ตอนที่ 2 ถ้าเป็นซอมบี้…จะหาแฟนได้ไหมนะ
◇◇◇
“โอ๊ยยย…ไอ้เหี้ย ทำไมมันเจ็บแล้วก็เหนื่อยอย่างนี้เนี่ย แค่ขยับตัวนิดเดียวเองนะ!!!”
◇◇◇
“เอ๊ะ!!! นี่กูอยู่ที่ไหนเนี่ย”
ผมอุทานออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าไม่ได้นอนอยู่ที่คอนโดของตัวเอง และคิดว่าเมื่อคืนหลังจากที่พวกเราทั้ง 5 คนกลับมาจากผับ เพื่อนของผมคงพาผมกลับมานอนที่บ้านของใครสักคนแน่ๆ
‘ว่าแต่ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใครล่ะเนี่ย’ ผมคิดในใจ เพราะเท่าที่ผมเคยไปนอนค้างบ้านเพื่อน มันก็ไม่มีบ้านหลังไหนที่มีห้องนอนอย่างนี้ จากนั้นผมก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องทันที และนั่นทำให้ผมเห็นเตียงนอนสีขาวขนาดใหญ่ที่ผมกำลังนอนอยู่ และมันยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่ เพราะว่านอกจากเตียงนอนหลังนี้มันจะมีขนาดที่ใหญ่โตแล้ว มันยังดูหรูหราเป็นอย่างมากด้วย
โดยเตียงนอนหลังนี้ถูกรองด้วยเบาะหนานุ่ม พร้อมกับหมอนขนเป็ดใบใหญ่ และไหนจะมีผ้าห่มแสนหนานุ่มและอบอุ่นนี่อีก นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นหัวเตียง ขาเตียง เสาเตียงมันก็ส่องแสงสว่างสีเหลืองทองอร่ามออกมาอย่างงามตา ราวกับว่าเตียงทั้งหลังถูกสร้างมาจากทองคำ
‘แม่เจ้าโว้ยยย…มันจะหรูหราหมาเห่าไปถึงไหนเนี่ย เอ่อออ…ว่าแต่บ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใครกันล่ะเนี่ย’ ผมขมวดคิ้วและคิดในใจ
‘โครกกก…’
ภายหลังจากที่ผมนอนคิดอะไรเพลินๆ อยู่ประมาณ 10 นาที จู่ๆ ท้องของผมก็ร้องคำรามเสียงดัง
“เฮ้อออ…เริ่มหิวแล้วสิ ว่าแต่ไอ้เหี้ยพวกนั้น มันหายหัวไปไหนกันหมดวะ ทำไมปล่อยให้คนหล่อๆ อย่างกูต้องมานอนเน่าอยู่บนเตียงคนเดียวอย่างนี้ แล้วเมื่อคืนภาพมันตัดไปตอนไหนวะเนี่ย จำอะไรไม่ได้เลย สงสัยวันหลังต้องดื่มให้มันน้อยๆ ลงหน่อยละ” ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมท้องเนื่องจากความหิว ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมาเกาหัวอย่างงุนงง จนทำให้เส้นผมสีดำที่พันกันเป็นรังนกอยู่แล้วยิ่งพันกันยุ่งเหยิงเข้าไปอีก
และหลังจากที่ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียงเพื่อรอเพื่อนอยู่นานสองนาน แต่ไอ้เพื่อนตัวดีก็ยังไม่โผล่มาหาผมสักที และตอนนี้ท้องน้อยๆ ของผมก็ส่งเสียงร้องคำรามดังมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าพยาธิในท้องของผมกำลังก่อม๊อปเนื่องจากทนหิวต่อไปไม่ไหวแล้ว
จนเมื่อเวลาได้ผ่านไปอีก 20 นาที ในที่สุดผมก็ทนหิวต่อไปไม่ไหว จากนั้นจึงใช้แขนทั้งสองข้างที่ดูไร้เรี่ยวแรงพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับตัวออกจากกลางเตียงเพื่อพาร่างกายที่แสนอ่อนแรงนี้มานั่งที่ข้างเตียง
โดยตลอดเวลาที่ผมเคลื่อนย้ายตัวบนเตียง คิ้วทั้งสองข้างของผมขมวดแน่นเข้าหากันตลอดเวลา เนื่องจากสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่างกายของผมอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่ขยับตัว
“โอ๊ยยย…ไอ้เหี้ย ทำไมมันเจ็บแล้วก็เหนื่อยอย่างนี้เนี่ย แค่ขยับตัวนิดเดียวเองนะ!!!”
ผมรู้สึกตัวแล้วว่าร่างกายของผมมันไม่ปกติและแตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากว่าร่างกายเดิมของผมมันค่อนข้างแข็งแรงมากกว่านี้ เพราะว่าผมนั้นออกกำลังกายเป็นประจำ ถึงแม้จะไม่ได้ออกกำลังกายหนักและจริงจังเหมือนกับ ‘ไอ้หมอเชนทร์’ แต่ผมก็มั่นใจว่าร่างกายของผมมันต้องแข็งแรงมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ขยับตัวนิดหน่อยก็รู้สึกเหนื่อยและเจ็บปวดอย่างนี้
“เฮ้ย!!! หรือว่าเมื่อคืนจะโดนต่อยมาวะ”
ผมนั่งคิดเรื่อยเปื่อยในระหว่างที่รอให้ตัวเองหายปวดตามร่างกาย จนเมื่อเวลาผ่านไปสักพักเมื่อผมรู้สึกว่าอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ผมจึงค่อยๆ พยุงตัวให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ พร้อมกับขาที่เริ่มสั่นเทาและติดขัดทันที
โดยร่างกายของผมตอนนี้รู้สึกติดขัดราวกับไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นเวลานาน และเมื่อผมก้าวเดินในแต่ละก้าว ผมรู้สึกว่ามันยากลำบาก สั่นเทาและเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนผมต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในทุกๆ ย่างก้าวที่ผมเดินไปข้างหน้า
และในท้ายที่สุดก่อนที่ผมจะเดินไปถึงประตูห้อง ผมได้ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเดินเฉียงออกไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างแทน เนื่องจากความเจ็บปวดในร่างกายของผมในตอนนี้มันเพิ่มขึ้นจนผมแทบจะเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว และไม่แน่ว่าถ้าผมยังตัดสินใจฝืนเดินต่อไปให้ถึงประตูห้อง รับรองได้ว่าผมอาจจะตายก่อนที่จะเดินไปถึงประตูห้องอย่างแน่นอน
“ร่างกายมันเป็นเหี้ยอะไรวะเนี่ย ทำไมถึงได้เจ็บปวดอย่างนี้ โอ๊ยยย...ซี๊ดดด....” ผมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น และในตอนนี้นอกจากขาผมจะสั่นเนื่องจากความเจ็บปวดแล้ว ตัวของผมก็เริ่มสั่นเป็นเจ้าเข้าตามขาไปด้วย!!!
“นี่กูถูกผีเข้าหรือเปล่าเนี่ยทำไมถึงได้สั่นอย่างนี้ แต่ว่าถ้าถูกผีเข้าจริงๆ ทำไมถึงยังรู้สึกตัวอย่างนี้ล่ะ โอ๊ยยย...เจ็บบบโว้ยยย!!!” ผมค่อยๆ หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ก่อนจะกอดตัวเองแน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
หลังจากที่ผมนั่งกอดตัวเองอยู่นาน ในที่สุดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ ทุเลาลงจนผมสามารถคลายอ้อมกอดที่กอดตัวเองเอาไว้ออกได้ จากนั้นผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ประตูห้องอย่างเศร้าๆ เพียงแค่ระยะทาง 5 เมตรจากเตียงเลี้ยวมานั่งที่เก้าอี้ตัวนี้ก็ทำเอาผมเกือบตายแล้ว ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผมต้องเดินจากเตียงไปที่ประตูห้องที่อยู่ห่างกันเกือบ 10 เมตร ระหว่างหิวตายกับเดินไปตายอะไรจะเกิดขึ้นกับผมก่อนกัน
‘โครกกก…’
“เอ่อออ…ไอ้ท้องเวร มึงร้องไปเถอะ” ผมประชดตัวเอง เนื่องจากความหงุดหงิด จากนั้นก็เริ่มมองสำรวจไปรอบห้อง เพื่อสังเกตห้องที่ผมกำลังอยู่ตอนนี้ให้อย่างเต็มตา และนั่นทำให้ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผมได้เห็นว่าห้องที่ผมอยู่ในตอนนี้มันหรูหราและใหญ่โตมโหฬารเป็นอย่างมาก!
และเมื่อผมมองไปที่กระจกที่ตั้งอยู่ไม่ไกล มันก็ทำให้ผมตกใจจนแทบสลบ ส่วนสาเหตุนั่นก็เป็นเพราะว่าไอ้เงาสะท้อนที่อยู่ในกระจกนั่น มันไม่ใช่ตัวผมยังไงล่ะ!!!
ผู้ชายตัวเล็ก ร่างกายซูบผอม ใบหน้าโทรม แก้มตอบ ริมฝีปากแห้งและแตกเป็นขุย ใต้ตาดำคล้ำ ดวงตากลมโต นัยน์ตาสีทอง เส้นผมสีดำพันกันยุ่งเหยิงเป็นรังนกนี่มันเป็นใครวะ เอ๊ะ…หรือว่าจะเป็นซอมบี้!!!
ผมค่อยๆ ตั้งสติของตัวเองใหม่ ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาโบกไปมาอย่างช้าๆ และสิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจจนแทบสลบไปอีกครั้งก็เป็นเพราะว่าไอ้ซอมบี้ที่อยู่ในกระจกดันเลียนแบบท่าทางของผมได้ไม่มีผิดเพี้ยนเลยน่ะสิ
‘เอ้า…ไหนลองยักคิ้ว หลิ่วตา แลบลิ้น เหลือกตา ทำหน้าหล่อ ไอ้เหี้ย…ซอมบี้ในกระจกเลียนแบบได้เหมือนเปี๊ยบเลยเว้ยยย!!!’
ผมอุทานเสียงดังและนั่งนิ่งๆ จ้องมองซอมบี้ที่อยู่ในกระจก กลับกันซอมบี้ที่อยู่ในกระจกก็จ้องมองผมกลับมาเช่นเดียวกัน และนั่นทำให้ผมรู้สึกสับสนและมึนงงเป็นอย่างมาก
‘หรือกูจะกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วจริงๆ วะ เหมือนในหนังหรืออนิเมะที่เคยดูที่ จู่ๆ ผู้คนก็พากันกลายเป็นซอมบี้’ ผมคิดในใจ
และในระหว่างที่ผมกำลังจ้องมองซอมบี้ในกระจกอยู่นั้น ไม่นานก็มีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดสาวใช้สไตล์โกธิคเปิดประตูห้องและเดินเข้ามาในห้องนี้อย่างเงียบๆ โดยในมือของเธอข้างหนึ่งถืออ่างน้ำ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถือผ้าขนหนูผืนใหญ่เข้ามาด้วย
และเมื่อหญิงสาวคนนี้เดินเข้ามาภายในห้องเรียบร้อยแล้วเธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าเมื่อเธอมองไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่ เธอไม่พบชายหนุ่ม ผู้ที่เป็นลูกชายของเจ้าของปราสาทหลังนี้นอนอยู่บนเตียงนี้ตามที่หัวหน้าแม่บ้านได้บอกเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นเหงื่อเม็ดโตก็เริ่มผุดออกมาจากหน้าผากและค่อยๆ ไหลหยดลงมาผ่านขมับขาวเนียนของหญิงสาวในชุดสาวใช้ทันที
และด้วยบรรยากาศของห้องที่ค่อนข้างมืด นั่นทำให้ภายในห้องนี้ค่อนข้างวังเวงและสยองขวัญเป็นอย่างมาก จนทำให้หญิงสาวในชุดสาวใช้คนนี้ขนลุกซู่ รูม่านตาหดเล็ก หัวใจเต้นรัว ตัวเย็น และรู้สึกหวาดกลัว
หลังจากที่เธอจ้องมองเตียงที่ว่างเปล่าอยู่ไม่นาน จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากบริเวณริมหน้าต่าง และนั่นทำให้เธอหันหน้าไปมองบริเวณดังกล่าวทันที
◇◇◇
“กรี๊ดดด…”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นมาจากบริเวณกลางห้องและนั่นทำให้ผมที่กำลังจ้องมองซอมบี้ในกระจกถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆ หันหน้ามองหาที่มาของเสียงกรีดร้องนี้ทันที
◇◇◇
“กรี๊ดดด…”
หญิงสาวในชุดสาวใช้ขนลุกซู่และสั่นกลัวเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นวิญญาณร้ายนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และในขณะที่เธอกำลังกรีดร้องอยู่นี้ เธอก็คิดในใจว่า ‘วันนี้เธอคงถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ เข้าซะแล้ว ไหนตอนที่มาสมัครงานที่ปราสาทหลังนี้ หัวหน้าแม่บ้านบอกว่าที่ปราสาทหลังนี้ไม่มีผีไง แล้วนี่มันตัวอะไร ทำงานวันแรกเธอก็ถูกผีหลอกซะแล้ว
ไหนบอกว่างานของเธอคืองานง่ายๆ แค่ดูแลลูกชายของเจ้าของปราสาทหลังนี้ ที่นอนป่วยหนักจนลุกไปไหนไม่ได้ไง แล้วไอ้ตัวที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างนี่มันคือตัวอะไร คือผีของลูกชายเจ้าของปราสาทหลังนี้ใช่ไหม เอ๊ะ…หรือว่าหัวหน้าแม่บ้านจะหลอกสาวใช้คนใหม่อย่างเธอให้มาเป็นอาหารของผีลูกชายเจ้าของปราสาท!!!’
อ่างน้ำและผ้าขนหนูที่อยู่ในมือของสาวใช้ร่วงหล่นลงบนพื้นเสียงดังโครมจนทำให้พื้นห้องเปียกแฉะ และตอนนี้เสียงกรีดร้องของเธอ มันก็ทำให้ผีร้ายที่อยู่ริมหน้าต่างหันมามองเธอ และนั่นทำให้เธอหวาดกลัวจนฉี่แตก
และหลังจากที่ผีร้ายตนนี้ได้มองเธอสมใจแล้ว มันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ ด้วยขาที่สั่นเทาของมัน จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางอันแปลกประหลาด พร้อมกับส่งเสียงร้องแหบต่ำครวญครางอยู่ในลำคออย่างน่ากลัว
◇◇◇
‘โอ๊ยยย…โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยโคตรเจ็บ’
ผมที่ขยับตัวได้อย่างยากลำบากค่อยๆ พยุงลำตัวให้ตั้งตรง ก่อนจะใช้แขนที่ผอมแห้งและไร้เรี่ยวแรงจับบริเวณริมหน้าต่าง จากนั้นก็ออกแรงดึงให้ตัวเองค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังกรีดร้องเสียงดังอยู่กลางห้อง คนอะไรจะกรีดร้องได้อย่างไร้สติอย่างนี้ จะตะโกนบอกให้เธอหยุดกรี๊ดก็ไม่ได้เพราะแค่จะขยับตัว ผมยังทำลำบากเลย
เพราะสิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือส่งเสียงร้องครวญครางในลำคออย่างเจ็บปวดเมื่อผมก้าวเดินไปในแต่ละก้าวเท่านั้น จนเมื่อผมได้เดินเข้ามาใกล้หญิงสาว จู่ๆ เธอก็เดินถอยหลังออกไปซะอย่างนั้น และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง เธอก็จะคอยขยับตัวถอยหลังห่างออกไปไกลเรื่อยๆ
‘แล้วจะขยับตัวหนีทำไมวะเนี่ย ไม่รู้หรือไงว่ากว่าจะเดินมาหาตรงนี้ได้ มันลำบากแค่ไหน!!!’ ผมบ่นหญิงสาวคนนี้ในใจ จนสุดท้ายหญิงสาวในชุดสาวใช้ก็ทนไม่ไหววิ่งกรีดร้องเสียงดังออกจากห้องไปในที่สุด
‘กรี๊ดดด…”
“เฮ้อ…เงียบได้สักที” ผมค่อยๆ พาตัวเองกลับมานั่งที่ข้างเตียงอีกครั้ง ก่อนจะนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นช้าๆ
ผมจำได้ว่าผมถูกแฟนหักหลังโดยการแอบไปมีชู้ ผมรู้สึกเสียใจจึงตัดสินใจดื่มเหล้าเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น สุดท้ายผมก็เมาและภาพตัดไปตอนไหนก็ไม่รู้ และมารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นซอมบี้ไปซะแล้ว ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสับสน
“เอ๊ะ!!! หรือว่าจะตายไปแล้วจริงๆ … แล้วถ้าตายไปแล้วทำไมถึงได้กลายเป็นซอมบี้”
สำหรับผมเอง ถ้าผมได้ตายไปแล้วจริงๆ ผมก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกแล้ว เพราะในชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ ท่านก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ส่วนผมก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด ทำทุกอย่างจนสุดท้ายมาจบที่อาชีพนักเขียน ซึ่งผมนั้นสามารถเขียนได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นนิยาย บทความ บทละคร หรือแม้กระทั่งบทภาพยนตร์
และผลงานของผมมีมากมาย ดังบ้างไม่ดังบ้าง แต่เดือนๆ หนึ่งผลงานเหล่านี้ก็สามารถสร้างรายได้ให้ผมได้ถึงเจ็ดหลักต่อเดือน และนั่นทำให้ผมใช้ชีวิตมาได้อย่างไม่ยากลำบาก
ส่วนตอนนี้สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจคงมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือผมจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ ทั้ง 4 คนของผมอีกแล้ว ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นมาพนมที่หน้าอกก่อนจะตั้งใจขออโหสิกรรมต่อเพื่อนๆ ของผม
“ไอ้ดิน ไอ้เชนทร์ ไอ้ซัน ไอ้คิตตี้ ไม่ว่าตอนนี้พวกมึงจะอยู่ที่ไหน กูขออโหสิกรรมกับพวกมึงด้วยนะ” ดวงตาของผมเริ่มแดงก่ำ
“กูคิดถึงพวกมึงว่ะ ถ้าพวกมึงยังอยู่ กูอยากจะถามพวกมึงจริงๆ ว่า ถ้าเป็นซอมบี้เนี่ย มันจะหาแฟนได้ไหมวะ เพราะว่าถ้าเป็นไปได้ กูก็ยังอยากจะมีแฟนอยู่ว่ะ กูไม่อยากโสด” ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ใช้มือปาดน้ำตาที่มันเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทิ้ง
จากนั้นผมก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในร่างกายมันยังไม่ทุเลาลง เอาไว้หลังจากที่อาการเจ็บปวดดีขึ้นแล้ว ผมค่อยหาวิธีออกไปจากห้องนี้ใหม่ก็แล้วกัน
แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผมกำลังจะล้มตัวลงนอนอยู่นั่นเอง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออกอีกครั้ง จากนั้นก็มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูง
‘เฮ้ย…หรือว่าคำอธิษฐานมันจะเป็นจริงแล้ว สวรรค์ถึงได้ส่งแฟนหนุ่มรูปหล่อมาให้ผีซอมบี้อย่างนี้ เพื่อนๆ พวกมึงดีใจกับกูด้วยนะ’ ผมคิดในใจในระหว่างที่จ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนมองผมอยู่ด้านหน้า และนั่นทำให้ผมเห็นว่าเขากำลังยิ้มอย่างดีใจ
“อลัน น้องฟื้นแล้ว!!!”
