05 | คนสำคัญ
Rrrr Rrrr
สายเรียกเข้า ‘พี่ภา’
“สวัสดีค่ะพี่ภา” นับดาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูพลางตะแคงคอลงจนสามารถหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ได้ เพราะสองมือเธอกำลังออกแบบงานอยู่
“บ่ายนี้ไปทานข้าวกัน พ่อกลับมาจากเมเลเซียแล้ว เรายังไม่ได้ไปทานข้าวด้วยกันเลยนะ” เสียงหวานดังรอดมาตามสายฟังดูอารมณ์ดีจนนับดาวไม่กล้าขัด
“ที่ร้านไหนคะ”
“เราไปไม่ถูกหรอก ลงมาสิจะได้ไปพร้อมกัน” นับดาวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้เธอนั่งทำงานอยู่ในบริษัทกิจธาดา ภริตาพูดราวกับว่า...
“พี่ภาอยู่ไหนนะคะ”
“ก็อยู่หน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารกิจธาดาไงล่ะ”
“งั้นเดี๋ยวนับรีบลงไปเลยค่ะ” พี่สาวคนนี้มีเรื่องให้เธอเซอร์ไพร์ได้ตลอด
นับดาวเก็บของแล้วรีบเดินตรงออกไปที่หน้าบริษัททันที รถออดี้สีส้มกำลังจอดรถเธออยู่
“เซอร์ไพร์นับอีกแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดพลางดึงสายเข็มขัดนิรภัยมากดล๊อกสลัก
“เดี๋ยวนับเดินลงไปก่อนนะ พี่ไปหาที่จอดรถก่อน”
“ได้ค่ะ” นับดาวเปิดประตูลงจากรถเดินตรงเข้าไปยังร้านอาหารอิตาลี กวินนัดมาที่ร้านนี้เพราะเป็นอาหารที่ภริตาชอบทานนั่นเอง
ร่างบางระหงเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเจอร่างหนาของใครบางคนเดินนำอยู่ข้างหน้า
“คุณโอบ”
“คุณนับ มาทานอาหารที่ร้านนี้เหมือนกันเหรอครับ” โอบหันหลังกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เสียงที่เขาจดจำได้ดีว่าเจ้าของคือใคร
“ใช่ค่ะ ฉันมาทานข้าวกับครอบครัว แล้วคุณโอบ...” นับดาวพูดพลางหันมองซ้ายมองขวา
“ผมมาทานข้าวกับคนสำคัญน่ะครับ คุณนับ...” พูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาข้างหลังนับดาวเสียก่อน
“พี่โอบ”
“หนูนา” ร่างเล็กเดินแทรกไปยืนตรงกลางระหว่างนับดาวและโอบ เธอหันหน้าไปคุยกับฝ่ายชายโดยไม่ได้สนใจผู้หญิงอีกคนเลย
“คิดถึงพี่โอบจังเลยค่ะ” ใบหน้ารูปไข่สวยเก๋เปื้อนยิ้ม ดวงตาโค้งจนกลายเป็นสระอิ นับดาวกอดอกมองสถานการณ์ตรงหน้านิ่งๆ
“กลับมาเป็นเดือนแล้วเพิ่งบอกพี่ คงไม่ได้คิดถึงพี่หรอก” โอบพูดแหย่คนตรงหน้าจนเธอต้องรีบเข้าไปควงแขนพลางทำหน้าอ้อน
“มีธุระให้จัดการนิดหน่อยค่ะ แล้วนี่...ใครเหรอคะ” เธอเห็นแล้วว่าโอบมีแขกที่ยืนคุยอยู่ แต่เพราะไม่อยากให้ความสำคัญจึงไม่เอ่ยถาม น่าแปลกที่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน
“อ่อ นี่คุณนับดาว มัณฑนากรที่ดูแลโครงการของเคแบงก์”
นับดาวยังคงยืนกอดอกนิ่งไม่ได้คิดจะเอ่ยทักทายหรือแนะนำตัวใดๆ เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงตรงหน้า แน่นอนว่าเธอคงไม่จำเป็นต้องญาติดีด้วย
กิรณา หรือหนูนา ก็รู้สึกไม่ต่างกันเธอมองนับดาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างต้องการประเมิน แต่ก็ได้ข้อสรุปในใจว่าเป็นแค่พนักงานที่เคแบงก์จ้างมาทำงานเท่านั้น
“เรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ” กิรณาพูดพลางพยายามดึงแขนโอบให้เดินเข้าไปในร้านอาหารกับเธอ
“คุณนับสะดวกมั้ยครับ ผม...”
“ไม่สะดวกค่ะ ฉันขอตัวเลยนะคะ” พูดจบนับดาวก็เดินนำเข้าไปในร้านอาหาร ไม่อยากจะทนมองคนพลอดรักกันไม่อายฟ้าอายดินบ้างเลย
ร้านอาหารสไตล์ยุโรปตกแต่งสวยงาม มีสวนน้ำพุตรงทางเข้าและรูปปั้นเทวดาตัวน้อยต้อนรับแขก นอกจากนั้นยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้บรรยากาศร่มรื่นแม้จะอยู่ในตัวเมืองก็ตาม
โทนสีน้ำตาลภายในร้านดูอบอุ่น แถมเมนูก็ยังเป็นอาหารอิตาลีเลิศรส กล้าการันตีได้เลยว่ารสชาติไม่เป็นสองรองใคร
“นับรอนานมั้ย” ภริตาที่เพิ่งจอดรถเสร็จเดินเข้ามาภายในร้าน เจอน้องสาวบุญธรรมกำลังนั่งเหม่อมองออกไปด้านนอกร้าน โดยไม่รู้สึกถึงการมาของเธอเลย
‘ผมมาทานข้าวกับคนสำคัญน่ะครับ’
‘พี่โอบ’
นับดาวเผลอใจลอยไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ผู้หญิงคนนั้นคือคนสำคัญงั้นเหรอ
“นับดาว!”
“อะ! พี่ภาขอโทษค่ะ” หญิงสาวกึงกับสะดุ้งเพราะเสียงเรียกที่ข้างหู
“ใจลอยไปถึงไหนจ๊ะ”
“นับคิดเรื่องงานไปเรื่อยเปื่อยค่ะ พอดีนับงานยุ่งๆ”
“อาใช้นับทำงานเยอะไปเหรอ” เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านทำให้สองสาวหันขวับไปมองพลางส่งยิ้มหวานทันที
“คุณอา”
“คุณพ่อ”
สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกับ กวินส่งยิ้มให้กับลูกสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ว่าไง อาใช้งานนับหนักไปหรือเปล่า” กวินถามนับดาวอีกครั้ง ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่ประเทศไทยก็เริ่มเข้าทำงานเลย ส่วนตัวเขาก็มีงานด่วนที่ต่างประเทศ รู้สึกว่าไม่ได้ดูแลเธอดีอย่างที่สัญญากับพ่อของเธอไว้
“ไม่เลยค่ะ นับเรียนจบมาด้านนี้โดยตรงได้ทำงานจริงๆ มันสนุกดีค่ะ” นับดาวตอบไปตามตรง เธอไม่ได้รู้สึกว่างานมันหนักอะไร ยังมีเรื่องอื่นที่น่าหนักใจมากกว่านี้เสียอีก
“พี่ละอิจฉานับจริงๆ เลย พี่ก็เรียนจบอินทีเรียนะ พ่อไม่เห็นให้พี่ดูแลโครงการใหญ่ๆ เท่านับเลย” ภริตาตัดพ้อ
เธอเรียนจบอินทีเรีย ดีไซน์จากเมืองนอกมาเหมือนกัน ตอนที่พ่อประมูลโครงการนี้ชนะ เธอคิดว่าพ่อจะยกให้เธอดูแลโครงการใหญ่เพราะเธอเรียนจบมาตั้งหลายปีแล้ว แต่พ่อกลับยกโครงการนี้ให้นับดาวด้วยเหตุผลที่ว่าชนะโครงการนี้มาได้เพราะลุงโจนส์
“คุณอาไม่อยากให้พี่ภาเหนื่อยมากกว่าค่ะ งานที่พี่ภาดูแลอยู่ตอนนี้ก็เยอะแล้วนะคะ” นับดาวรีบแก้ตัวแทนกวินทันที เธอไม่อยากให้พี่สาวรู้สึกไม่ดีที่เธอเข้ามาแย่งงาน เพราะความจริงแล้วเธอเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่นต่างหาก
“เราน่ะ หัดมองโลกในแง่ดีเหมือนน้องบ้างสิ”
“คุณพ่อ!”
“ไม่ตีกันนะคะ รีบทานข้าวกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเย็นหมดน้า” นับดาวรีบยกมือขึ้นห้ามทัพ อากวินชอบแหย่ให้พี่ภาอารมณ์เสียและเธอก็คอยเป็นคนห้ามอยู่เสมอ
“นับขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ร่างบางระหงเดินตรงไปยังห้องน้ำ
เธอสบตาเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณห้าสิบปีกำลังยืนมองหน้าเธอด้วยอาการอึ้งอยู่เหมือนกัน
ดวงตาสีน้ำตาลอมเทาที่เธอไม่เคยเห็นจากใครมาก่อนนอกจากตัวเอง จนไม่คิดเลยว่าจะมีใครที่มีดวงตาสีเดียวกับเธออีกด้วย
“อิงฟ้า” ผู้หญิงตรงหน้าเดินเข้ามาสวมกอดเธอ มันเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทันได้แต่ยืนอึ้งอยู่พักใหญ่
“ขะ...ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ชื่ออิงฟ้าค่ะ” นับดาวตอบอย่างสุภาพพลางแกะมือของมนทิราออก
ผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นๆ เหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนกันนะ
“ขอโทษนะจ๊ะ” มนทิราปาดน้ำตาออกลวกๆ พลางถอยกลับไปยืนที่เดิม
“แม่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” นับดาวหันไปมองตามเสียงข้างหลัง โอบกำลังยืนมองหน้าเธอกับผู้หญิงอีกคนสลับกัน
แม่ ผู้หญิงคนนี้คือคุณหญิงมนทิราภรรยาสุดที่รักของคุณภวัตสินะ
“คุณนับ”
“เจอกันอีกแล้วนะคะคุณโอบ”
มนทิรามองทั้งสองคนทักทายกันก่อนจะนึกขึ้นได้ สามีและลูกชายเคยบอกว่าพวกเขาเจอคนที่หน้าเหมือนอิงฟ้ามาก ตอนนี้เธอเชื่ออย่างสนิทใจเลยล่ะ เพราะนับดาวหน้าเหมือนลูกสาวของเธอมากจริงๆ
“โอบ มาตามแม่มีอะไรหรือเปล่า” มนทิราเดินไปยืนข้างลูกชายพลางมองหน้านับดาวด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง
“ผมเห็นแม่มาเข้าห้องน้ำนานน่ะครับ อ่อ คุณนับดาวครับ นี่คุณหญิงมนทิรา คนสำคัญที่ผมมาทานข้าวด้วยครับ”
นับดาวส่งยิ้มบางๆ ให้กับทั้งคู่ ประโยคที่เขาบอกเธอมันมีนัยยะซ่อนอยู่ว่าคนสำคัญที่เขามาทานข้าวด้วยคือคุณแม่ไม่ใช่กริณาที่เธอเจอก่อนหน้านี้
“สวัสดีค่ะคุณหญิงมนทิรา”
“สวัสดีจ๊ะ ฉันขอโทษด้วยนะที่เผลอไปกอดหนูแบบนั้น หนูคงตกใจไม่น้อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
อิงฟ้า ครอบครัวนี้เรียกเธอว่าอิงฟ้าอีกแล้ว ผู้หญิงที่ชื่ออิงฟ้าคือใครกันนะ
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ” นับดาวยกมือไหว้แล้วหันหลังเข้าห้องน้ำ
คนที่น่าจะเล่าเรื่องอิงฟ้าให้เธอได้ ก็น่าจะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยมของเธอสินะ พรุ่งนี้คงต้องรับนัดทานข้าวกับเอื้อแล้วล่ะ
“เธอ...อีกแล้ว” น้ำเสียงฟังดูเย้ยหยัน พร้อมกับใบหน้ายิ้มเยาะของกิรณาทำให้นับดาวที่กำลังยืนล้างมืออยู่ในห้องน้ำถอนหายใจเบาๆ วันนี้ทำไมมีแต่เรื่องวนเวียนอยู่ในห้องน้ำนะ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” นับดาวพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือ มองหน้าอีกฝ่ายอย่างต้องการประเมิน ด้วยสายตาเดียวกันกับที่หล่อนใช้มองเธอ
“อย่ายุ่งกับพี่โอบ” กิรณากอดอกมองหน้านับดาว ระหว่างสองคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานแน่ๆ เธอไม่เคยเห็นโอบมองตามผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาแบบนั้น แม้กระทั่งกับเธอ
ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลอยากให้กิรณาและโอบตกลงปลงใจกัน แต่ไม่ได้ถึงกับเป็นการคลุมถุงชน เพราะถ้าพิจารณาตรงๆ แล้วล่ะก็ ครอบครัวของเธออยากให้ดองกับโอบแต่ฝั่งของกิจธาดาวงศ์นั้นแล้วแต่ลูกชายของเขาจะตัดสินใจ
“เป็นคำสั่งหรือเปล่าคะ แต่...มีสิทธ์อะไรไม่ทราบ!”
“แก!” กิรณากำมือทั้งสองข้างแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ กัดฟันกรอด ขึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง
“ฉันขอเตือนเอาไว้เลยนะ เลิกอ่อยพี่โอบซะ เขาเป็นผู้ชายของฉัน!”
“ของคุณ? สำหรับคุณโอบไม่ต้องอ่อยหรอกค่ะแค่ฉันขยิบตาเขาก็มาแล้ว” นับดาวพูดพลางขยิบตาข้างซ้ายเป็นตัวอย่าง
“เธอคิดทบทวนอีกทีถ้าอยากจะลองดีกับฉัน ผู้หญิงใจกล้าหน้าด้านอย่างเธอ ฉันจัดการมานักต่อนักแล้ว”
กิรณาไม่เคยยอมแพ้หรือก้มหัวให้ใคร อะไรที่เขาอยากได้ก็ต้องได้ ยิ่งเป็นผู้ชายที่ชื่อ โอบ กิจธาดาวงศ์ เธอไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปแน่
“อุ้ย! แล้วที่วิ่งตามผู้ชายอยู่แบบนี้เขาเรียกว่าใจกล้า หน้าด้าน ด้วยมั้ยคะ”
“อีนับดาว! พฤติกรรมของเธอเนี้ย มันช่างเหมือนกับคนที่ไม่มีพ่อแม่สั่งสอน”
นับดาวเชิดหน้าเพื่อข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา ยกมือขึ้นกอดอกอย่างขัดเคืองใจ
“ที่จริงฉันก็ถูกสั่งสอนมาอย่างดี ว่าเป็นผู้หญิงเนี้ยอย่าคอยวิ่งตามผู้ชายเพราะถ้าเขาจะรักคุณคงไม่ปล่อยให้คุณมาวิ่งกรี๊ดๆ จนเสี่ยงเป็นเส้นเลือดในสมองแตกตาย!”
“ไม่จริง!”
“จริง คุณรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่งั้นคุณคงไม่ต้องมาคอยวิ่งเป็นหนูติดจั่นอยู่แบบนี้”
“อีหน้าด้าน” กิรณาใบหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะ โกรธจัดจนน้ำตาไหลออกมา
“ใจเย็นๆ ค่ะ ถ้าขืนคุณโกรธจนช๊อกตายอยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันจะเดือดร้อน”
----------------
ฉันชอบในความสู้คนของนางเอกมาก
อย่าไปยอมมันลู๊กกกก
