บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

โธ่เอ๊ย ไอ้หัวทองขี้เมา ให้มันได้อย่างนี้สิ ถ้าไม่ติดว่านายเป็นลูกชายเจ้าของคลับสนุกเกอร์ที่ฉันทำงานพิเศษอยู่ล่ะก็ไม่มีทางได้รับความช่วยเหลือจากฉันหรอกย่ะ ปล่อยให้นอนแข็งตายข้างถนนไปแล้ว ฮึ่ย แต่ถึงอารมณ์จะเสียซะขนาดนั้นฉันก็ยังอุตส่าห์ลากมนุษย์ร่างควายอย่างโอเวอร์กลับมาถึงบ้านได้โดยสวัสดิภาพ ร่างกายครบทั้งสามสิบสองประการ

“พุดดิ้งงงงงงงงงง ฉันรักเธอออออ เออะ...”

ดูมัน! เลอซะน่าเกลียดเลย กลิ่นหึ่งซะ! ฮึ่ย ฉันล่ะเครียด

“พุดดิ้งจ๋า... มาให้จุ๊บหน่อยจิ จุ๊บบบบบบบบ”

“เฮ้ยไอ้บ้า! จะทำอะไรน่ะ เอาหน้านายออกไปห่างๆ ฉันนะ ฉันไม่ใช่พุดดิ้งสักหน่อย”

พลั่ก

ฉันใช้มือยันหน้าไอ้บ้าโอเวอร์ที่กำลังจะลวนลามออกอย่างสุดแรง

“โอ๊ย ใจร้ายเหมือนเดิมเลยน๊า”

มันเมา

“พี่มินมิน!”

เสียงนั่นเงียบไปพร้อมกับสีหน้าแตกตื่นเมื่อปะทะสายตาเข้ากับโอเวอร์ที่นั่งเมามายอยู่บนพื้นบ้าน ย้ำ! ว่าพื้นบ้าน

“นั่นมันผู้ชายที่เคยมาอาละวาดที่บ้านเราพร้อมกับรุ่นพี่โพไซดอนนี่คะ” ลูกพี่ลูกน้องของฉันวิ่งตึงๆ ลงมาจากบันไดแล้วก้มลงไปส่องหน้าไอ้ลูกครึ่งอย่างพินิจพิจารณาให้แน่ใจ “ใช่จริงๆ ด้วย แล้วทำไมเขามาอยู่ที่นี่ล่ะ”

อินอินจ้องหน้าฉันตาเป็นมัน เฮ้อ... ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกฉันเลยบอกไปตามตรง “ลูกชายเจ้าของคลับสนุกเกอร์ที่พี่ทำงานอยู่น่ะ ผู้จัดการเขาฝากให้พี่ดูแลเพราะสภาพหมอนี่คงกลับบ้านเองไม่ได้”

“แล้วพี่ก็เลยพามาที่บ้านเนี่ยนะ ไม่มีผู้ใหญ่อยู่สักคนถ้าเกิดหน้ามืดปล้ำอินขึ้นมาพี่มินจะว่าไง”

ช่างคิดเนอะยัยเด็กคนนี้

อย่างที่อินอินว่า บ้านนี้ไม่มีผู้ใหญ่อยู่สักคน ทำไมน่ะเหรอ... นึกถึงแล้วก็รันทด ครอบครัวเราเคยมีกิจการที่รุ่งเรืองแต่แล้วก็ต้องเจ๊งไม่เป็นท่าเพราะบริหารงานกันอิท่าไหนก็ไม่รู้ทำให้เกิดหนี้มหาศาล พ่อกับแม่พวกเราก็เลยต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาเพื่อกอบกู้กิจการแต่ก็ไปไม่รอดจนต้องขายให้คนอื่นเพื่อเอาเงินมาโปะหนี้ แต่มันก็ยังไม่พอ ทำให้พวกท่านทั้งสี่ต้องเก็บกระเป๋าหนีเจ้าหนี้ เอ๊ย... ไปทำงานหาเงินที่อื่นเพื่อเอามาใช้หนี้เจ้าหนี้ที่ขยันทวงอย่างไม่หยุดหย่อน ยังดีที่พวกเขามีมนุษยธรรมอยู่บ้างที่แยกแยะออกว่าฉันกับอินอินไม่เกี่ยวข้อง จึงไม่ได้มารังควานพวกเรา ทำให้ฉันกับอินอินสามารถอาศัยอยู่ที่บ้านเล็กหลังนี้ (ซื้อหลังจากขายบ้านใหญ่ไป) กันตามลำพังได้อย่างสบายใจ เอ๊ะ... หรือว่าพ่อกับแม่จงใจทิ้งพวกเราไว้เป็นตัวประกัน เพราะเจ้าหนี้ทุกคนก็รู้จักกับเราสองคนเป็นอย่างดี เอ่อ... อาจจะเป็นอย่างที่ฉันคิดก็ได้นะ

“ไม่หรอกน่าเมาขนาดนี้ไม่มีแรงปล้ำเธอหรอก”

ฉันตอบอย่างเอือมๆ กับความคิดเสียๆ หายๆ ของลูกพี่ลูกน้อง ก่อนจะตวัดสายตามองหมอนั่นอีกรอบ “พี่ว่าปล่อยเอาไว้ตรงนี้แหละ ส่วนเราก็กลับขึ้นห้องนอนกันดีกว่า”

“แล้วจะปล่อยให้เขานอนตากยุงอยู่ตรงนี้เหรอ อากาศข้างนอกก็เริ่มหนาวแล้วด้วย”

“ช่างเถอะ ท่าทางเลือดเยอะโดนกัดคืนเดียวไม่ตายหรอก”

“แต่อาจติดเชื้อไข้เลือดออกได้นะคะ”

ฉันชะงักกึกกับความวิตกเกินเหตุของอินอิน พลางกลอกตาไปมาอย่างรำคาญใจ ให้ตายเถอะ เพราะยัยอินอินนั่นแหละที่ทำให้ฉันชักจะกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนจะหันกลับไปพูดกับยัยนั่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

“แล้วจะเอายังไงกับเขาดีล่ะ”

“พาขึ้นไปนอนบนห้องสิ ห้องพี่มินมินนั่นแหละ”

“หา”

“เขาเป็นลูกชายเจ้านายพี่ไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญก็อยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยไม่น่าจะมีปัญหา” ยังดีที่ยัยนั่นยังไม่รู้ว่าหมอนี่ก็อยู่ห้องเดียวกับฉัน ไม่อย่างนั้นคงยัดเยียดมันให้มากกว่านี้ เฮ้อ!

“อ้อ แล้วก็แบกขึ้นไปเองนะอินไม่อยากยุ่ง” พูดเสร็จยัยน้องบ้าก็วิ่งตึงๆ กลับขึ้นไปข้างบนอย่างไม่คิดจะช่วยกันเลยสักนิด หน็อยๆ

ฮึ่ย! ช่างยัยอินอินเถอะ ฉันหันกลับมามองร่างเน่าๆ ของโอเวอร์อีกรอบอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะต้องถอนหายใจพรืดอย่างทำอะไรไม่ได้นอกจากลากหมอนั่นขึ้นมาบนห้อง ให้ตายสิ! ปล่อยให้ตกบันไดคอหักตายไปเลยดีไหมเนี่ย ตัวหนักอย่างกับยักษ์

“พุดดิ้งจ๋า 3 จุ๊บๆๆๆ”

“ไอ้โอเวอร์!” ฉันดันคางไอ้บ้านั่นออกห่างจากหน้าเป็นพัลวันเมื่อมันพยายามจะล่วงเกินฉันด้วยเหตุเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นยัยพุดดิ้งผู้หญิงที่มันกำลังพร่ำเพ้อถึง โอ๊ย! เป็นภาระฉันไหมเนี่ย ฮึ่ย

พลั่ก!

ฉันผลักโอเวอร์ลงบนเตียงอย่างเมื่อยหลัง เดินออกมาถอดเสื้อคลุม หยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมเข้าห้องน้ำก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าไม่ปลอดภัย จึงหยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย

คร้อกฟี้~

หลับซะและ...

พอออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอจากคนตัวโตบนเตียง ฉันเดินเข้ามาส่องเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาหลับจริงก่อนจะถอนหายใจกึ่งๆ จะโล่งอกถ้าไม่ติดตรงที่ว่าฉันต้องนอนห้องเดียวกับหมอนี่ในคืนนี้ และที่สำคัญเตียงฉันก็ถูกมันยึดไปแล้วด้วย ให้ตายฉันก็ไม่ยอมนอนเตียงเดียวกับผู้ชายหรอกนะ โดยเฉพาะคนเมา! ฉันหอบผ้าห่มเดินไปเคาะประตูห้องยัยอินอินแต่เรียกยังไงก็ไม่ตอบ ลองเอาโทรศัพท์มากดโทรหาก็ไม่รับสาย หลับแล้วเหรอ แต่จะหลับลึกเกินไปแล้ว ทั้งเคาะทั้งเรียกก็ไม่ยอมตื่นเนี่ย แถมยังล็อกประตูห้องเอาไว้อีก กุญแจสำรองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เฮ้อ ฉันเหนื่อยใจจะเรียกขานคนในห้องต่อ หอบผ้าห่มกลับมาที่ห้องตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก

ชิ! ช่วยไม่ได้... ฉันลากชุดเครื่องนอนออกมาจากตู้เพื่อปูนอนที่พื้น เจริญไหมล่ะเจ้าของนอนพื้นแขกนอนเตียง เหอะ! เช้าเมื่อไหร่ฉันเล่นงานนายแน่โอเวอร์

ติ้ดๆ ๆ ติ้ดๆ ๆ

ตุ้บ

เช้าแล้วเหรอเนี่ย... งึมงำๆ ฉันเอื้อมมือไปคว้านาฬิกาปลุกบนโต๊ะกลมข้างเตียงมาดู ก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆ โยนนาฬิกาทิ้งเบาๆ แล้วพลิกตัวนอนต่ออย่างขี้เกียจ

ตุ้บ

อุก...

หมับบบ

“พุดดิ้ง”

“...”

จากที่ไม่อยากตื่นก็ตื่นโดยฉับพลันเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนลำตัวของฉัน กรี๊ด! หัวใจแทบทะลุออกมานอกอกเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับหน้าอกหนาๆ ของใครบางคนกำลังยุบพองๆ ตามจังหวะหายใจอยู่เต็มสองลูกกะตา

อ๊ากกกกกก

“โอเวอร์” ฉันร้องเรียกชื่อหมอนั่นออกมาด้วยความตกใจ ผลักร่างควายๆ ของเขาออกห่างอย่างรวดเร็ว

ปึ้ก

“โอ๊ย”

สงสัยฉันจะออกแรงเยอะไปหน่อย หมอนั่นตกเตียงเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel