ เพราะถูกใครไม่รู้แย่งงานสอนพิเศษไปเมื่อวาน ช่วงที่กำลังเล็งหางานใหม่ทำก็เลยมาโรงเรียนฆ่าเวลาไปก่อน ที่สำคัญฉันเองก็อยากจะคุยกับโอเวอร์เรื่องเมื่อวานด้วย มันค้างคาใจยังไงไม่รู้ บางทีถ้าฉันขอโทษที่พลั้งมือไปตบหน้าเขาเมื่อวาน หมอนั่นอาจจะใจอ่อนไม่ไล่ฉันออกจากงานก็ได้ ถึงไม่อยากแต่เพื่อปากท้องฉันจำเป็นต้องอ่อนข้อให้เขาสักหน่อย
“...”
ฉันก้าวเข้ามาในห้องเงียบๆ แต่กลับทำให้บรรยากาศที่ดูเงียบเชียบอยู่แล้วเงียบลงไปอีก เมื่อบุคคลที่อยู่ในห้องตอนนี้มีเพียงโอเวอร์ ฟราน เคเลอร์ นิด้าและ มีอาร์ เพื่อนในกลุ่มของหมอนั่นทั้งนั้น
อากาศภายในห้องดูเหมือนจะเบาบางมากขึ้นเมื่อฉันสบสายตาของพวกเขาทีละคน...
ฟราน เจ้าของใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งคมสันตามแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งที่มีเชื้อสายตะวันตกมากกว่าครึ่งหนึ่งของสายเลือดเบือนมามองฉันแวบสั้นๆ ก่อนที่สายตาคมปลาบคู่นั้นจะหันไปสนใจนิตยสารในมือต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เคเลอร์ ที่ยืนกึ่งนั่งบนเหลี่ยมโต๊ะเรียนด้วยท่าทางผ่อนคลายแต่กลับดูดีจนไม่น่าเชื่อด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งได้สัดส่วนราวกับนายแบบ ท่าทีเย็นชา กับส่วนประกอบบนใบหน้าที่ลงตัว ทำให้เคเลอร์กลายเป็นหนุ่มลูกครึ่งมาดขรึมที่มีสาวๆ แอบกรี๊ดมากที่สุดในโรงเรียน
นิด้า ผู้หญิงที่มีเรือนผมสีบลอนด์อย่างฝรั่ง ใบหน้ากลมมนรูปไข่ กับดวงตากลมโตสีฟ้าใสทำให้เธอไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตาบาร์บี้ที่เต็มไปด้วยความสวยใส น่ารัก และเปรี้ยวซ่าในบางมุม ริมฝีปากบางเฉียบนั่นขยับมุมปากเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงการมาของเพื่อนร่วมห้องที่นานๆ ทีจะโผล่มาอย่างฉัน
...และคนสุดท้าย
มีอาร์ ลูกครึ่งที่มีเชื้อสายมาจากชาวตะวันตกมากกว่าครึ่ง มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเหยียดตรงกับผิวสีขาวราวกับกระดาษ รูปหน้าเรียวมนรับกับจมูกที่เชิดรั้น ดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลชำเลืองมองฉันหน่อยเดียว ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่าง มีอาร์เป็นอีกคนที่มีชื่อติดอันดับสาวฮอตของโรงเรียนเซนมารีน
...ฉันชักสงสัยแล้วสิว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่เลือกมาโรงเรียนแทนที่จะไปตระเวนหางานพิเศษทำ เพราะดูเหมือนว่าวันนี้พวกเพื่อนๆ ที่ฉันสนิทด้วยจะไม่มาเรียนกันสักคน บ้าจริง รู้งี้น่าจะโทรหานาเดียร์ก่อนก็ดี ใช่แล้วล่ะ นาเดียร์เป็นเพื่อนในห้องคนหนึ่งที่ฉันรู้จักและค่อนข้างจะสนิทกว่าใคร
“กำลังพนันกันอยู่เลยว่านอกจากพวกเราแล้ววันนี้จะมีใครมาอีกหรือเปล่า”
เคเลอร์ยักคิ้วแบบที่เท่บาดใจมาให้ฉัน แม้ท่าทางของหมอนั่นจะดูเคร่งขรึมแต่มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเย็นชากับเพื่อนร่วมห้องอย่างฉันหนิ
“โทษนะที่ทำให้หมดสนุก” ฉันเอ่ยอย่างขอไปที ก่อนจะเดินมาวางกระเป๋าและนั่งที่ตัวเอง ที่นานๆ ทีจะได้ใช้งานสักครั้ง ถึงฉันพูดว่าอยากจะคุยกับโอเวอร์ก็เถอะ แต่ถ้ามีเพื่อนของเขาอยู่กันเยอะขนาดนี้ฉันก็ขอบายล่ะ... ไม่อยากเสี่ยงให้ใครรู้เรื่องนี้เพิ่มขึ้น
“ใครบอกล่ะ เพราะเธอนั่นแหละที่ทำให้พวกเรารู้สึกสนุกมากกว่าเดิม จริงไหมโอเวอร์” เสียงนิด้าดังขึ้น ฉันตวัดสายตามองหน้ายัยลูกครึ่งฝรั่ง เจ้าของดวงหน้าสวยหวานซ่อนเปรี้ยวเหมือนตุ๊กตาบาบี้ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“หึ!” โอเวอร์สบถออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเหยเกในแบบที่ฉันเดาความคิดของเขาไม่ออก
“ยอมให้พวกเราไปถล่มคลับสนุกเกอร์ของแกดีๆ แล้วใช่ไหม” ฟรานตบไหล่โอเวอร์อย่างเย้าแหย่
ฉันแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ก็แค่พนันกันเล่นๆ นี่เอง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของฉันเลยสักนิด
กริ๊ง~
ไม่นานเสียงออดเข้าเรียนก็ดังขึ้น แต่ไอ้พวกฝรั่งหน้าตาดีที่อยู่ในห้องนี้กลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม
“เฮ้ ไปหาอะไรกินดีกว่า หิวแล้ว” เสียงเคเลอร์ ได้ยินไม่ผิดหรอก สำหรับเด็กนักเรียนมอหก เสียงกริ่งเข้าเรียนมันไม่มีความหมายแล้ว เพราะถึงยังไงก็ไม่มีอาจารย์เข้ามาสอนอยู่ดี ยิ่งเป็นเทอมสุดท้ายอย่างนี้ยิ่งแทบจะหาเด็กมอหกที่มาโรงเรียนแบบนี้ยาก
“พวกแกไปกันก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับยัยนี่หน่อย”
“...!!!” ฉันแอบเสียวสันหลังวูบเมื่อได้ยินเสียงของโอเวอร์ ไม่นานเพื่อนๆ ของหมอนั่นก็ทยอยออกจากห้องไปด้วยอารมณ์เซ็งๆ ที่โอเวอร์ไม่ยอมออกไปพร้อมกันหรือไม่พอใจที่โอเวอร์ทำตัวมีความลับกับพวกตัวเองก็ไม่รู้ แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตูห้อง ฟรานก็ไม่วายโผล่หน้าเข้ามาทวงเดิมพันกับโอเวอร์อีกรอบ
“อย่าลืมนะเว้ย คืนนี้เจอกันที่คลับสนุกเกอร์”
“...” สีหน้าโอเวอร์เหมือนไม่อยากต้อนรับเพื่อนเท่าไหร่
คล้อยหลังพวกนั้น โอเวอร์ก็ลุกขึ้นแล้วมานั่งลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน เพ่งมองลงมาด้วยสายตาทวงถามบางสิ่ง ไม่ต้องให้เอ่ยปากฉันก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร ฉันรู้สึกจุกแน่นไปทั้งหน้าอก... โอเวอร์ แค่นี้นายยังย่ำยีหัวใจของฉันไม่พอหรือไง
“ฉันไม่มีคำตอบจะให้หรอก” ฉันเบือนหน้าหลบสายตาคมๆ นั่น
“งั้นเหรอ เธอยินดีที่จะออกจากร้านของฉันสินะ”
“โอเวอร์”
“ฉันพยายามช่วยเธอแล้วมินมิน แต่เธอไม่ยอมรับข้อเสนอของฉันเอง” หมอนั่นพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึกผิด
“ช่วยเหรอ” ฉันถามย้ำออกไปอย่างของขึ้น “นายช่วยผลักฉันลงเหวที่ลึกที่สุดต่างหากล่ะโอเวอร์”
“ฉันยื่นข้อเสนอให้เธอแล้วหนิ แต่เธอไม่รับเอง” หมอนั่นเหลือบมองฉันอย่างช่วยไม่ได้
“โอเวอร์” จู่ๆ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมา “นายกำลังจะยัดเยียดคำว่าผู้หญิงขายตัวให้ฉัน”
“...!!!” โอเวอร์นิ่งเงียบไปหลายอึดใจ หมอนั่นจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าเรียบตึงก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ไม่ได้ช่วยอะไรออกมา “ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น แต่ถ้าเธอจะคิดมันก็เรื่องของเธอ ฉันแค่อยากรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไปจากใจจริง”
“ด้วยการใช้เงินลบล้างความรู้สึกผิดที่มีต่อฉัน ใช่ไหม”
“...”
“โทษนะโอเวอร์ ฉันไม่ขอขายศักดิ์ศรีของตัวเอง ถ้าจะรับเงินสู้ให้นายจมอยู่กับความรู้สึกผิดที่มีต่อฉันไปจนวันตายไม่ดีกว่าเหรอ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้องทันทีโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีก
“มินมิน ยัยมินมิน”
ฉันวิ่งปราดน้ำตาออกมาจากโรงเรียนด้วยหัวใจที่บอบช้ำและโกรธแค้น
โอเวอร์ นายจำไว้เลยฉันจะไม่มีวันให้อภัยนายไปตลอดชีวิต
ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้นมาพอดี... ใครโทรมากันนะ ฉันล้วงโทรศัพท์ออกมาดูด้วยอารมณ์ที่ยังขุ่นมัว
คุโชว์
“...”
