บท
ตั้งค่า

จุดที่ 1 จุดเริ่มต้นที่...เหี้ย

คอนโด J

01/01/31

10.59 น.

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าห้องถังขึ้นถี่รัว ปลุกฉันที่กำลังนอนมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างแสนสุขต้องยอมโผล่หน้าออกมา กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัส

“เหี้ย! ใครวะ”

และสบถคำด่าออกมาเพื่อสรรเสริญไอ้คนที่มันกล้ามาปลุกฉันในเช้าวันหยุดแบบนี้ เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ปาไปเกือบตี 3

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้งเพราะฉันยังคงไม่ยอมลุกออกจากเตียงไปเปิดประตูให้คนที่มันกล้ามาทำลายความสุขในเช้าวันปีใหม่ของฉัน

อย่าให้รู้นะว่าใคร...

แม่งจะด่าไม่เลี้ยง แต่ถ้าให้เดามันก็เป็นใครไปไม่ได้หรอกนอกจากอีเพื่อนตุ๊ดของฉันที่บอกไว้ว่าวันนี้มันจะมาทำอะไรก่อนที่เราจะแยกกันกลับเมื่อคืน

เหอะ!

ปฏิบัติการเปลี่ยนหงส์อินดี้อะไรของมันก็ไม่รู้ ฉันยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อมันเท่าไหร่เลย แล้วก็ไม่ได้อยากจะมาเปลี่ยนอะไรเพื่อใครด้วย

ถ้าคนเขาจะรักก็คงรักปะวะ รักที่เราเป็นเรา

เฮ้อ…

แต่ติดตรงที่การเป็นฉันมันคงไม่ค่อยเข้าตาใครเท่านั้นเอง...มั้ง

บอกตัวเองให้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องด้วยสภาพที่เหมือนซอมบี้เดินได้

เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงบอกเซอร์ลายตารางสีชมพู ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนรังนก

ตาบวม ๆ เพราะร้องไห้เมื่อคืนที่พร้อมจะปิดอยู่ตลอดเวลา คราบน้ำลายที่รู้สึกได้ว่าติดอยู่ตรงมุมปากแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจจะเช็ดออกหรอกนะเพราะส่วนมากคนที่จะมาหาฉันได้ที่ห้องก็มีแต่คนที่สนิทด้วยทั้งนั้น

ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์ หรือคีพลุคอะไรหรอก

แอดดดด

แง้มประตูเปิดออกไป ก่อนที่จะเงยหน้ามองคนที่มาหา เตรียมคำด่าสารพัดไว้ในใจเพื่อจะกล่าวสรรเสริญไอ้คนตรงหน้า ไหนดูหน้าหน่อยดิ๊ว่าใคร ถ้าสนิทมากจะด่าไม่เลี้ยง ละ...เลย

“เปิดช้าจังวะ กูเคาะเป็น..เอ่อ”

แต่ติดที่ว่าคนนี้ไม่สนิท

“ขอโทษครับ ผมเคาะผิดห้อง”

ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราได้สบตากันชั่วครู่ หัวใจฉันเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง ทำได้เพียงยืนมองหน้าเขาเหมือนคนโง่

“ฮะ...เหี้ย”

และหลุดปากพูดคำสั้น ๆ ออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

ฮือ...

ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ มันเคยชิน

“ขอโทษจริง ๆ ครับ…”

เขาเอ่ยขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง สายตาคมกวาดมองใบหน้าฉันเหมือนมีอะไรจะพูดต่อ

ส่วนฉันไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง มือไม้สั่นไปหมดมันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยืนท่าไหน ทำสีหน้าแบบไหน และสภาพแม่งจะแย่ขนาดไหน

“...ที่มาปลุก นอนต่อได้เลยนะ”

ประโยคที่ดูเหมือนจะยังพูดไม่จบเมื่อครู่ ถูกเอ่ยขึ้น ก่อนที่ร่างสูงของคนตรงหน้าจะยิ้มมุมปากนิด ๆ

นิดเดียวจริง ๆ

เหมือนมันเป็นการกระตุกยิ้มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจมากกว่า...หรือว่ากลั้นเอาไว้ไม่อยู่วะ สายตาเลื่อนลอยและความรู้สึกที่ยังคงตั้งรับกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ทัน

ฉันได้แต่มองแผ่นหลังกว้างเดินหันหลังกลับไป

เห็นว่าเขากำลังกดโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคนสักพักก่อนที่จะได้ยินเสียงทุ้มต่ำของร่างสูงสบถเบา ๆ ดังลอยมาตามสายลมและอากาศให้ฉันได้ยิน

“ผิดชั้นเหรอวะ ?”

ฉันจะไม่มีอาการแบบนี้เลยถ้าเขาเป็นผู้ชายธรรมดา เป็นใครก็ได้ที่ฉันไม่รู้จัก

จะไม่ทำตัวเหมือนคนเอ๋อ ที่ได้แต่ยืนนิ่งกะพริบตามองเขาเดินจากไปจนลับสายตาแบบนี้

จะไม่เสียอาการเหมือนคนบ้าที่สติหลุดลอย และจะรีบเข้าห้องเพื่อกลับไปหลับต่อเหมือนที่เขาเพิ่งบอกมาเมื่อกี้

จะไม่เป็นอะไรเลย...ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่ทำให้ฉันเพิ่งร้องไห้เพราะน้อยใจเมื่อคืนนี้

คนที่ทำให้ฉันต้องหลับเกือบตี 3 พร้อมกับคราบน้ำตา

เขาคือเฮียเล !!!

จบกัน

ครั้งแรกที่สบตา ครั้งแรกที่ได้คุย

แต่ฉันกลับทักทายเขาด้วยคำว่า

‘ฮะ..เหี้ย’

ไม่ใช่เฮียหรอกที่เหี้ย แต่เป็นมึงนี่เเหละข้าว

เหี้ยยยย

ชิบหายแล้วแม่มึ้งงงงงงง

ปัง!

หลังจากที่เรียกสติที่มีน้อยนิดของตัวเองกลับมาได้ ฉันก็เดินมาทรุดนั่งบนเตียงอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ใจที่ยังเต้นแรงยังไงตอนนี้ก็ยังคงเต้นแรงแบบนั้นเพียงแต่ว่าเริ่มแผ่วแรงลงแล้ว

อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ต้นเหตุของคนที่ทำให้จังหวะหัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะเขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ก้มมองดูสภาพตัวเองอีกครั้งอย่างคนอดสู

นี่ฉันทำอะไรลงไป

และเขามาที่นี่ได้ยังไง คำถามไร้ซึ่งคำตอบที่วนเวียนอยู่ในหัวของฉันไปมา

“นี่มึงทำบ้าไรลงไปเนี่ยข้าว"

อดใจไม่ไหวเลยด่าตัวเองออกเสียง พร้อมกับดึงทึ้งหัวยุ่ง ๆ ที่สภาพแทบดูไม่ได้ ใครกันล่ะจะอยากให้คนที่ตัวเองชอบมาเห็นตัวเองในสภาพที่ ‘ทุเรศ’ แบบนี้

จริงอยู่ อย่างที่อีแมนพูดว่าฉันมันเป็นคนอินดี้ไมค่อยสนห่าเหวอะไรหรอกว่าใครจะมองแบบไหนแต่แปลกที่ฉันกลับแคร์เขามาก ๆ

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันก็อยากจะสวยต่อหน้าเขาบ้าง อยากดูดีดูน่ารักน่าทนุถนอมในสายตาของคนที่ฉันแอบรัก...

แต่พอมีโอกาสได้เจอขึ้นมาจริง ๆ กลับทำอะไรลงไปก็ไม่รู้ ทั้งการแต่งตัว ทั้งหน้าตา ทั้งคำทักทาย ทุกอย่างมันพังหมด

แล้วเขาก็จะจดจำฉันในสภาพเหี้ย ๆ แบบนั้นไง ผู้หญิงซกมกคนหนึ่ง ซ้ำยังปากหมาอีกด้วย

เฮ้อ….

เฮ้อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ถอนหายใจเป็นพันล้านรอบก็คงไม่ทำให้ความรู้สึกที่โคตรดาวน์มันดีขึ้นได้ ใจก็อยากจะนอนต่อนะแต่ก็นั่นแหละ

ใครจะหลับลง เหอะ!

อยากหัวเราะเยาะให้กับชีวิตบัดซบของตัวเอง แต่น้ำตากลับไหลออกมาแทนนี่สิ

ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาได้ไหมบอกที

15.30 น.

”อีข้าว! มึงเป็นไรของมึงเนี่ยกูบอกว่าวันนี้จะเปลี่ยนหงส์อินดี้ให้เป็นพญาหงส์ไง มึงรับปากกูแล้วไม่ใช่เหรอแล้วทำไมตอนนี้มึงทำหน้าหมาหงอยอีกแล้วเนี่ย กูไม่เข้าใจ”

อีตุ๊ดแมนโวยวายขึ้นเสียงดัง หลังจากที่ฉันไม่ยอมออกไปข้างนอกเพื่อไปแปลงโฉมอะไรนั่น

ก็บอกแล้วว่ามันพัง

ทุกอย่างจบตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วโว้ยยยย อยากจะตะโกนใส่หน้ามันดัง ๆ นะแต่ไม่มีแรง

~ ~ ไม่ได้หมดรัก แต่หมดแล้วเรี่ยวแรง

เพลงมา เออมันได้ ตรงฉิบหายวายวอด

~ ~ รู้ แต่มันทำไม่ได้ น่ะ อันนี้ก็เข้า

เออแต่ละเพลง แล้วนี่ใช่เวลาที่ฉันควรเวิ่นเว้อไหม

“กูไม่เปลี่ยนไรแล้วตุ๊ด ภาพลักษณ์กูไม่เหลือให้เฮียเขาจำแล้วล่ะ มึงเลิกล้มเหอะ ยังไงเขาก็ไม่มาสนใจชะนีอินดี้แบบกูหรอก”

ฉันหันไปพูดกับอีแมนอย่างคนที่ยอมแพ้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมดกูงงไปหมดแล้วเนี่ย มีstoryอะไรเกิดขึ้น บอกกูมาให้หมดเลยนะอีชะนี”

อีแมนคาดคั้นเมื่อเห็นว่าท่าทางฉันเริ่มไม่ค่อยดี มันก็รู้ทันตลอดและฉันก็ปิดบังมันไม่เคยได้ทุกครั้ง

2 นาทีผ่านไป

“ฮะ!!! นี่เขามาเคาะห้องผิดแล้วมึงเสือกออกไปเปิดประตูให้แขกด้วยสภาพเน่า ๆ แบบนั้น ใครสั่งใครสอนมึงเนี่ยชะนี”

“ก็ใครมันจะไปรู้อะ มึงบอกว่าจะมาหากูวันนี้กูเลยคิดว่าเป็นมึงไงใครจะไปคิดว่าคนอย่างเฮียเลจะมาเคาะประตูหน้าห้องกูวะ”

หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้มันฟังอีแมนก็มีสภาพเป็นแบบนี้ ตกใจโอเวอร์ไปได้ ฉันเป็นเจ้าของเรื่องยังไม่เห็นแอคติ้งเวอร์แบบมันเลย ชิส์

“ชะนีเอ๊ย ชะนี มึงนี่เนาะแล้วคุยไรกับเขาบ้างล่ะ”

“ไม่ได้คุย แค่เผลอพูดอะไรไปนิดหน่อย”

ตอบมันกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม

“นี่อย่าบอกนะว่ามึงเผลอสบถหยาบคายน่ะอีข้าว”

เกลียดคนรู้ทัน...

“ทำไมมึงรู้วะ แต่คำเดียวเองนะมึง”

“คำเดียวมึงนี่คือ คำว่า 'เหี้ย' ที่มึงชอบพูดบ่อย ๆ ใช่ไหม”

“ง่ะ แสนรู้อีกแล้วนะเราน่ะ”

ฉันพูดติดตลกตอบกลับมันไป รู้ดีแหละมันอะ

ก็เพื่อนสนิทกันอะเนอะ คบกันตั้งแต่ม.ปลายยันมหาลัย รู้ไส้รู้พุงกันหมดว่าเป็นคนยังไง

“ไม่ต้องมาทำเป็นตลกกลบเกลื่อน มึงนะมึงต่อไปก็อย่าไปเปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้นอีก ตาแมวมีไว้ทำไมไม่ส่องยะอีชะนีไม่กินกุ้ง”

ดูเพื่อนมันด่าฉันสิคะ เอาซะเสียหมาสรรหาคำมาด่าได้ดีจริง

ชะนีไม่กินกุ้ง แหม่ ฉันแพ้กุ้งก็เอามาด่าได้

“ก็มันพลาดไปแล้วไงมึง อีกอย่างเขาก็คงจดจำกูเป็นผู้หญิงซกมกแบบนั้นไปแล้ว เพราะฉะนั้นกูไม่เปลี่ยนอะไรแล้วนะ กูกับเขามันต่างกันเกินไปยังไงก็คงไม่มีวันที่คนแบบเขาจะมาหลงรักคนแบบกูหรอก”

และฉันก็กลับเข้าสู่โหมดเศร้าเหมือนเดิม เมื่อคิดมาถึงความจริงข้อนี้

เรามันต่างกัน...มากเกินไป

“ตามใจมึงละกัน แต่กูก็อยากให้มึงทำเพื่อตัวเองบ้างนะข้าว มึงควรที่จะพยายามเพื่อความรักของมึงบ้าง อย่าเอาแต่ดูคิดว่าเขากับมึงต่างกัน คนเรามันก็ กิน ขี้ ปี้ นอน เหมือนกันเข้าใจป้ะ อย่าดูถูกตัวเองทุกคนมีค่าในตัวของตัวเองเสมอขอแค่มึงเชื่อในตัวมึง ทำไมจะไม่มีคนมาชอบมึงวะถึงจะไม่ใช่เฮียเลแต่กูเชื่อว่าสักวันมึงจะเจอคนของมึงนะข้าว”

อีแมนเริ่มทำหน้าจริงจังเมื่อมันเริ่มเข้าโหมดที่จะสั่งสอนฉัน เอาซะมีแรงฮึดขึ้นมาเลย แต่ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละ เพราะฉันเอาแต่คิดว่าเราต่างกันมากเกินไป แต่สุดท้ายแล้วแม่งเราก็คนเหมือนกันปะวะ

หรือถึงเวลาแล้วที่ฉันจะดึงตัวเองออกมาจากcomfort zone ของตัวเองซักที พอคิดทบทวนกับตัวเองดีๆ จริงๆแล้วคนเราก็คงต้องพยายามเพื่อตัวเองอย่างที่มันพูดจริงๆ

ความรักไม่ใช่การครอบครอง ก็เคยคิดแบบนั้นนะแต่แล้วสุดท้ายกลับเป็นเราไหมที่เจ็บ มองเขาใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น มองเขารักกับคนอื่น โดยที่เราทำได้แค่มองอยู่ไกล ๆ ไม่สนุกเลยนะ

โคตรจะเจ็บ...

เจ็บแบบเหี้ย ๆ ด้วย

“ขอบใจมึงมากแมน เอาซะกูฮึดเลย กูรักมึงนะตุ๊ด” ฉันโผเข้าไปกอดมันเต็มรัก ด้วยความซาบซึ้งที่มาจากใจจริง ๆ

อย่างน้อยตอนนี้ก็มีมันคนหนึ่งแหละที่เห็นคุณค่าในตัวฉัน

“อีชะนีน้อย ได้ทีแต๊ะอั๋งกูใหญ่เลยนะปล่อยกู ๆ ขนลุกขนพอง” ถึงมันจะพูดออกมาแบบนั้น แต่มันกลับลูบหลังฉันอย่างให้กำลังใจ

ตุ๊ดปากแข็งเอ๊ย เป็นห่วงฉันแล้วยังจะสะดีดสะดิ้งอะคิดดู

"กูเศร้าอยู่นะ มึงไม่สงสารกูเหรอแมน" เวลาแบบนี้เราก็จะเคารพกันขึ้นมาหน่อย สังเกตดูเราไม่เรียกกันอีแล้วนะ

“วันนี้กูยอมมึงวันหนึ่งก็ได้ แต่ช่วยเรียกกูแมนนี่เหอะขอร้อง เรียกกูแมนอีกทีกูลุกเตะปากมึงจริงด้วยอีข้าวเน่า”

“5555 ค่าาาาาแมนนี่”

ชมได้ไม่นานสันดานเริ่มออก อีข้าวเน่าเต็มปากเต็มคำเลยจ้ะแมนนี่

เฮ้อ...

นี่คงเป็นการถอนหายใจให้กับความป๊อดครั้งสุดท้ายของฉัน วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าวันต่อไปของปีนี้คงต้องเหนื่อยหน่อย

ถึงเวลาที่ฉันจะต่อสู้เพื่อความรักของตัวเองดูสักที บางทีวันนี้ที่เราเจอกันด้วยสภาพแบบนั้นมันก็อาจจะดีไม่น้อยเหมือนกัน จะมีผู้หญิงคนไหนกันที่ยอมให้เฮียเลเจอในสภาพแบบนั้นล่ะจริงไหม? มีแค่ฉันล่ะน่า

อย่างน้อยเขาก็ควรจำฉันได้บ้าง...

ถึงแม้จะเป็นในรูปแบบที่ดูเหี้ยไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าตอนที่เขาไม่เคยรู้จักฉันเลย

อีกอย่าง ฉันก็เชื่อด้วยว่าการที่เราเจอกันวันนี้มันอาจจะไม่ใช่แค่ความบังเอิญเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่แค่เพราะความผิดพลาดของเฮีย แต่อาจจะเป็นเพราะใครบางคนบนฟ้าลิขิตเอาไว้เเล้วให้เราได้เจอกันแบบนี้

บางทีปีนี้คำอธิษฐานของฉันอาจจะเป็นจริงก็ได้

และไม่ว่าในอนาคตผลลัพท์จะดีหรือร้าย เฮียจะรักหรือว่าไม่รักฉันก็ตาม

ฉันก็จะขอพยายามเพื่อตัวเองดูสักครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel