บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ส่วนผสมปรุงยาถอนพิษทั้ง 3 ชนิดที่ต้องหาให้ได้ก่อนมีแฟน!!!

◇◇◇

“ขอโทษนะครับ

พวกเราสองคนขอคุยด้วยได้ไหมครับ”

◇◇◇

ณ ท้องพระโรง

ในที่สุดผมและพี่เอริคก็เดินทางมาถึงท้องพระโรง และเมื่อทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าบริเวณทางเข้าท้องพระโรงเห็นพวกเราทั้งสองคนเดินทางมาถึงแล้ว พวกเขาก็ก้มตัวทำความเคารพพวกเราทันที และก่อนที่ผมและพี่เอริคจะเดินเข้าไปในท้องพระโรงตามธรรมเนียมปฏิบัติของพระราชวังจะมีการประกาศชื่อของผู้ที่มาใหม่ให้แขกที่อยู่ด้านในได้รับรู้ ดังนั้น ทหารคนหนึ่งจึงขานชื่อพวกเราออกมา และนั่นทำให้ผู้คนที่อยู่ภายในท้องพระโรงหันมาจ้องมองพวกเราทั้งสองคนทันที

“รองแม่ทัพแห่งราชอาณาจักรเวเนเซีย ท่านชายเอริค เดอะ อวาลอน และท่านจอมเวทศักดิ์สิทธิ์ ท่านชายอลัน เดอะ อวาลอน มาถึงท้องพระโรงแล้ว” สิ้นเสียงของทหารยาม เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ดังอยู่ก่อนหน้านี้ก็เงียบเสียงลงทันที และดูเหมือนว่าทุกคนจะพร้อมใจกันหันหน้ามามองพวกเราทั้งสองคนราวกับนัดหมายกันมาล่วงหน้าโดยเฉพาะจ้องมาที่ผม

เพราะจากสาเหตุที่หลายๆ คนได้รู้ว่าจอมเวทศักดิ์สิทธิ์แห่งราชอาณาจักรเวเนเซียถูกลอบวางยาพิษมายารัตติกาล และต้องรักษาตัวอยู่ที่เมืองอวาลอนตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ผมไม่ได้ออกงานหรือไปปรากฏตัวที่ไหน และการมาที่ท้องพระโรงในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีที่ผมปรากฏตัวให้คนอื่นได้พบเห็นอีกครั้ง ดังนั้น ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนจะหันมามองผมเป็นตาเดียว

‘เป็นยังไงล่ะ หล่อล่ะสิ เท่ล่ะสิ อึ้ง!!! อึ้งกันอยู่ล่ะสิ กรรมการให้คะแนนผมเท่าไหร่ดีครับ 10 10 10 ไหมครับ ฮ่าาา...’ ผมส่งยิ้มสดใสไปให้ทุกคนที่จ้องมาที่ผม

จากการแต่งตัวของผมในวันนี้ ผมได้สวมใส่ชุดประจำตำแหน่งจอมเวทศักดิ์สิทธิ์ และด้วยฝีมือการแต่งหน้าขั้นเทพของผมทำให้ใบหน้าของผมยิ่งผ่องใสมีออร่า ริมฝีปากบางถูกทาด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนทำให้ดูมีสุขภาพดี เส้นผมสีดำหยักศกถูกเซตและหวีเป็นอย่างดีโดยได้แบบทรงผมมาจากไอดอลเกาหลี และที่ข้อมือได้สวมกำไลสีทอง ที่คอสวมใส่สร้อยทองที่มีจี้ทองรูปปากกาขนนกเข้าคู่กับต่างหูหมุดสีทองที่กำลังส่องแสงเป็นประกาย มองดูโดยรวมแล้วไม่ต่างไปจากเจ้าชายที่หลุดออกมาจากการ์ตูนดิสนี่ย์เลยทีเดียว

'ทรงอย่างแบด...จะแซดได้ยังไง' ผมคิดในใจพร้อมกับส่งยิ้มสดใสไปให้กับทุกคน และนั่นทำให้ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวที่มองผมอยู่ถึงกับใจสั่น หน้าแดง โดยเฉพาะเวลาที่ผมได้สบตากับพวกเขาทำเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ สาวน้อยสาวใหญ่ที่อยู่ภายในท้องพระโรงถึงกับมีอาการมวนท้อง เขินอายจนหน้าแดงและบางคนถึงกับเลือดกำเดาไหลเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีอยู่สองคนที่ไม่ค่อยพอใจกับสายตาของชายหนุ่มและหญิงสาวที่มองมาที่ผม และพวกเขาทั้งสองคนนี้กำลังแสดงสีหน้าโมโหและหงุดหงิดออกมา ซึ่งคนแรกคือพี่ชายของผม ท่านชายเอริค เดอะ อวาลอน และคนที่สองคือท่านพ่อของผม ท่านแกรนด์ดยุกอาเธอร์ เดอะ อวาลอนนั่นเอง

ส่วนท่านแม่จอมเวทสูงสุดท่านหญิงเมโลดี้ เดอะ อวาลอน กำลังหัวเราะร่วนอย่างชอบใจและกำลังจ้องมองเหตุการณ์นี้อยู่อย่างสนุกสนาน จนในที่สุดพี่ชายผู้หวงน้องชายอย่างหนักก็ตัดสินใจจูงมือผมเดินไปหาท่านพ่อและท่านแม่อย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับท่านพ่อ สวัสดีครับท่านแม่” ผมก้มตัวลงทำความเคารพท่านพ่อและท่านแม่ตามที่ได้ฝึกฝนมาตลอด 1 เดือนอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ และนั่นทำให้ท่านแม่ผู้เป็นคนสอนผมมาเองกับมือถึงกับส่งยิ้มหวานมาให้ผมอย่างพึงพอใจ

“วันนี้สาวใช้คนไหนแต่งตัวให้ลูกออกมาเป็นแบบนี้ พ่อจะเรียกตัวมาลงโทษซะให้เข็ด” ท่านพ่อผู้หวงลูกชายบ่นออกมาราวกับเป็นหมีกินผึ้ง

“เอาน่าคุณ อย่าโมโหไปเลย วันนี้ลูกชายของเราหล่อซะขนาดนี้ ไม่ดีเหรอที่ใครๆ จะได้รู้ว่าลูกชายของเรานั้นหล่อเหลามากแค่ไหน” ท่านแม่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ไอ้ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่หล่อเกินไปแบบนี้มันก็ไม่ไหว” ท่านพ่อยังคงทำท่าทางงอแงและไม่พอใจ เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ลูกชายคนเล็กสุดที่รักของตัวเองได้โตเป็นหนุ่มหล่อไปซะแล้ว

“เอาล่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อจะพาเราไปแนะนำตัวกับองค์ราชาและองค์ราชินี ลูกพร้อมหรือยัง” ท่านพ่อถามพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไปให้เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่ยังมองมาที่ผม

“พร้อมแล้วครับท่านพ่อ” ผมตอบกลับ จากนั้นครอบครัวของพวกเราก็เดินไปด้านหน้าท้องพระโรงทันทีเพื่อพาผมไปพบกับองค์ราชาและองค์ราชินี

สำหรับองค์ราชาและองค์ราชินีของราชอาณาจักรเวเนเซียแห่งนี้ องค์ราชามีชื่อว่า 'อเล็กซานเดอร์ เดอะ เวเนซีย' พระองค์เป็นสหายสนิทของท่านพ่อตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งเป็นองค์ชายรัชทายาท และทันทีที่ราชาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ องค์ชายรัชทายาทในตอนนั้นหรือองค์ราชาในตอนนี้ก็ขึ้นครองราชย์เป็นราชาองค์ใหม่ทันที และนั่นทำให้ท่านพ่อและองค์ราชาคนปัจจุบันนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก

ส่วนองค์ราชินีมีชื่อว่า ‘อนาสตาเซีย เดอะ เวเนเซีย’ นอกจากพระองค์จะเป็นองค์ราชินีแล้ว พระองค์ยังเป็นพี่สาวแท้ๆ ของท่านแม่อีกด้วย และนั่นทำให้ผมมีฐานะเป็นหลานชายขององค์ราชินีคนปัจจุบันนั่นเอง

“ทำความเคารพองค์ราชาและองค์ราชินีครับ” ผมก้มตัวลงทำความเคารพองค์ราชาและองค์ราชินีทันที หลังจากที่ผมเดินมาถึงด้านหน้าท้องพระโรง

“เอ๊ะ!!! อลันเหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันนาน 1 ปี โตเป็นหนุ่มหล่อไปซะแล้ว” องค์ราชาพูด

“เฮ้ย!!!” ผมอุทานด้วยความตกใจ เมื่อ จู่ๆ องค์ราชินีก็พุ่งเข้ามากอดผม

“อลัน ป้าเป็นห่วงหลานมากจริงๆ หลังจากที่รู้ว่าหลานป่วยหนัก แต่พอได้เห็นอย่างนี้ป้าก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย” หลังจากที่องค์ราชินีกอดผมสมใจแล้ว เธอก็จับผมพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายรอบเพื่อสำรวจว่าผมมีตรงไหนที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง

“ขอบพระทัยที่เป็นห่วงครับ องค์ราชินี”

“เอ๊ะ!!!...มาองค์ราชินง ราชินีอะไร เรียกท่านป้าแบบเดิมนั่นแหละ” องค์ราชินีตีต้นแขนของผมเบาๆ พร้อมกับให้ผมเปลี่ยนคำเรียกพระองค์ใหม่ว่า 'ท่านป้า' และเมื่อเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้ ผมจึงหันหน้ากลับไปมองท่านพ่อและท่านแม่อีกครั้ง และเมื่อผมเห็นว่าท่านทั้งสองคนพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงอนุญาตแล้ว ผมจึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกองค์ราชินีใหม่ทันที

“ครับ ท่านป้า” ผมยิ้ม และเมื่อองค์ราชินีได้ยินผมเรียกว่าท่านป้า พระองค์ก็พุ่งเข้ามากอดผมอีกครั้งอย่างดีใจ

“พ่อและแม่ของหลานเล่าให้ป้าฟังแล้วว่าหลานความจำเสื่อมใช่ไหม” องค์ราชินีถามผมหลังจากที่ปล่อยผมออกจากอ้อมกอด

“ครับ อาจเป็นเพราะผลของยาพิษมายารัตติกาลทำให้ผมจำเรื่องราวก่อนหน้าที่จะฟื้นสติขึ้นมาไม่ได้ครับ” ผมตัดสินใจพูดโกหกเพราะไม่สามารถบอกความจริงได้ว่าผมนั้นเป็นดวงวิญญาณจากต่างโลก ดังนั้น การแกล้งความจำเสื่อมน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว

“ความจำเสื่อมเป็นเรื่องที่แย่มากๆ เลยนะ ถ้าอย่างนั้นหลังเลิกงาน หลานอย่าเพิ่งรีบกลับ เดี๋ยวลุงจะเรียกท่านหมอหลวงมาคุยเกี่ยวกับอาการของหลาน” องค์ราชาแสดงสีหน้าเป็นกังวล

และเมื่อเวลาได้ผ่านไป 1 ชั่วโมง ในที่สุดทุกคนที่อยู่ภายในท้องพระโรงก็เริ่มทยอยกลับ และนั่นก็มาถึงเวลาที่ผมต้องพบปะและพูดคุยกับท่านหมอหลวง จากนั้นไม่นานองค์ราชา องค์ราชินี ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เอริค รวมไปถึงท่านหมอหลวงก็เดินมานั่งโต๊ะเดียวกับผม จากนั้นพวกเราก็เริ่มต้นพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของผมทันที

“อลัน หลานรู้แล้วใช่ไหมว่าหลานนั้นถูกวางยาพิษมายารัตติกาล” องค์ราชาเริ่มต้นพูดคุยด้วยความจริงจัง

“รู้แล้วครับ”

“แล้วหลานรู้ใช่ไหมว่าหากหลานไม่สามารถถอนพิษนี้ออกจากร่างกายได้ หลานจะมีอายุอยู่ได้อีก 1 ปีเท่านั้น” องค์ราชาถามผมอีกครั้งพร้อมกับแสดงสีหน้าเสียใจเมื่อรู้ว่าชีวิตของหลานชายคนนี้จะอยู่ได้อีกแค่ 1 ปีเท่านั้น

“รู้แล้วครับ เรื่องนี้พี่เอริคบอกหลานเรียบร้อยแล้วครับ” ผมตอบตามตรงและนั่นทำให้ทุกคนรวมไปถึงท่านพ่อและท่านแม่แสดงสีหน้าตกใจ เนื่องจากพวกเขาไม่นึกว่าพี่เอริคจะเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเพราะกลัวผมเสียใจ

“แล้วหลานรู้สึกยังไง หลังจากได้ฟังเรื่องที่เอริคบอก” องค์ราชาถามผมอีกครั้ง

“อืม…” ผมนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะสบตากับองค์ราชา

“ผมไม่กังวลใจอะไรเลยครับ ผมคิดว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ” ผมยิ้มกว้างจากใจจริง และไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้าหรือเสียใจในน้ำเสียงเลย เพราะอย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าเรื่องนี้มันจะต้องมีทางออกอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นโต๊ะนี้จะมีท่านหมอหลวงมานั่งอยู่ด้วยทำไมล่ะ

“ฮ่า ๆ ๆ” องค์ราชาหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบและเห็นการตอบสนองของผม

“อลัน หลานรู้ใช่ไหมว่าหลานเปลี่ยนไปมาก” องค์ราชาพูด และนั่นทำเอาผมแอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าพวกเขาจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนของโลกใบนี้แต่เป็นเพียงดวงวิญญาณที่มาจากโลกใบอื่น

“หลานชายคนเดิมที่เป็นเด็กขี้อาย เอาแต่หลบอยู่หลังเมโลดี้คนนั้น ป้าคงไม่ได้เห็นอีกแล้วสินะ” องค์ราชินีพูดพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาอย่างภาคภูมิใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของผม

“โตเป็นหนุ่มแล้วสินะ” องค์ราชาพยักหน้าเห็นด้วย

‘เฮ้ย!!! นี่พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย ผมงงไปหมดแล้วนะ’ ผมคิดในใจในขณะที่ยิ้มให้กับทุกคน

“เอาล่ะ ความจริงแล้วมันก็พอมีวิธีการถอนพิษมายารัตติกาลอยู่นั่นแหละ เชิญท่านหมอหลวงพูดได้เลย” องค์ราชาพูด

“ครับ ยาพิษมายารัตติกาลถึงแม้จะเป็นยาพิษที่ร้ายแรงแต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธีถอนพิษนี้ออกจากร่างกาย เพียงแต่เราต้องมีวัตถุดิบบางอย่างเพื่อนำมาปรุงเป็นยาถอนพิษ” ท่านหมอหลวงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นกังวล

“บอกมาเถอะว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้างเพื่อนำมาปรุงเป็นยาถอนพิษ” ท่านพ่อถามท่านหมอหลวงทันทีหลังจากที่เห็นความกังวลใจของท่านหมอหลวง

“ที่ผมเป็นกังวลเพราะว่าวัตถุดิบบางอย่างนั้นหาได้ค่อนข้างยาก และคนที่ต้องออกไปเก็บเกี่ยววัตถุดิบเหล่านี้ต้องเป็นท่านชายอลันเท่านั้น เนื่องจากตอนเก็บเกี่ยววัตถุดิบเหล่านี้จำเป็นต้องใช้พลังเวทมนตร์ของท่านชายในการเก็บเกี่ยววัตถุดิบ” ทุกคนนิ่งฟังท่านหมอหลวงพูด

“สำหรับวัตถุดิบอย่างแรก คือ ‘น้ำตาอสูร’ เป็นหินเวทมนตร์ที่พบได้ในอาณาจักรอสูรเท่านั้น ซึ่งโชคดีที่ราชอาณาจักรเวเนเซียและอาณาจักรอสูรเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ดังนั้น การเดินทางไปที่อาณาจักรอสูรเพื่อขอรับวัตถุดิบชนิดนี้คงไม่มีปัญหา

วัตถุดิบอย่างที่สอง คือ ‘กลีบดอกไม้จันทราหมื่นราตรี’ เป็นกลีบของดอกไม้ที่มีอยู่ในอาณาจักรเอลฟ์เท่านั้น และก็โชคดีที่อาณาจักรเอลฟ์และราชอาณาจักรเวเนเซียเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันเช่นเดียวกัน ดังนั้น วัตถุดิบชนิดนี้จึงเป็นวัตถุดิบที่หาได้ไม่ยาก

ส่วนวัตถุดิบอย่างสุดท้ายก็คือ ‘โลหิตจอมมาร’” และทันทีที่ทุกคนได้ยินชื่อของวัตถุดิบอย่างสุดท้าย ทุกคนก็พากันนิ่งเงียบทันที เนื่องจากราชอาณาจักรเวเนเซียและราชอาณาจักรมารได้ตัดความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันมายาวนานมากกว่า 1,000 ปีแล้ว และนั่นจึงเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากในการตามหาวัตถุดิบอย่างสุดท้ายนี้

“ทุกคนไม่ต้องเครียดไปหรอกครับ” ผมตัดสินใจพูดเพื่อทำลายบรรยากาศอันหนักอึ้งนี้ทิ้งไป

“ท่านพ่อและท่านแม่ครับ ไม่ต้องกังวลใจไปหรอกครับ ยังไงลูกก็จะอยู่กับท่านพ่อและท่านแม่ไปอีกนาน ในช่วงที่ลูกออกไปตามหาวัตถุดิบก็คิดซะว่าลูกออกไปท่องเที่ยวก็แล้วกันนะครับ” และเมื่อท่านพ่อและท่านแม่รู้ว่าผมต้องออกเดินทางไปรวบรวมวัตถุดิบเหล่านี้ด้วยตัวเองก็มีความกังวลใจทันที

และถึงแม้ว่าทุกคนจะมีความกังวลใจหลังจากที่ได้ฟังท่านหมอหลวงพูดจบ แต่สำหรับผมเชื่อว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก ถ้าหากเราไม่รีบร้อนจนเกินไปและค่อยๆ คิดอย่างมีสติ สุดท้ายแล้วปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลายไปเอง

นอกจากนี้ผมยังไม่มีแฟนเลย ดังนั้น ผมจะไม่ยอมตายไปง่ายๆ หรอก และเมื่อทุกคนเห็นว่าผมยังไม่ยอมแพ้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ค่อยๆ กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง

หลังจากนั้นพวกเราก็พูดคุยกันอยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมง และเมื่อพวกเราพูดคุยกันเสร็จแล้วองค์ราชาและองค์ราชินีก็ขอตัวกลับทันที ส่วนท่านหมอหลวงก็ขอตัวกลับเช่นกัน แต่ก่อนที่ท่านหมอหลวงจะไป เขานัดเจอผมอีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้ที่สวนสมุนไพรเพื่อให้ผมไปรับยาระงับอาการเจ็บปวดจากยาพิษมายารัตติกาลก่อนออกเดินทาง

ส่วนท่านพ่อและท่านแม่ยังคงมีสีหน้าเป็นกังวล เพราะพวกท่านยังทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าผมที่ยังไม่หายดีจะต้องออกไปผจญภัยตามหาวัตถุดิบเพื่อนำมาปรุงยาถอนพิษด้วยตัวเอง ทำให้ผมต้องพูดคุยและโน้มน้าวใจอยู่นานกว่าพวกท่านจะยอมเข้าใจและยอมให้ผมออกไปตามหาวัตถุดิบทำเอาผมหมดแรงเลยทีเดียว

“เฮ้อออ...” ผมถอนหายใจเบาๆ หลังจากที่ส่งท่านพ่อและท่านแม่กลับไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นผมและพี่เอริคก็เดินไปหาองค์ชายรัชทายาทและองค์ชายรองที่กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างสนุกสนาน

“ขอโทษนะครับ พวกเราสองคนขอคุยด้วยได้ไหมครับ” ผมทักทายองค์ชายรัชทายาทและองค์ชายรองทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel