เด็กใหม่ไฮโซ
ตึกปรินซ์
“นี่จีน จากพวกเราไปแล้วจริงๆหรอวะพวกมึง” กองพลยังคงไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันที่แล้วจะเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าข่าวการจัดงานศพของเธอจะถูกเผยแพร่แล้ว และดูเหมือนว่างานศพของเธอจะถูกแอบถ่ายโดยปาปารัสซี่อีกด้วย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นความจริง เพราะยังไงแม่ของธอก็ไม่มีวันปล่อยข่าวเรื่องการตายของลูกออกมาเป็นแน่
“ข่าวมันออกมาแบบนั้น จะให้เชื่อว่าไง” เรนเอ่ยเรียบนิ่ง ใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของเธอเลย
“สงสารไอ้ปืนจังเลยว่ะ ใจมันคงสลายน่าดู ขนาดเรายังเสียใจขนาดนี้” ฮอคก็พลอยเศร้าไปด้วย แววตาของเขาดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะจีนไม่ได้สำคัญแค่กับปืนเพียงคนเดียว เพราะถ้าเธอยังอยู่เขาคงจะแก้แค้นได้สำเร็จ
“ฮือๆ กูคิดถึงน้องจีนว่ะ ขนมที่น้องซื้อมาม่งโคตรอร่อยทุกอย่างเลยไอ้เหี้ย” กองพลร้องไห้โฮออกมา ยากที่จะอดกลั้น เขาเสียใจและโทษตัวเองอยู่เสมอที่ไม่สามารถช่วยเธอได้
“แบบนี้ไอ้ปืนคงไม่มาเรียนอีกนาน” เรนกล่าว
“อืม มันดรอปไว้เดือนนึง” กองพลกล่าว
“เออว่าแต่น้องคนที่ถอดหน้ากากมึงอะ เป็นใครวะไอ้ฮอค”
“หึ เป็นใคร เดี๋ยวมึงก็รู้ แต่ว่ามึงต้องจำน้องคนนี้ไว้ดีๆเลยนะไอ้เรน”
“ไม่ร้องไห้แล้วหรอไอ้กองพล เรื่องคนอื่นนี่ชอบเสือกจริงๆ”
“ฮะ? ฮ..ฮือๆ น้องจีน!!!” กองพลปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ จากนั้นเรนก็หันไปสนใจเรื่องของฮอคต่อ
“ตกลงมึงรู้จักน้องเขาไหม เขาเรียนนี่ใช่ป้ะ”
“กูก็อยากรู้จักเหมือนกัน น่าสนใจดี” เรนถึงกับกระตุกยิ้มแล้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอเมื่อได้ยินคำว่า น่าสนใจดี ออกมาจากปากคนเป็นเพื่อนสนิท เพราะคำเหล่านี้จะหลุดออกมาจากปากเขาได้คงไม่ใช่เรื่องของชู้สาวหรือเรื่องความรัก เพราะทั้งชีวิตของฮอคมีแค่ความแค้นที่กลืนกินเขาเท่านั้น
“หึ คำว่าสนใจของมึงคงไม่ใช่เรื่องดีสินะ เออ จะทำอะไรก็คิดดีๆหน่อยละกัน กูไม่ยุ่งเรื่องของมึงไปมากกว่านี้หรอก”
“อืม ขอบใจ”
ตึกปักษาสวรรค์
กึก กึก กึก
ฉันเดินเข้ามาในตึกด้วยความว้าเหว่ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ฉันจะได้ย้ายมาเรียนที่นี่จริงๆ ตอนแรกฉันถูกคุณย่าส่งมาเรียนเพื่อดูจีนอยู่ห่างๆเพียงเท่านั้น แต่พอฉันเข้ามาเรียนที่นี่ได้ไม่ถึงวัน จีนก็ตายเสียแล้ว และฉันก็ต้องเรียนที่นี่ต่อไปเพราะยังไม่สามารถย้ายออกได้ ฉันย้ายจากมหาวิทยาลัยเดิมแล้วกระโดดเข้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาเอกการแสดงและการกำกับการแสดง ซึ่งตอนแรกฉันว่าจะเข้าคณะเดียวกับจีนแต่มันดันเต็มเสียก่อน และสาขานี้ดันว่างรับแค่หนึ่งคนเท่านั้น ฉันเลยต้องจำใจเรียนไปก่อนจนจบเทอม
“หวังว่าที่นี่จะเหมาะกับฉันนะ”
Klever University สมกับเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของเหล่าวัยรุ่นเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมภายในและบรรยากาศที่ร่มรื่นตลอดทั้งวันอีกทั้งยังให้อิสระทางความคิดกับเหล่านักศึกษาโดยไม่มีข้อจำกัด ในที่แห่งนี้อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
“น้องเป็นใครเนี่ย แล้วเข้ามาที่นี่ได้ไง ที่นี่ให้คนในคณะเข้ามาได้เท่านั้นนะ” ฉันไม่หันขวับกำลังหันทันทีเมื่อมีเสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง และตอนนี้ฉันก็เห็นเขาแล้วถ้าเราไม่ผิดเขาคงจะเป็นรุ่นพี่ในสาขา พี่เขามีรูปร่างที่อ้วนท้วมผิวแดงดำแต่หน้าตาก็ดูหล่อเหลาเอาการอยู่นะ
“อ๋อ พอดีหนูเพิ่งย้ายมาค่ะ”
“ไหนเอกสารการย้าย”
“น..นี่ค่ะ” ฉันยื่นเอกสารที่ถือไว้ในมือตั้งแต่แรกให้พี่คนนั้นเมื่อเขาต้องการ ทว่าพอเขาได้เห็นเอกสารของฉันแล้วคนตรงหน้ากลับมีสีหน้าท่าทางที่แปรเปลี่ยนไป
“อ..อิศวะวารี!”
“หนูชื่อแพรไหมค่ะพี่”
“แต่นามสกุลอิศวะวารี นามสกุลเดียวกับย่าของจีนที่เป็นข่าวเลย” จีนคงจะดังมากจริงๆสินะไม่ว่าจะไปไหนมาไหนทุกคนต่างพูดถึงเธอและรู้จักกันเป็นอย่างดี สิ่งที่ฉันได้ยินมามีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดีปนเปกันไปหมด
“แหะๆ ค่ะ”
“คุณหญิง เอ้ย! คุณท่าน ไม่สิ! คุณครูเชิญทางนี้เลยครับ”
“หูย อย่าเรียกขนาดนั้นเลยค่ะ เรียกหนูว่าแพร หรืออีแพรก็ได้ค่ะหนูไม่ถือ กันเองๆ”
“กระผมไม่อาจก้าวล่วงดอกขอรับ”
“โห ขนาดนั้นเชียว แล้วพี่ชื่ออะไรหรอคะ”
“พี่ชื่อเขียวขอรับ หรือจะเรียกว่าเขียวมณีก็ได้ขอรับ”
“พอได้แล้วพี่เขียว หนูจะอ้วกแล้วนะ” พี่เขียวยิ้มแห้งๆเมื่อฉันพูดแบบนั้น เขาคงจะไม่คิดว่าฉันจะเป็นกันเอง ภาพที่พวกเขาวาดไว้ให้ฉันคงจะเป็นเด็กใหม่ไฮโซ เหมือนกับคนอื่นๆแน่เลย
“น้องคนนั้นน่ะ รีบมาสิคะเพื่อนๆรอนานแล้ว”
“ขอโทษค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ฉันรีบวิ่งไปตามเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังนั่งรอฉันคนเดียว พอมาถึงแล้วฉันก็นั่งลงมี่ท้ายแถวด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ฉันปรายตามองไปรอบๆเพื่อตรวจเช็คบรรยากาศรอบข้างจนไปสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งฉันนั้นรู้จักดีเลยล่ะ
“เธอๆ คนนั้นใช่คุณครีมเค้กที่เป็นดาราป้ะ” ฉันสะกิดคนที่นั่งข้างหน้าเพื่อเอ่ยถามให้แน่ใจ
“ใช่ รุ่นพี่สายเหวี่ยงคนนี้แหละ ตัวจริงเอาแต่ใจสุดๆ”
“ร..หรอ ดูแล้วเขาก็ปกติดีนะ”
“อยู่นานๆเดี๋ยวก็รู้” ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคำตอบที่ได้สักเท่าไหร่ เพราะมันก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้วที่เราต้องแสดงออกแต่ด้านที่ดีของตัวเองออกมา ยิ่งเป็นดาราก็ยิ่งสำคัญ แต่ยังไงซะคนเราก็ไม่สามารถปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้
“น้อง ๆ คะ วันนี้เรามีเพื่อนใหม่เพิ่งย้ายมา น้องคะยืนขึ้นแนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยค่ะ”
“ค่ะ ชื่อแพรไหมนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
“แพรไหมมาจากตระกูลไหนอะ ทำไมวงการไฮโซของเราไม่เคยเห็นเธอไปงานเลย” ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เลยนะ ว่านั่นคือประโยคคำถามที่เหมาะสมแก่การทักทายเพื่อนใหม่หรือเปล่า เพราะถ้าไม่เหมาะสมเพื่อนคนนี้ก็คงเป็นคนที่ฉันจะไม่เฉียดใกล้เป็นอันขาด เพราะฉันเกลียดคนที่ไร้มารยาทมากๆ
“คือเรา...ค่อนข้างเกเรน่ะค่ะ เลยไม่ชอบไปงานสังสรร”
“นี่ เพื่อเพิ่งย้ายมาจำเป็นต้องถามโคตรเหง้าเลยหรือไง” ฉันถึงกับตกตะลึงเพราะคนที่เพิ่งเอ่ยเมื่อคู่คือคุณครีมเค้ก ดาราที่ฉันชื่นชอบนั่นเอง
“ทำไมคะ พี่ครีมไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวยก็เลยเดือดร้อนหรอ”
“น้องคะ มีมารยาทด้วย!”
“ตอบมาสิแพรไหม แค่นี้ก็ตอบไม่ได้หรอ แต่ถ้าเธอเป็นเด็กทุน พวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ”
“เรามาจาก... ตระกูลอิศวะวารีน่ะ”
“อิศวะวารี!” ทุกคนดูฮือฮากันมากเมื่อได้ยินนามสกุลของฉัน แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะนามสกุลนี้กำลังฮิตติดแท็กในทวิตเตอร์
“แพรไหมมาอยู่แก๊งเราได้นะ พวกเรายินดีต้อนรับ”
“ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า”
คนอะรเปลี่ยนสีไวราวกับกิ่งก่า เมื่อกี้ยังถามเราด้วยคำถามไร้มารยาทอยู่เลย
“ส้ม”
“ว่า!”
“น้องคนนี้กูขอให้เป็นน้องรหัสกูนะ น้องเพิ่งมาใหม่”
“เออๆ”
“หนู ได้คุณครีมเค้กเป็นพี่รหัสหรอคะ เหมือนฝันเลย อื๊อ!! ขอบคุณนะคะ”
____________________________________________________
ว๊ายแรงมาก แค่เปิดตัวนางเอกก็โดนคนถามไร้มารยาทเสียแล้ว ต่อไปนี้ชีวิตน้องจะสงบสุขไหมเนี่ย
ฝากคอมเม้นมาพูดคุย แล้วให้กำลังใจไรท์ด้วยนะคะ ต้องการกำลังจัย~~~
