จุดเริ่มต้น
klever University เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ขึ้นชื่อเรื่อง ความฉลาดและบุคลิกภาพอันเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล เพราะเหตุนี้คนที่จะเข้ามาเรียนได้ต้องเป็นลูกหลานของมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่ปัจจุบันมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่างตั้งแต่ มีอธิการบดีคนใหม่ที่มีนามว่า ดาริน ซึ่งอดีตเคยเป็นคนที่ไม่ได้มีชาติตระกูลดีมาตั้งแต่กำเนิดอีกทั้งยังไม่ใช่สายเลือดจากตระกูล ศิริวัตน์ไพศาล แต่เธอเป็นเพียงภรรยาของทายาทคนที่ 8 ของตระกูลเท่านั้น และทันทีที่เธอได้เข้ามาบริหารมหาลัยอันทรงเกียรติแห่งนี้ได้ไม่นาน Klever ก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยที่น่าเรียนที่สุดในไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ที่ว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ใน Klever เพราะที่นี่ให้อภิสิทธิ์ส่วนตัวให้แก่ทุกคนอีทั้งยังมีผู้คนหลายชนชั้นอีกด้วย
แต่ที่นี่ก็ยังมีขนบธรรมเนียมที่ทิ้งไม่ได้นั่นก็คือ งานเลี้ยงสานสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง และ ตำแหน่ง Prince& Princess ที่รวมคะแนนจากยอดโหวตของคนใน Klever ทุกๆปี แบ่งออกเป็นประเภทละสี่ตำแหน่ง ใครที่มียอดสูงที่สุดก็จะได้รับ influence ต่อท้าย พร้อมยกย่องให้เป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในหมู่นักศึกษา
ปืน จากเดือนคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งปีนี้เขาได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ฉายาประจำตำแหน่งคือ เจ้าชายสายโหด ดีกรีนักกีฬาบาสเก็ตบอล ใครๆก็จ้องอยากจับจองไปเป็นคนของใจ
เรน จากเดือนคณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งปีนี้เขาได้รับคะแนนโหวตสูงเป็นอันดับที่สอง ฉายาประจำตำแหน่งคือ เจ้าชายกลัวฝน เพราะเขาเป็นผู้ชายที่กลัวฝนยิ่งกว่า งู เสือ จระเข้ แต่ก็ไม่อาจมีใครล่วงรู้ความลับนั้นได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ฮอค จากเดือนคณะศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งปีนี้เขาได้รับคะแนนโหวตสูงเป็นอันดับที่สาม ฉายาประจำตำแหน่งคือ เจ้าชายต้องคำสาป เพราะเขาเป็นผู้ชายที่โลกส่วนตัวสูง อีกทั้งใบหน้าของเขายังถูกบดบังไปด้วยหน้ากากสีดำจึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเลย แต่เหล่านักศึกษาทั้งหลายก็ยังร่วมใจโหวตให้เขาติดอันดับเพราะอยากเห็นเขาออกสื่อเยอะๆ แต่หารู้ไม่ว่าเขานั้นเกลียดที่สุด
กองพล จากเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งปีนี้เขาได้รับคะแนนโหวตสูงเป็นอันดับที่สี่ เป็นตำแหน่งสุดท้าย ฉายาประจำตำแหน่งคือ เจ้าชายหมอผี เพราะเขาได้สืบทอดวิชาการปราบผีมาจากต้นตระกูลจากปู่ทางภาคอีสาน และงานอดิเรกก็คือการปราบผี แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วก็ไม่แปลกที่เขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นหมอผีเก๊
ตึกปรินซ์
กึกๆๆ
เสียงรองเท้าคัชชูกระทบลงสู่พื้นกระเบื้องลายหินอ่อนสีครีม กองพลถึงกับอดใจไม่ไหวที่จะหันหน้าไปมองผู้ที่มาเยือน แล้วก็ต้องสร้างความแปลกใจให้แก่เขาทันทีเมื่อคนคนนั้นคือฮอค เพื่อนสนิทที่หายหน้าไปหลายวันหลังจากมีรูปใบหน้าที่แท้จริงหลุดออกมาสู่โลกโซเชียล
“ว้าว ไอ้เพื่อนรักตอนนี้มันจะทุ่มนึงแล้วนะ มึงเพิ่งโผล่หัวมาหรอวะ”
“...” เขาไม่ตอบนอกจากทำสีหน้าไร้อารมณ์เท่านั้น
“เฮ้ยโกรธกูป้ะเนี่ย ขอโทษแค่หยอกเล่น”
“แล้วมึงได้ปล่อยรูปกูไหมล่ะ ถ้าปล่อยกูก็โกรธ” กองพลมีสีหน้าที่ซีดเซียวเหมือนไก่ต้มเมื่อฮอคพูดถึฃเรื่องนี้ และเขาก็โกรธมากๆดวงตาของเขามีแต่ความแค้นที่แพร่กระจายออกมา ซึ่งกองพลนั้นรับรู้ถึงมันได้
“ใจเย็นๆ คือกูจะบอกว่าตอนนี้มึงมาถึงจุดเริ่มต้นแล้วนะ”
“ไร้สาระ!”
“มึงไม่เชื่อกูก็ไม่เป็นไร แต่กูขอแค่มึงจำเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ เด็กคนนั้นคือกุญแจของเรื่องนี้”
“หึ จุดเริ่มต้นของกูงั้นหรอ ถ้ามึงเก่งจริงจุดจบของจีนจะเป็นยังไงล่ะ” ในสายตาของฮอค กองพลก็ยังเป็นคนที่หลอกลวงคนอื่นและชอบทำเป็นรู้เรื่องของเขา ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่คนอย่างฮอคนั้นก็ไม่เคยเชื่อใจใคร
“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“เพราะจีนต่างหาก คือกุญแจสำคัญของกู”
“ไอ้ฮอค มึงเป็นคนฆ่าจีนหรอ”
“มึงพูดบ้าอะไรออกมากองพล ถึงกูจะเลวแต่ก็ใช่ว่ากูจะฆ่าแฟนเพื่อนได้นะเว้ย”
“มึงฟังกูนะ คืนนี้สามทุ่มจีนจะถูกยิงกลางหน้าผากตาย และเหตุการณ์นั้นจะมีพวกเราสี่คนอยู่ด้วย”
“มึงพูดจริงหรอกองพล”
“ไอ้เรน!” กองพลน้ำเสียงซอฟลงทันทีเมื่อเรียนปรากฏตัวขึ้น
“มึงรู้ความจริงทุกอย่างแล้วทำไมมึงไม่ช่วยจีนวะ ถ้าเกิดไอ้ปืนรู้มันฆ่ามึงแน่ เราต้องโทรตามไอ้ปืนเดี๋ยวนี้”
“ความตาย มันหนีไม่ได้กรอกนะเว้ยไอ้เรน” ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยช่วยใครให้รอดจากความตายได้เลยต่างหาก มีแต่จะทำให้เรื่องราวมันแย่ขึ้นกว่าเดิม
“แล้วมึงจะปล่อยให้จีนตายหรอวะ มึงไม่สงสารไอ้ปืนหรือไง”
“แม่งเอ้ย! ทางเดียวที่เราจะเสี่ยงเพื่อช่วยช่วยจีนก็คือ การเปลี่ยนอนาคต!”
