บท
ตั้งค่า

03 | จบชีวิต [TW:มีการฆ่าตัวตาย]

พักเที่ยงวันนี้เอื้อตั้งใจจะชวนนับดาวไปทานข้าวด้วยกันแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะแม่ของเขาโทรศัพท์เข้ามาตามตัวด่วน

โอบเดินตรวจตราความเรียบร้อยของชั้นล่างระหว่างจะออกไปพักกลางวัน แต่เจอกับร่างบางระหงที่กำลังสวนทางมาเสียก่อน

“คุณนับ”

“คุณโอบ” เอ่ยทักพลางระบายรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง

เธอไปสืบประวัติของผู้ชายคนนี้มาแล้ว โอบ กิจธาดาวงศ์ ลูกชายคนเดียวของภวัตและมนทิรา หมากตัวสำคัญอีกคนของเกมนี้

“สวัสดีครับ”

“ค่ะ”

“เอ่อ...เป็นยังไงบ้างครับ งานหนักไปมั้ย” เขาพูดจาสุภาพเต็มไปด้วยมารยาท ดวงตาสุขุมมองอีกฝ่ายไม่วางตา

“ก็ดีค่ะ ไม่ได้หนักอะไร” น่าแปลกที่หน้าตาและท่าทางของเขา ช่างแตกต่างจากผู้เป็นพ่อเสียเหลือเกิน มันไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดที่จะต้องพูดคุยกับเขา

“ถ้า... คุณนับมีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจ หรือว่า..”

ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าเธอเขาถึงนึกประโยคที่จะคุยด้วยไม่ออกขึ้นมานะ

“ทั้งหมดที่คุณโอบพยายามถามฉันคือ คุณจะถามว่าฉันสบายดีมั้ย หรือเปล่าคะ” เสียงหวานถามกลับตรงประเด็น

เขาดูอึกๆ อักๆ พยายามชวนเธอคุยมันดูแตกต่างกับลุคของผู้บริหารหนุ่มไฟแรงเสียเหลือเกิน

“ตรงประเด็นเลยครับ” ตอบพลางยิ้มพลาง ผู้หญิงตรงหน้าทำให้เขาหลุดยิ้มออกมากี่ครั้งแล้วนะ

“สบายดีค่ะ ยินดีนะคะที่ได้พบกันอีกครั้ง”

“เช่นกันครับ ถ้าคุณนับมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ ผมยินดี”

“ขอบคุณค่ะ”

“นี่ก็เที่ยงแล้ว ถ้าผมจะ...” โอบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา กำลังจะเอ่ยชวนหญิงสาวตรงหน้าไปทานข้าว แต่กลับถูกขัดด้วยเสียงของโทรศัพท์เสียก่อน

Rrrr Rrrr

สายเรียกเข้า ‘ชาญวิทย์’

“ผมขอรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ” เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเอ่ยขออนุญาตอย่างสุภาพ

“เชิญค่ะ” นับดาวตอบพลางพยักหน้ากลับไปเช่นกัน

“ครับ คุณชาญ” รับโทรศัพท์เสียงเข้มเล็กน้อยจนเลขาคนสนิทถึงกับชะงัก แต่ก็รีบรายงานเหตุด่วนให้ผู้เป็นเจ้านายทราบ

“มีคนกระโดดตึกตายข้างหลังอาคารครับคุณโอบ”

“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” โอบกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ราคาแพงลงในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

“ผมมีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ”

ร่างหนาส่งยิ้มบางๆ อย่างสุภาพก่อนจะรีบเดินออกไปแต่ก็ไม่วายหันหลังกลับมามองหญิงสาวอีกครั้ง

นับดาวเดินตรงไปยังลานจอดรถข้างหลัง แต่แปลกที่ตอนนี้ลานจอดรถกลับมีคนยืนมุงดูอะไรบางอย่างอยู่เต็มไปหมด

‘เขาเป็นใครวะแก ทำไมมากระโดดตึกตายที่นี่’

เสียงพูดของพนักงานคนหนึ่งทำให้นับดาวรีบสาวเท้าเข้าไปในที่เกิดเหตุ หวังว่าคงไม่ใช่คนที่เธอคิดเอาไว้หรอกนะ

ภาพตรงหน้าคือผู้ชายที่เธอเจอเมื่อเช้า นอนจมกองเลือด แขนขาบิดผิดรูปน่าจะเพราะตกลงมาจากที่สูง

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเพิ่งเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ รอบๆ สถานที่ถูกล้อมด้วยเทปกั้นเขตสีเหลือง ผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังนั่งกรีดร้องอยู่ข้างศพ

“กรี๊ดดด! พี่ ฮืออๆ” เธอก้มลงกอดผู้เป็นสามีตรงหน้าโดยไม่กลัวเลือดที่ไหลทะลักออกมา “พี่ทิ้งฉันไปทำไม”

“ขอโทษนะครับ ขอโทษ” ภวัตรีบเดินเข้าไปที่เดินเหตุทันทีเมื่อเขาได้รับแจ้งข่าว ภาพตรงหน้าสร้างความสลดใจให้เขาไม่น้อย

“ภวัต! เพราะแกคนเดียว ฮือๆ แกตั้งใจจะยึดบริษัทของเรา” หญิงสาววัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมาเจอภวัตก็โวยวายออกมาทั้งน้ำตา “แกมันเลววว ฮืออ”

“โอบ จัดการให้เรียบร้อย” ภวัตเบนหน้าไปมองลูกชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล โอบพยักหน้ารับคำสั่งโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ตัวเขาเองก็ยังสะเทือนใจกับภาพตรงหน้า เขารู้ดีว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากอะไร

ภวัตเบนหน้ากลับมามองที่รุ่นพี่ของเขาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินออกมาสวนทางกับนับดาวที่กำลังยืนมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมด

เจ้าของดวงหน้าหวานละมุนหันมองตามภวัตจนสุดสายตา คำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อลอยเข้ามาในโซนประสาท

‘ไอ้คนบ้านนี้มันเลวทั้งบ้าน คนอื่นจะเดือดร้อนหรือจะเป็นจะตายเพราะมัน มันไม่เคยสน’

‘คนอย่างพวกมันทำลายชีวิตคนอื่นได้ อย่างไม่รู้สึกละอาย’

ดวงตาคู่สวยทอประกายความขุ่นเคือง ไหล่ของเธอสั่นเทาด้วยความโกรธจนควบคุมไม่อยู่

‘เตรียมรับมือการเอาคืนอย่างสาสมได้เลย’

นับดาวเดินใจลอยกลับเข้ามาในบริษัทหลังจากพักเที่ยงเสร็จ เธอทานไปแค่กาแฟเท่านั้นเพราะเหตุกาณ์ก่อนหน้าทำให้เธอทานอะไรไม่ลง

“คุณนับ คุณนับดาวครับ” ฝ่ามืออุ่นวางลงบนไหล่จนนับดาวถึงกับสะดุ้ง

“คุณโอบ” หันกลับมามองเจ้าของฝ่ามือพลางขมวดคิ้ว เขาเดินเข้ามาจับไหล่ของเธอทำไม

“ขอโทษนะครับ พอดีผมเรียกคุณนับสองสามครั้งแล้ว แต่เห็นคุณนับไม่ตอบ”

“อ่อ นับคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” เธอตอบพลางมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาคงจะจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยตามคำสั่งของพ่อแล้วสินะ

“นี่คุณนับจะขึ้นไปทำงานเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ”

“งั้นเชิญครับ” โอบผายมือไปทางลิฟท์เมื่อประตูถูกเปิดออก นับดาวส่งยิ้มให้บางๆ แล้วเดินนำเข้าไปตามคำเชิญ

ตึก!

ไฟกระพริบดับ ภายในลิตฟ์สั่นไหวตามแรงกระชาก ทั้งสองคนหันมองหน้ากันพลางได้คำตอบในใจทันที เหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือ

ลิฟท์ค้าง!

โอบยื่นมือไปกดปุ่มขอความช่วยเหลือ มืออีกข้างล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง โชคดีที่พอมีสัญญาณอยู่บ้าง

“คุณชาญ ผมติดอยู่ในลิฟท์” กรอกเสียงไปตามสายก่อนจะกดวาง

คนกลัวที่แคบและความมืดถึงกับเหงื่อตก กำมือทั้งสองข้างแน่น สายตามองบรรยากาศภายในลิฟท์อย่างตื่นกลัว

“คุณนับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” โอบรีบเข้าไปถามคนหน้าซีดที่ยืนตัวสั่น

‘อยู่ในนี้ห้ามออกไปไหน!’

ภาพที่พ่อลากเธอเข้าไปขังไว้ในตู้เสื้อผ้า ทุกครั้งที่เธอทำผิดหรือร้องไห้ฟูมฟาย

‘ปล่อยนับเถอะนะคะ นับจะไม่ร้องไห้แล้วค่ะพ่อ’

นับดาวรู้สึกแน่นอกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ภาพความทรงจำในวัยเด็กฉายชัดขึ้นจนทำให้นับดาวถึงกับสติแตก

“กรี๊ดดด! ปล่อยนับออกไปนะ พ่อคะ นับขอโทษ นับจะไม่ทำผิดอีกแล้ว”

คนเป็นแพนิคเดินเข้าไปทุบประตูลิฟต์ ปากร้องเรียกให้พ่อยอมปล่อยเธอออกไปจากที่นี้

“คุณนับ คุณนับครับ” โอบพยายามจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอให้ถอยออกมาจากประตู

“พ่อ! ปล่อยนับออกไป นับขอร้อง พ่อ!” ร่างบางกรีดร้องโวยวายจนชายหนุ่มเปลี่ยนจากการจับไหล่ทั้งสองข้างเป็นโอบเอวของเธอเข้าหาตัว

“คุณนับ ใจเย็นๆ นะครับ” โอบรวบแขนทั้งสองข้างของคนร่างบางเอาไว้ ยกฝ่ามือหนาขึ้นลูบผมเธอเบาๆ อย่างต้องการปลอบโยน

“ปล่อยนับออกไป พ่อคะ!”

“เร่งมือหน่อยได้มั้ยครับ” เสียงโวยวายจากข้างในลิฟท์ทำให้ชาญวิทย์ที่ยืนอยู่ข้างนอกถึงกับกระวนกระวาย ถ้าช่างทำงานช้าแบบนี้ไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาจะทนไหวหรือเปล่า

“กำลังเร่งมืออยู่ครับ” ช่างตอบพลางรีบแก้ไขมือระวิง

“คุณนับ ผมอยู่นี่นะ ผมอยู่กับคุณ” สองมือเลื่อนขึ้นจับใบหน้าของเธอเพื่อให้มองหน้าเขา

“คุณ...คุณโอบ” เสียงแหบพร่าปะปนความเหนื่อยหอบ มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสับสน

“ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่กับคุณ ใจเย็นๆ” โอบดึงร่างบางเข้ามาในโอบกอดอีกครั้ง ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบผมเธอเบาๆ อย่างปลอบโยนเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มสงบลง

“คุณโอบ...เฮือก...คุณ...อะ...” เสียงหอบหายใจเบาลงเรื่อยๆ ก่อนที่เธอจะหมดสติไปในอ้อมกอดของเขา

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร คุณนับ คุณนับครับ” โอบก้มลงมองใบหน้าซีดเซียวของคนตัวเล็ก ความเป็นห่วงปรากฎขึ้นชัดในแววตา

“คุณโอบ!” เลขาคนสนิทเอ่ยเรียกเจ้านายทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก

ตอนนี้เจ้านายของเขานั่งพิงผนังลิฟต์โดยที่คุณนับดาวนอนหมดสติอยู่ในอ้อมกอด

“รีบไปโรงพยาบาล” โอบออกคำสั่งพลางอุ้มร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินฝ่าพนักงานที่กำลังมุงดูอยู่ไปทางรถของเขา

@โรงพยาบาล

“อีกสักพักก็คงจะฟื้นแล้วครับ” หมอตรวจดูอาการเบื้องต้นก่อนจะเบนหน้ามาคุยกับร่างหนาที่ยืนมองผู้ป่วยอยู่ข้างเตียง

“ขอบคุณมากครับ” เขากล่าวอย่างสุภาพ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากนับดาวเลย

“คุณนับ” โอบเอ่ยชื่อของหญิงสาวทันทีเมื่อหันว่าเธอลืมตาขึ้นมา “เป็นยังไงบ้างครับ ปวดหัวมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เอ่อ...จะให้นับตอบคำถามไหนก่อนดีคะ” เธอถามพลางยกยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้จะมองว่าเขาเป็นศัตรู แต่เหตุการณ์ก่อนหน้าถ้าไม่ได้เขาช่วยไว้เธอคงแย่

“เอาเป็นว่า คุณเจ็บตรงไหนมั้ยครับ”

“ไม่ค่ะ” นับดาวตอบพลางเบนสายตาลงมองมือของเธอที่โดนฝ่ามืออุ่นกอบกุมเอาไว้

“อะ...ขอโทษครับ”

“ขอบคุณมากเลยนะคะ” นับดาวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง สำหรับเธอเรื่องของบุญคุณก็ต้องทดแทน ส่วนแค้นก็ต้องชำระ มันเป็นคนละเรื่องกัน

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” รอยยิ้มละมุนจนสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจของหญิงสาวตรงหน้า

‘เธอห้ามหวั่นไหวเด็ดขาดนะนับดาว!’

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาววัยยี่สิบเก้าปี รีบสาวเท้ามาที่เตียงผู้ป่วยด้วยความเป็นห่วง

“พี่ภา”

ภริตาลูกสาวคนเดียวของกวินมองสำรวจร่างกายของน้องสาวบุญธรรม

“นับเป็นไงบ้าง พี่ตกใจหมดเลย”

“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พี่ภามาได้ยังไงคะ”

“ก็คนที่ชื่อชาญวิทย์เขาติดต่อเข้าไปที่พ่อน่ะสิ พ่ออยู่เมเลเซียรีบต่อ

สายด่วนมาหาพี่ พี่ก็รีบออกมาเลย”

“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ต้องวุ่นวาย”

“วุ่นวายอะไรกัน แล้ว...เอ่อ” เพราะมัวแต่เป็นห่วงน้องสาวจนลืมทำความรู้จักกับชายหนุ่มอีกคนในห้อง

“คุณโอบค่ะ เขาช่วยนับเอาไว้” เธอแนะนำคุณโอบให้พี่สาวรู้จัก โดยไม่ลืมที่จะแนะนำภริตาให้อีกฝ่ายเช่นกัน “ส่วนนี่พี่ภริตาค่ะ พี่สาวของนับ”

“สวัสดีครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วยน้องสาวของฉันไว้”

“ยินดีครับ” โอบตอบกลับก่อนจะขอตัวออกไปเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีคนดูแลแล้ว “ถ้าคุณนับดาวไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวนะครับ หรือถ้าคุณนับไม่สบายตรงไหน ติดต่อผมได้ตลอดนะครับ”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นไปให้หญิงสาว

“ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นมือรับพลางกล่าวขอบคุณ

“งั้นผมขอตัวครับ” โอบกล่าวลาอีกครั้งแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป

“คุณโอบบบ” เมื่อแน่ใจว่าเจ้าของชื่อเดินออกไปแล้วภริตาเอ่ยพลางมองหน้าน้องสาว

“เขาดูเป็นห่วงเรามากเลยน้า ถามจริงนี่เรากับ...”

“ไม่มีอะไรค่ะ” นับดาวปฏิเสธกลับไปโดยไม่ต้องรอให้ถามจบ เธอรู้ดีว่าพี่สาวกำลังคิดอะไรอยู่

“แต่พี่ว่าเขาก็ดูเป็นคนดีนะ ดีเกินกว่าจะอยู่ในตระกูลกิจธาดาวงศ์” ภริตาพูดพลางนึกถึงกิตติศัพท์ของครอบครัวกิจธาดาวงศ์ที่เคยได้ยินมาจากคุณพ่อของตัวเอง

นับดาวพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มลงมองนามบัตรในมือของตัวเองอีกครั้ง

-----------------------

เอ็นดูคุณโอบเขานะคะ พออยู่ต่อหน้าสาวแล้วพูดไม่ถูกเชียว

เหมือนนับดาวจะมีปมกับพ่ออยู่นะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel