บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 อีกวันในแดนมืดที่มีอากาศหนาวเย็น

อีกไม่นานโรงเรียนซินเทลล่าก็จะเปิดเทอม และนั่นคือสาเหตุที่เขาต้องมานั่งจัดกระเป๋าเตรียมเดินทาง หลังจากจัดของเสร็จ ร่างสูงก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายแล้วออกมาที่ระเบียงเพื่อสูดอากาศเย็น ๆ ในยามเช้า วันนี้แดนมืดมีหิมะตก บนพื้นจึงมีแต่สีขาวโพลนเต็มไปหมด ทว่าสีของมันทำให้เขานึกถึงใครบางคน

...เมเทเลีย รินเซีย

'ทำไมอยู่ ๆ ต้องนึกถึงยัยนั่นด้วยวะ' เซเรียสสบถในใจเมื่อภาพของหญิงสาวผมสีขาวปรากฏขึ้นมาในสมอง ห้าปีก่อนเขาเจอเธอในสนามรบ เพราะไปทำร้ายเธอเข้าหรืออะไรก็ไม่ทราบ ภาพของเธอถึงโดดเด่นในห้วงความคิดนัก

“ไร้สาระ” เจ้าชายแห่งแดนมืดไม่คิดจะสนใจมัน จังหวะที่เดินกลับเข้าไปในห้อง นัยน์ตาสีแดงก็ชำเลืองไปเห็นตุ๊กตากระต่ายเก่า ๆ ที่เป็นสีชมพูแลบลิ้นนอนพิงหนังสืออยู่บนชั้นวาง เขาเดินเข้าไปอุ้มก่อนที่ความทรงจำในวัยเด็กจะค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด

“ท่านพ่อ ข้าอยากได้” วันหนึ่งในสมัยที่เขายังเด็ก พ่อพาเขาออกไปข้างนอก เซเรียสเห็นร้านขายตุ๊กตาแล้วอยากได้สักตัว วาเรียสจึงอุ้มลูกชายไปดูที่ตู้กระจกหน้าร้าน มีตุ๊กตาน่ารักหลายชนิดแต่ส่วนใหญ่ลูกค้าในร้านมักเป็นเด็กผู้หญิง ทว่าถ้าลูกอยากได้ วันนี้พ่อจะไม่ขัด

“อยากได้ตัวไหนล่ะ เอ...หรือจะเป็นตุ๊กตาจระเข้ดี” นัยน์ตาสีแดงมองตุ๊กตาตัวสีเขียวที่ว่า แต่เซเรียสส่ายหน้า เขาไม่อยากได้ตัวนั้น เพราะมีตัวหนึ่งที่เขาอยากได้มากกว่า

“ข้าอยากได้ตัวนั้น”

“ไหน” วาเรียสมองตามที่เด็กชายชี้เข้าไปในร้าน แล้วก็เห็นตุ๊กตากระต่ายสีชมพูแลบลิ้นตัวหนึ่งซึ่งมีป้ายติดว่า ‘สินค้าขายดี เหลือตัวสุดท้าย หมดแล้วหมดเลย’ คุณพ่อมองหน้าลูกชายสลับกับมองตุ๊กตาก่อนจะจำใจเข้าไปซื้อให้

มีตุ๊กตาตั้งมากมาย แต่ทำไมต้องเป็นกระต่ายสีชมพู!

“เอาไปด้วยละกัน” เซเรียสยัดตุ๊กตาใส่กระเป๋าที่ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ เสร็จแล้วจึงนำกระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อเห็นว่าข้างนอกมีหิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

แดนมืดในวันนี้ถูกปกคลุมด้วยท้องฟ้าสีเทา ละอองสีขาวค่อย ๆ โปรยปรายลงมาอย่างช้า ๆ ก่อนที่อากาศจะเริ่มเย็นลง ร่างสูงในชุดสีดำขลิบทองเดินไปตามเส้นทางในพระราชวังพลางพ่นลมหายใจออกมาเป็นไอ ชายผ้าคลุมยาวระพื้นสัมผัสกับพื้นหิมะทำให้มีละอองสีขาวติดไปด้วย ขาสองข้างหยุดอยู่กับที่แล้วนัยน์ตาสีแดงก็ค่อย ๆ เงยขึ้นมองรูปสลักที่ตั้งอยู่กลางลานกว้าง เป็นชายสองคนที่มีใบหน้าคล้ายกัน พวกเขามีปีกสามคู่และทำท่าหันหลังชนกัน ในมือถือดาบพร้อมฟาดฟันศัตรูที่เข้ามารุกราน และแผ่นป้ายบนฐานนั้นมีชื่อของทั้งสองบันทึกไว้ด้วย

วาเรนเทอัส เพนเดลรอน จ้าวปีศาจลำดับที่หนึ่งแห่งแดนมืด หรือก็คือผู้ก่อตั้งดินแดน ยุคสมัยของเขาส่วนใหญ่มีแต่เรื่องก่อร่างสร้างตัว เขาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเพื่อนบ้านมากมายเพราะเป็นดินแดนที่ถูกก่อตั้งใหม่ จึงต้องหาพันธมิตรไว้ ยามคับขันจะได้มีคนช่วย

เซเวดาลัส เพนเดลรอน จ้าวปีศาจลำดับที่สองแห่งแดนมืด เซเรียสเคยอ่านในบันทึกประวัติศาสตร์ของดินแดน ว่ากันว่าเขาเป็นจ้าวปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดที่แดนมืดเคยมีมา ยุคสมัยของเขามีการรุกรานจากแดนอื่นและเซเวดาลัสก็สามารถนำทัพปีศาจต่อสู้กับพวกนั้นเพื่อปกป้องดินแดนไว้ได้

จนกระทั่งยุคสมัยของจ้าวปีศาจลำดับที่สามเป็นต้นมา แม้ว่าแดนมืดจะเป็นแดนใหญ่แต่ก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน ถึงอย่างนั้นเพราะมีรากฐานที่มั่นคงจึงไม่ค่อยมีใครกล้ารุกราน ดังนั้นปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจึงมาจากภายในมากกว่าภายนอก

บอกตามตรงว่ามันน่ารำคาญ!

“รู้อะไรไหมท่านบรรพบุรุษ ข้าล่ะอยากแข็งแกร่งเหมือนพวกท่านชะมัด แดนมืดเลือกข้าเป็นจ้าวปีศาจลำดับที่แปด ข้าจะทำได้ดีเหมือนพวกท่านไหม ไม่สิ ขนาดท่านพ่อ ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะเทียบเขาได้หรือเปล่า” เซเรียสพึมพำเบา ๆ พลางนั่งใกล้ ๆ รูปสลักของจ้าวปีศาจทั้งสอง พลันเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็ดังแว่วมาทำให้เจ้าตัวหันไปมอง

“มานั่งทำอะไรตรงนี้ คิดว่าเป็นพระเอกละครหรือไง” วาเรียสที่ออกมาเดินเล่นท่ามกลางหิมะโปรยปรายตรงเข้ามาทักลูกชายอย่างอารมณ์ดี

“อรุณสวัสดิ์ครับท่านพ่อ ทำไมออกมาเดินเล่นได้ล่ะ”

“วันนี้พ่อว่าง ระหว่างรอแม่จัดโต๊ะอาหารมื้อเช้ากับข้ารับใช้ ก็เลยออกมาสูดอากาศสักหน่อย” เจ้าตัวเงยหน้ามองรูปสลักของจ้าวปีศาจทั้งสองพลางพ่นลมหายใจออกมา “วันนี้อากาศหนาว พวกท่านช่วยทนหนาวไปก่อนละกัน”

“ปล่อยให้ทนแดดทนฝนอยู่ได้ ไม่เอาไปเก็บไว้ดีกว่าเหรอครับ”

“ไม่ล่ะ ให้พวกเขาอยู่ตรงนี้แหละ จะได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันและความเป็นไปของดินแดนได้ตลอด” วาเรียสเบนสายตาไปยังลานกว้างจากนั้นก็คลี่ยิ้มนิด ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต “พ่อจำได้ว่าตอนเจ้าอายุสิบขวบ บางครั้งเจ้าก็มาซ้อมฟันดาบที่นี่คนเดียว”

“แถวนี้ไม่ค่อยมีใครผ่านมา เงียบดี ข้าก็เลยชอบฝึกดาบที่นี่”

“เอาเถอะ เจ้าจะนั่งอยู่นี่อีกนานแค่ไหนก็เรื่องของเจ้า แต่มาให้ทันมื้อเช้าด้วยล่ะ มาช้า อาหารหมดไม่รู้ด้วยนะ” จ้าวปีศาจกล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะสดใส เจ้าชายแห่งแดนมืดมองตามหลังก่อนจะกลอกตามองบน ไม่บอกก็รู้ว่าที่อาหารหมดเพราะพ่อฟาดเรียบ

'ท่านแม่ทำอาหารอร่อย ท่านพ่อก็ต้องรีบกินก่อนอยู่แล้ว' เซเรียสกล่าวในใจ ก่อนที่นัยน์ตาสีแดงจะมองออกไปยังความว่างเปล่า ความทรงจำในวัยเด็กทำให้เขานึกถึงช่วงที่ตัวเองกำลังหัดฟันดาบ

วันนั้นก็มีหิมะตกแบบนี้เช่นกัน...

แดนมืดเป็นดินแดนที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ถูกคำสาปครอบงำ สภาพอากาศก็แปรปรวน บางครั้งในฤดูร้อนยังมีหิมะตก วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีท้องฟ้าสีเทา ละอองสีขาวร่วงหล่นลงมาจากผืนฟ้าอย่างช้า ๆ สายลมหนาวที่พัดมาทำให้ต้นไม้ ใบหญ้า และสิ่งก่อสร้างถูกน้ำแข็งจับ

ภายในพื้นที่แห่งหนึ่งกลางพระราชวัง บริเวณลานกว้างที่มีรูปปั้นของอดีตจ้าวปีศาจทั้งสองนั้นปรากฏร่างของเด็กชายวัยสิบขวบสวมชุดสีดำทะมัดทะแมงหันหน้าเข้าหารูปสลัก มือซ้ายเรียกดาบสีทมิฬรูปลักษณ์สวยงามออกมา เขาหันกลับไปด้านหลัง นัยน์ตาสีแดงจับจ้องไปยังความว่างเปล่าก่อนที่เขาจะก้าวออกมายืนห่าง ๆ รูปสลัก

พลันสายลมวูบหนึ่งก็พัดมาพร้อมกับที่ไอพลังสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นรอบกาย มันหมุนวนอยู่รอบ ๆ คล้ายกับพายุ ทันใดนั้นอัศวินเกราะดำถือเคียวขนาดใหญ่ก็ก้าวออกมาจากกำแพงพายุแล้วเข้ามาล้อมร่างเล็กไว้ทุกทิศทาง เจ้าชายน้อยกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งมาทางด้านหลัง ทันทีที่หันกลับไป อัศวินถือเคียวคนหนึ่งก็กระโจนเข้ามาหาและตวัดเคียวใส่

ฉึก!

ปลายดาบสีทมิฬเสียบทะลุร่างชายคนนั้นก่อนที่เขาจะสลายไปกลายเป็นละอองสีดำ วิถีดาบที่พุ่งมานั้นเร็วจนอัศวินคนอื่นชะงัก ใครจะไปนึกว่าเด็กตัวแค่นี้จะใช้ดาบแทงเป้าหมายได้เร็วชนิดที่มองไม่ทันเลยทีเดียว

ฟุ่บ!

พริบตานั้นอัศวินคนหนึ่งก็พุ่งมาและตวัดเคียวใส่ เซเรียสน้อยดีดตัวหลบก่อนที่วงเวทสีดำจะปรากฏขึ้นกลางอากาศ เด็กชายกระโดดขึ้นไปเหยียบแล้วถีบตัวจากวงเวทพุ่งลงมาสะบัดดาบบั่นคอเป้าหมาย วงเวทแบบเดิมปรากฏขึ้นบนพื้น เซเรียสจึงถีบตัวจากวงเวทนั้นขึ้นฟ้า ร่างเล็กพลิกตัวตีลังกากลางอากาศแล้วลงไปยืนอยู่ตรงหน้ารูปสลักของอดีตจ้าวปีศาจทั้งสอง

“ใช้เวทเก็บเรียบเลยละกัน” เจ้าชายน้อยลากนิ้วไปตามตัวดาบก่อนที่เพลิงสีดำจะลุกท่วม เด็กชายสะบัดดาบออกไป คลื่นพลังเพลิงสีทมิฬพุ่งผ่านเหล่าอัศวินไปทำให้ทุกคนสลายร่างไปหมด ลมพายุที่พัดอยู่โดยรอบก็หายไปเช่นกันเหลือเพียงแค่ลานกว้างที่ไม่มีอะไรเกิดและละอองสีขาวที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

เซเรียสถอนหายใจออกมาเป็นไอสีขาว แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อลมพายุสีทมิฬก่อตัวขึ้นอีกครั้ง อัศวินเกราะดำถือเคียวขนาดใหญ่นับสิบก้าวออกมาเหมือนตอนแรกไม่มีผิด เจ้าชายน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เพื่อตั้งสติ เด็กชายชี้นิ้วข้างขวาไปทางด้านหลัง วงเวทสีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดขึ้นไปตั้งหลักบนนั้นแล้วถีบตัวพุ่งไปหาอัศวินคนหนึ่งพร้อมตวัดดาบฟัน ศัตรูคนนั้นจึงสลายร่างเป็นไอสีดำทันที

ฟุ่บ!

'ข้างหลังสินะ!' เซเรียสได้ยินเสียงเหมือนมีใครกระโจนเข้ามาทางด้านหลัง เด็กชายหันกลับไปแล้วใช้ดาบคู่ใจแทงใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง ปลายดาบพุ่งมาเร็วมาก อัศวินเกราะดำคนนั้นจึงไม่ทันตอบโต้จึงรับการโจมตีเต็ม ๆ

ใบมีดจันทร์เสี้ยวของศัตรูอีกคนตวัดมา เจ้าชายน้อยดีดตัวถอยหลังหลบก่อนจะพุ่งเข้าไปประชิดพลางสะบัดดาบปัดเคียวทิ้งตามด้วยช้อนดาบขึ้นตัดแขนขวาของคู่ต่อสู้ แล้วเปลี่ยนมาเหวี่ยงดาบบั่นคอฝ่ายตรงข้าม เสียงฝีเท้าดังแว่วมาทำให้ร่างเล็กตวัดสายตาไปมอง อัศวินถือเคียวสามคนวิ่งมาทางด้านหลัง เจ้าชายแห่งแดนมืดนั่งชันเข่าลงพื้น วงเวทสีดำปรากฏขึ้นใต้เท้าก่อนที่มันจะส่งร่างเด็กชายพุ่งไปหาศัตรูด้วยความเร็วที่มองไม่ทัน อีกฝ่ายยังไม่ได้ตวัดเคียวใส่ เซเรียสก็วาดดาบขณะพุ่งผ่านทั้งสามไป พวกเขาหยุดชะงักจากนั้นลำตัวก็ขาดครึ่งแล้วสลายร่างไปเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้

ฟิ้ว! ฉึก!

เซเรียสขว้างดาบออกไปเสียบทะลุร่างอัศวินถือเคียวที่กระโจนลงมาจากท้องฟ้าจากนั้นก็พุ่งไปดึงดาบของตัวเองออกมา อัศวินอีกสี่คนถือเคียววิ่งเข้ามาทั้งสี่ทิศทาง เด็กชายจึงเอาดาบแทงลงพื้น กระแสพลังสี่สายพุ่งไปหาศัตรูตามพื้นดินก่อนที่มันกลายเป็นวงเวทกระจายอยู่ทั้งสี่ทิศแล้วดาบสีทมิฬก็พุ่งออกมาเสียบทะลุร่างอัศวินทุกนาย

“เฮ้อ” เซเรียสถอนหายใจพลางดึงดาบขึ้นจากพื้น พริบตานั้นวงเวทสีทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบกาย กระสุนเวทถูกยิงออกมาทำให้เจ้าชายน้อยดีดตัวหลบแทบไม่ทัน มือซ้ายก็สะบัดดาบปัดป้องพลังโจมตีที่พุ่งมาจากทุกทิศทาง

ตูม!

พลันวงเวทสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะก่อนที่มันจะยิงลำแสงลงมาถล่มเบื้องล่าง แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหนูกระเด็นไปกระแทกพื้นและกลิ้งหลุน ๆ ไปสามตลบ ดาบคู่ใจก็ปลิวหลุดมือไปตกอยู่ที่ไกล ๆ เซเรียสรีบสปริงตัวขึ้นมาแล้วพุ่งไปคว้าดาบทว่าช้าไปเมื่ออัศวินถือเคียวคนหนึ่งกระโจนเข้ามาและตวัดเคียวใส่ เด็กชายเอี้ยวตัวหลบก่อนจะถูกอีกฝ่ายเตะอัดท้องจนล้มกลิ้ง ร่างเล็กลุกขึ้นแล้วพุ่งไปคว้าดาบตามด้วยหันกลับมายกดาบตั้งรับปลายแหลมของใบมีดจันทร์เสี้ยวที่ฟาดลงมาพอดี

จังหวะนั้นอัศวินถือเคียวคนอื่น ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบ เจ้าชายแห่งแดนมืดเบิกตากว้าง สภาพเขาในตอนนี้รับมือไม่ไหวแน่ พลันเหล่าอัศวินเกราะดำก็กระโจนเข้ามาพร้อมกันทุกทิศทางพร้อมฟาดเคียวขนาดใหญ่กว่าตัวคนถือลงมา!

“ท่านพ่อ!” เซเรียสหลับตาปี๋พลางตะโกนเรียกจ้าวปีศาจ พลันอัศวินทุกนายก็สลายร่างไปเป็นละอองสีดำ สายลมหมุนรอบลานกว้างก็ค่อย ๆ หายไปด้วย เมื่อทุกอย่างกลับมาอยู่ในความสงบ เขาจึงลุกขึ้นนั่งคุกเข่าและก้มหน้ามองพื้น เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังแว่วมาจนกระทั่งปลายรองเท้าหนังสีดำหยุดอยู่ใกล้ ๆ เด็กชายจึงเงยหน้าขึ้น

“ถ้าอยู่ในสนามรบ พ่อช่วยเจ้าไม่ได้นะ เซเรียส” อีกเดี๋ยวลูกชายก็จะต้องไปที่สนามรบเพื่อต่อสู้กับทหารซิลวาแล้ว แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้วาเรียสรู้ว่าเด็กชายยังไม่พร้อม ถึงแม้ว่าจะได้รับการฝึกมา ทว่าเขาก็ยังเด็กเกินกว่าจะไปที่นั่นอยู่ดี

“ขอโทษครับ คราวหลัง ข้าจะทำให้ดีกว่านี้” เซเรียสกล่าวพลางก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

“ขุนนางพวกนั้นไม่ชอบเจ้า เพราะการมาของเจ้า ทำให้ขุนนางหญิงที่พวกนั้นสนับสนุนไม่ได้เป็นราชินี เจ้าเองก็ไม่น่ารับคำท้าไปรบตามที่พวกนั้นต้องการเลย” จ้าวปีศาจกล่าวเสียงเรียบก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ทายาทเพียงคนเดียวถึงกับหน้าเสีย

“ท่านพ่อ...” เจ้าชายน้อยมองตามหลังร่างสูงที่เดินไปหาสี่องครักษ์ เทมเพสพูดอะไรบางอย่างซึ่งเจ้าหนูเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องงาน ก่อนที่วาเรียสจะเดินออกไปจากลานกว้าง

เซเรียสมองดาบสีทมิฬคู่ใจในมือก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันไปมองรูปสลักของจ้าวปีศาจลำดับที่สอง ร่างเล็กเดินไปยืนตรงหน้าเขาพลางมองดาบในมือสลับกับรูปสลักนั้น

“ดาบที่ข้าถืออยู่ เมื่อก่อนเคยเป็นของท่าน ในเมื่อข้านำมันมาใช้ ข้าควรทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งเหมือนท่าน” เจ้าชายแห่งแดนมืดถามออกไปทั้งที่รู้ว่าไม่มีใครตอบกลับมา สุดท้ายเขาก็เก็บอาวุธแล้วรีบวิ่งตามพ่อกับอาจารย์องครักษ์ไปติด ๆ

ภาพในห้วงความทรงจำค่อย ๆ จางหายไป เซเรียสในปัจจุบันแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มีหิมะโปรยปรายก่อนจะหันกลับมาค้อมศีรษะให้รูปสลักของจ้าวปีศาจทั้งสอง ตอนนี้คงได้เวลามื้อเช้ากับพ่อแม่แล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเดินจากไปเพราะไม่อยากให้ทั้งสองรอนาน

“นึกว่าใครมาเดินเล่นแถวนี้ ที่แท้ก็เจ้าชายนี่เอง”

“เกล็น” ช่วงที่กำลังเดินกลับ ระหว่างขึ้นสะพานข้ามคลองสายเล็กที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เซเรียสก็สวนทางกับลูกชายของขุนนางคนหนึ่ง แน่นอนว่าท่าทางไม่ค่อยถูกกันนัก

“จะไปไหนล่ะขอรับ”

“ใกล้จะได้เวลามื้อเช้าแล้ว ข้าต้องรีบไป” เขาไม่อยากจะเสวนาด้วยนัก แต่ท่าทางอีกฝ่ายคงไม่อยากให้ไปเห็นได้จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ

“ยังเคืองเรื่องสมัยเด็กอยู่หรือขอรับ เจ้าชายล่ะก็...ข้ากับเพื่อน ๆ แค่แกล้งเล่นเท่านั้นเอง แต่พอมานึกดูดี ๆ แล้ว ข้าก็รู้สึกผิดจริง ๆ ที่เคยกลั่นแกล้งเจ้าชาย”

'ตอแหลมันเข้าไป' คนเคยโดนแกล้งสบถในใจ

“ข้าต้องไปแล้ว”

“ถ้าเจ้าชายไปก็ต้องได้พบกับท่านหญิงปริศนาที่เป็นสนมของท่านจ้าวด้วยสินะขอรับ” เกล็นเปิดประเด็นคุยต่อโดยไม่ยอมให้เซเรียสผ่านไปง่าย ๆ

“เจ้าสนใจ?”

“ก็สนใจสิขอรับ ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ อยู่ ๆ กลายมาเป็นสนมของท่านจ้าว ได้ยินว่านางอยู่กับท่านจ้าวทุกคืน อีกหน่อยคงจะมีทายาท ว่าแต่เจ้าชายไม่รู้สึกอะไรหรือขอรับ ไม่กลัวว่าลูกของผู้หญิงคนนั้นจะมาแย่งตำแหน่งเจ้าชายแห่งแดนมืดไปจากท่านเหรอ” เกล็นรู้ว่าเซเรียสเป็นลูกชายคนแรกแถมถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอด แต่ถ้าอยู่ ๆ มีน้องชายเกิดขึ้นมา ก็มีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะระแวง กลัวน้องมาแย่งอำนาจพี่

“พรุ่งนี้อาจเกิดแผ่นดินไหว อยู่ดี ๆ เจ้าก็มาห่วงข้าทั้งที่แม่เจ้าหวังตำแหน่งราชินีจนตัวสั่น เจ้าเองก็อยากเป็นเจ้าชายเหมือนกันนี่ แต่น่าเสียดายที่เป็นได้แค่ฝัน” คำพูดนั้นทำให้เกล็นเปลี่ยนสีหน้าทันที ธาตุแท้ที่ซ่อนอยู่ข้างในกำลังเผยออกมา เซเรียสรู้ดี คนตรงหน้าไม่ได้ควบคุมอารมณ์เก่งนัก จึงไม่แปลกที่จิกกัดนิดหน่อยแล้วจะแสดงความรู้สึกจริง ๆออกมา

“ดูเหมือนข้าจะยุแยงท่านไม่ได้เลยนะ เจ้าชาย”

“หึ! ตอนนี้ข้ายังไม่มีน้องชายแล้วข้าจะระแวงทำไม อีกอย่างถ้าสิ่งใดเป็นของข้า ใครก็แย่งไปไม่ได้ ส่วนใครไม่ใช่เจ้าของ แย่งแทบตายก็ไม่ได้อะไรเลย” ความจริงแล้วเขาไม่ได้ระแวงเลยสักนิด สนมคนนั้นคือแม่แท้ ๆ ของเขา อีกอย่างถ้าพ่อกับแม่จะมีน้องให้ เขาก็ไม่ว่าอะไร ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องเหงาเพราะเป็นลูกคนเดียว

“ชิ!” เกล็นกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ สมองก็คิดว่าควรจะจัดการคนตรงหน้ายังไงดี ตอนนั้นเองเสียงคนคุยกันก็ดังแว่วมา ลูกชายขุนนางจึงคิดแผนการออก

“โอ๊ย! เจ้าชาย ท่านถีบข้าทำไมขอรับ!” คนตะโกนแกล้งหงายหลังกลิ้งลงจากสะพานทำให้ลงไปคลุกฝุ่นจนเหมือนกับถูกถีบจริง ๆ เซเรียสที่ยืนมองอยู่ก็กลอกตามองบนฟ้าอย่างเอือมระอา

พลั่ก!

“เฮ้ย!” เกล็นถึงกับหลุดสะดุ้งเมื่อเห็นคู่สนทนาเอาหัวโขกราวสะพาน แถมไม่ได้โขกเบา ๆ แต่โขกเต็มแรงถึงสามครั้งจนกระทั่งเลือดไหลอาบหน้า ร่างสูงค่อย ๆ ทรุดลงไปนั่งพิงราวสะพาน จากนั้นทหารจำนวนหนึ่งก็วิ่งมา

“เกิดอะไรขึ้น...เจ้าชาย!” ทหารพวกนั้นไม่สนใจเกล็นแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าทายาทของจ้าวปีศาจอยู่ในสภาพไหนก็รีบพุ่งเข้าไปพยุงทันที

“ลากเจ้าคนสามหาวนั่นไปขังคุก มันกล้าจับหัวข้าโขกราวสะพาน!” สิ้นคำสั่งประกาศิต ทหารกลุ่มนั้นก็วิ่งไปจับตัวเกล็นข้อหาทำร้ายเจ้าชายทันที

“ข้าไม่ได้ทำ ปล่อยข้านะ!”

“เอาตัวไป!” พวกทหารรีบลากคนถูกใส่ร้ายไปขังคุกโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น แต่ก่อนจะถูกคุมตัวไป เกล็นเห็นเซเรียสเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะหลังจากมีทหารช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน

อย่าบังอาจหาเรื่องเจ้าชายแห่งแดนมืด!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel