ตอนที่ 1.2
“หือ... พุด... มิน... มินมิน” โอเวอร์งัวเงียลุกขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อสบสายตาเข้ากับฉัน “นะนี่เธอ”
แต่ว่าท่าทางแปลกๆ ของโอเวอร์ก็ทำให้ฉันหน้าร้อนวูบก่อนจะรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดท่อนบนที่มีเพียงแค่บราเซียร์ตัวเดียวเดี่ยวโดดปิดหน้าอกที่เกือบจะทะลักล้นออกมาอวดสายตาของโอเวอร์เอาไว้
กรี๊ด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!
ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อสำเหนียกถึงสภาพตัวเองและโอเวอร์ หมอนั่นลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จึงทำให้ฉันมองเห็นร่างกายแข็งแรงกำยำ ท่อนบนเปลือยเปล่าท่อนล่างสวมเพียงแค่กางเกงในรัดติ้วตัวเดียวเท่านั้น กะกรี๊ดดด มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันเนี่ย
“เฮ้ย! นี่เธอทำอะไรฉัน”
โอเวอร์มองตามสายตาของฉันถึงได้รู้ว่าสภาพตัวเองเป็นยังไง ก่อนจะร้องตกใจรีบเอื้อมมือมาคว้าหมอนบนเตียงไปปิดเป้าที่กำลังคึกคักของตัวเองอย่างอายๆ
บะบ้าไปแล้วหรือเปล่า คนที่สมควรแสดงท่าทีแบบนั้นมันฉันต่างหากไม่ใช่นาย
ฉันจ้องหน้าโอเวอร์นิ่ง ขมวดคิ้วหน้าเสียขึ้นทุกวินาทีเมื่อเริ่มครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงฉันหลับ กรี๊ด หมอนั่นมันทำอะไรฉันบ้างเนี่ย
“ละแล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” โอเวอร์กวาดตามองรอบๆ อย่างสับสนงุนงง
“นายเมา...” ฉันตอบออกไปเสียงแผ่ว หัวใจเริ่มสั่น ขอบตากระตุกตุบๆ เหมือนต่อมน้ำตาจะแตกอยู่รอมร่อ
“หา” โอเวอร์เหลือบมองฉันด้วยสายตาไม่แน่ใจ “ฉันเนี่ยนะเมา เฮ้ย! มินมินเธออย่าร้องไห้สิ!” โอเวอร์ประท้วง แต่จะให้ฉันกลั้นน้ำตายังไงไหวเมื่อฉันรู้สึกว่าท่อนล่างที่ถูกผ้าห่มปิดทับไม่สวมอะไรเลย ฮือๆ โอเวอร์ หมอนั่นมันล่วงเกินฉันขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลย แงๆ
“...” ใช่สิ! ตลอดเวลาที่มาที่นี่ มันพร่ำเพ้อถึงพุดดิ้งไม่ขาดปากหรือว่ามันจะเห็นฉันเป็นตัวแทนของพุดดิ้งพอสบโอกาสเหมาะก็... กรี๊ด โอเวอร์ แกทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง
ฉันเหลือบมองหน้าโอเวอร์ด้วยแววตาแข็งกร้าว
“นาย... นายมันน่ารังเกียจที่สุดโอเวอร์ ออกไปเลยนะ”
ฉันคว้าหมอนขึ้นมาเขวี้ยงใส่หน้าโอเวอร์อย่างโกรธแค้น จ้องมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคืองและเจ็บปวดใจ ฮือๆ นี่ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้มันไปแล้วจริงๆ เหรอ กรี๊ด! แค่คิดก็โมโหจนอยากกระโดดเตะให้หายแค้นใจสักที บ้าเอ๊ย ถ้าไม่ติดที่ว่าท่อนล่างโป๊อยู่ล่ะก็ฉันกระโดดลงไปข่วนหน้ามันนานแล้ว
“โอ๊ยนี่”
โอเวอร์ปัดหมอนที่เกือบจะโดนหน้าทิ้งแล้วจ้องมองฉันตาขวาง
“นายมันฉวยโอกาส ฉันเกลียดนาย ออกไปนะ”
“อะไรของเธอ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย” มันพูด
“ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นมาอยู่บนเตียงนี่ได้ไง”
“เอ่อ...”
เห็นไหมตอบไม่ได้ ฉันอยากจะร้องโฮออกมาดังๆ อุตส่าห์นึกว่านอนคนละที่แล้วจะปลอดภัย ฉันไม่น่าวางใจนอนห้องเดียวกับหมอนั่นตั้งแต่แรก เห็นว่าเมาแล้วหลับไปก็คิดว่าจะไม่แอบตื่นขึ้นมาลักหลับฉันแบบนี้ แกไอ้โอเวอร์
ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่น จ้องหน้าโอเวอร์ด้วยแววตาโกรธแค้นปนเศร้าเสียใจ
“นาย นายรังแกฉัน”
“เฮ้ย! ไม่จริง ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย”
“ถ้างั้นจะอธิบายสภาพของเราตอนนี้ยังไง” ฉันสวนกลับทันควัน
โอเวอร์ชักสีหน้าอึกอักลำบากใจอย่างที่สุด เหอะ! เพิ่งรู้ว่าผู้ชายมันน่ารังเกียจยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนก็วันนี้นี่แหละ ทำแล้วคิดจะปัดความรับผิดชอบงั้นเหรอ หึ บัดซบเอ๊ย
“ฉะฉัน... เอ่อ... เอ้อ เธออาจจะร้อนแล้วละเมอถอดเสื้อผ้าเองหรือเปล่า”
“....” พูดมาได้น้ำขุ่นๆ
“ถ้างั้นฉันละเมอถอดเสื้อผ้านายด้วยงั้นสิ” ตอนนี้ฉันรู้สึกโกรธจนจะพ่นไฟได้อยู่แล้ว
ฮึ่ง~ ฮึ่ง~
เสียงเครื่องปรับอากาศดังขึ้นฟ้องว่าข้อสันนิษฐานของโอเวอร์นั้นผิด
“...”
หมอนั่นทำหน้าค้างเติ่ง... คำพูดหยุดชะงักลงกลางคันก่อนจะเลื่อนสายตาขลาดกลัวมามองฉันอย่างคนที่พร้อมจะปัดความรับผิดชอบทุกเมื่อถ้ามีโอกาส
ก๊อกๆ
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ระเบิดอารมณ์ใส่หน้าโอเวอร์อีกระลอกเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาพอดี ฮึ่ย! หมอนั่นแสดงสีหน้าเหลอหลามองฉันทีมองไปที่ประตูทีอย่างทำอะไรไม่ถูก ฉันสบถลมหายใจก่อนจะรวบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมถึงหน้าอกแล้วเดินไปเปิดประตู
“อินอิน” ลูกพี่ลูกน้องของฉันยืนทำหน้าสลอนอยู่หน้าห้องไม่นานก็เบิกตากว้างแล้วร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจปนตื่นเต้น
“พี่มินมินกับพี่คนนั้นอย่าบอกนะว่า”
“เอ่อ...” แล้วเธอจะตื่นเต้นเพื่อ
“ได้ไงกัน พี่พาผู้ชายมานอนบ้านแบบนี้แล้วอินจะอธิบายกับคุณลุงคุณป้ายังไง สองคนนั้นฝากฝังพี่มินมินไว้กับอินอยู่ด้วย”
ปัก
ฉันดีดกะโหลกยัยนั่นไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมาล้อเล่นอีก แล้วเมื่อคืนใครกันที่เรียกไม่ตอบ
หน็อย
พูดมาได้ว่าพ่อกับแม่ฉันฝากฝังฉันไว้กับเธอ ยัยเด็กบ้า
“โอ๊ย”
“หุบปากไปเลยนะ แล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก” ฉันถลึงตาใส่ยัยอินอินเสียงเขียวแกมขู่
“โฮ้ว”
“ยังจะพูดอีก”
“....”
“แล้วมาเคาะประตูแต่เช้า มีอะไร” เมื่อเห็นว่ายัยอินอินยอมเงียบปากฉันจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“เปล่าก็แค่จะมาดูว่าเพื่อนพี่ตื่นยัง แล้วจะให้ทำกับข้าวเผื่อหรือเปล่า” อินอินตอบเสียงขุ่นพลางค้อนสายตาใส่ฉัน ฮึ่ย!
ฉันจุปากอย่างหงุดหงิด “ไม่ต้อง ฉันกำลังจะไล่เขากลับไปเดี๋ยวนี้แหละ แค่นี้ใช่ไหม”
“เฮ้ยเดี๋ยวก่อนสิพี่มินมิน”
ฉันผลักยัยนั่นออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้าอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงคัดค้านของอินอินสักนิด ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับโอเวอร์ที่ยืนมองเราสองพี่น้องทุ่มเถียงกันอย่างเงียบๆ อยู่นานแล้ว
“โอเวอร์ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว รีบออกไปจากบ้านฉันซะ”
“มินมินแต่ว่าฉัน”
“รีบไปซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจเอาเรื่องนายให้ถึงที่สุด”
“นี่เธอเชื่อจริงๆ เหรอว่าเรามีอะไรกันน่ะ”
“โอเวอร์!” ฉันจ้องหน้าหมอนั่นนัยน์ตาแข็งกร้าวและผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายทุเรศแบบนี้
“ฉันจำไม่ได้ ขอโทษนะมินมินฉันอาจจะดูแย่มากในสายตาของเธอ แต่ว่าฉันไม่อยากยอมรับกับเรื่องที่แม้แต่ตัวเองยังจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันแน่ใจ นอกจากพุดดิ้งแล้วฉันก็ไม่คิดจะยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีก” พูดจบหมอนั่นก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นห้องขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วแล้วเดินผ่านฉันออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก
“...”
หลังจากเสียงกระแทกประตูปิดดังขึ้น ฉันยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลให้ได้ ... รู้สึกมึนและงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก หัวใจบีบรัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกเสียใจจนจุกแน่นมันเป็นแบบนี้นี่เอง นี่ฉันสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้วจริงๆ เหรอ ฮือๆ รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่าขึ้นมาทันที ฮือๆ
ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ได้มีอะไรกับโอเวอร์ มันไม่จริง... ใช่ไหม?
