บทที่ 4 คำผานคำแผน
บทที่ 4
คำผานคำแผน
ถ้าจะกล่าวถึงตำนานเรื่องผี เชื่อว่าต่อให้ใช้เวลาเล่าสักสิบปีก็คงไม่หมด อีกทั้งเรื่องความเชื่อเหนือธรรมชาติเช่นนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ย่อมยากที่จะปักใจเชื่อ แล้วเหตุใดถึงอยากให้มนุษย์เหล่านี้เชื่อถึงความมีตัวตนของเล่าภูตผีด้วยล่ะ? นั่นยังเป็นคำถามของกองพลที่ฉุกคิดขึ้นมาถามตัวเอง เฉกเช่นกับเหตุผลถึงการเป็นตัวเขาในตอนนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงเหตุผลทุกอย่างแต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจทั้งหมดแถมคนที่อยู่ในช่วงเวลาตอนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านหมดแล้ว
ย้อนไป 2,000 ปีก่อน....
ณ หมู่บ้านเวียงจันตา เป็นหมู่บ้านที่ผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามแย่งชิงพื้นที่ดินแดนครั้งใหญ่ในยุคนั้น หมู่บ้านเวียงจันตานั้นอุดมสมบูรณ์มาก มีทั้งป่าลำธารและสัตว์อีกมากมายหลังที่ผู้คนก่อตั้งหมู่บ้านนี้ขึ้นมาทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปรไปด้วยเวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจากที่ คำผานและคำแผน อายุครบยี่สิบสองปีบริบูรณ์
“ปีนี้พวกมึงสองคนอายุกะครบยี่สิบสองแล้ว พวกมึงตัดสินใจกันหรือยังว่าสิไปทางใดต่อ”
“ซุมข่อยสองคนบ่อยากไปเลยจากหลวงพ่อเลย ถ้าพวกข่อยไปหลวงพ่อสิอยู่กับไผ”
“บักคำแผนเอ๋ยมึงบ่ต้องห่วงกูดอก อีกบ่ดนกูกะสิไปสบายแล้ว กูสิบ่ได้รับรู้เรื่องราวอีกหยังอีกแล้ว แต่พวกมึงสองคนต้องอยู่ต่อเพราะงั้น พวกมึงต้องไป”
“แต่ข่อยห่วงหลวงพ่อเด้....”
“บ่ต้องห่วงกูดอก พวกมึงสองคนออกเดินทางเถาะมันสิค่ำก่อนฮอดบ้านเวียงจันตาเด้ บักคำผานกูฝากเบิ่งแยงบักคำแผนนำเด้อ กูไว้ใจมึงกูเชื่อว่าสูสองคนสิช่วยเหลือกันได้ในภายภาคหน้า”
“พวกข่อยสองคนขอลาเด้อหลวงพ่อ”
สองพี่น้องเดินทางไปยังจุดหมายที่หลวงพ่อชี้ไว้ให้ คำแผนและคำผานเป็นเด็กกำพร้าที่หลวงตาท่านรับมาอุปการะ คำแผน เป็นคนที่อ่อนโยนจิตใจดีมีเมตตาต่อผู้อื่นไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ส่วน คำผาน นั้นต่างจากทุกอย่างเพราะเขาเป็นคนที่อารมณ์ร้อน ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น เอาเปรียบคนอื่นอยู่เสมอ ทว่าทั้งสองก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดถึงจะนิสัยต่างกันมากแต่ก็อยู่ด้วยกันมาได้ถึงทุกวันนี้
“นี่บ้อบักคำผานหมู่บ้านเวียงจันตา มันคืองามแท้สงบคักขนาดเลย”
“แม่นแล้ว หมู่บ้านนี้เขาว่ากันว่าเป็นหมู่บ้านสวรรค์มีเทวดากับนางฟ้าคุ้มครองตั๊ว”
“นางฟ้าเทวดาเบาะ?”
สองพี่น้องสร้างที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ตามที่หลวงพ่อบอกมา ผู้คนที่นี่รักกันเหมือนพี่น้องไม่มีเรื่องขัดแย้งใดๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งวันนึงผู้นำหมู่บ้านคนปัจจุบันได้เสียชีวิตลงด้วยโรคส่วนตัว จึงมีการจัดตั้งคำแผนขึ้นมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่โดนเคียงข้างกับดอกแก้วลูกสาวคนเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านคนเดิม แต่มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าเกิดว่าสองพี่น้องจะไม่รักผู้หญิงคนเดียวกัน
“เป็นหยัง! เป็นหยังบักคำแผนถึงได้ดีกว่ากูทุกอย่าง มันได้คนที่กูมักไปเป็นเมียแถมยังได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีก บักคำแผนกูซังมึงกูอยากฆ่ามึง!” คำผานโวยวายเสียงดังลั่นพงไพรอย่างอาฆาตแค้น เขาไม่เหลือความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องกับคำแผนอีกแล้ว เพราะคำแผนมักจะเป็นคนที่ได้ดีอยู่เสมอต่างจากเขาที่จะได้แต่คำด่ากลับมา
“หึๆๆ กูรับคำขอของมึง” คำผานหันขวับไปมองต้นเสียงจากทางด้านหลังอย่างฉุนเฉียวเพราะเวลานี้ไม่ควรที่จะมีใครไปรับกวนเขาด้วยซ้ำ
“เจ้าเป็นไผ? เจ้าบ่แม่นคนแถวนี้แม่นบ่ข่อยบ่เคยเห็นหน้าเจ้า” ชายปริศนาผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำอีกทั้งริมฝีปากและขอบดวงตายังกลับกลายเป็นสีดำต่างจากมนุษย์มนาทั่วไป
“หึๆ มึงบ่ต้องฮู้ดอกว่ากูเป็นไผฮู้แค่ว่ากูสิเฮ็ดตามคำขอของมึง ถ้าเกิดว่ามึงเฮ็ดตามคำขอของกูก่อน”
“เจ้าสิให้ข่อยเฮ็ดหยัง”
และแล้วคำผานก็ได้ทำเรื่องที่ชั่วช้าที่สุดในชีวิต จนสุดท้ายเขาได้ตามสิ่งที่ขอไป ทว่า...กลับมีอีกศพที่นอนราบจมกองเลือดกับพื้นข้างๆคำแผน
“จ...เจ้า! มันเกิดอีหยังขึ้น” คำผานตกใจกับภาพตรงหน้าที่เห็นเมื่อเข้ามายังห้องหอของคำแผนและดอกแก้ว ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด มันแย่กว่าที่เขาคิด
“ฮ่าๆๆ”
“มึงฆ่าดอกแก้วเฮ็ดหยัง กูสั่งให้มึงฆ่าแค่บักคำแผนคนเดียว!”
“ฮ่าๆ ขี้ขลาดคือมึงน่ะเฮ็ดหยังกูบ่ได้ดอกบักมนุษย์ชั้นต่ำ”
“มึงฮู้บ่ว่ากูถ่ามื้อนี้มานานส่ำใด กูถ่าที่สิได้สมสู่กับสาวเลือดบุษบาวธูมานานเป็นร้อยๆปี เพื่อปลดปล่อยกูให้เป็นอิสระ ต่อไปนี้กูสิเป็นใหญ่กูสิอยู่ค้ำฟ้าค้ำดิน”
“บักรามินทร์กูสิฆ่ามึง กูสิฆ่ามึง!!!”
“อ๊ากกก! ผ..ผี!” คำผานขาอ่อนจนทรุดลงกับพื้นและเสียการทรงตัวไปเมื่อคนตรงหน้ากลายร่างที่แท้จริงออกมา ลำตัวบริเวณหัวไหล่ลงมาถึงเอวใหญ่ผิดปกติในขณะที่ส่วนขานั้นเล็กจนหนังหุ้มกระดูก อีกทั้งใบหูทั้งสองก็แหลมขึ้นสูงระดับเดียวกันกับดวงตาที่โปนออกและฟันของมันยังแหลมซี่เล็กๆเหมือนปลาแถมยังมีลิ้นยาวถึงแผงอก
“ชาติชั่วอย่างมึง เฮ็ดหยังกูบ่ได้ดอกบักคำผาน ฮ่าๆๆๆ”
“มึงหลอกกูเฮ็ดหยัง กูฮักดอกแก้วส่ำใดมึงกะฮู้แล้วมึงสมสู่กับดอกแก้วเฮ็ดหยัง มึงฆ่าดอกแก้วเฮ็ดหยัง”
“นี่แหละเป็นหยังกูคือซังพวกมนุษย์แฮง มันเป็นแบบมึงนี่ล่ะ”
“กะได้ ในเมื่อมึงมักมันแฮง...กูขอสาปมึงให้มึงเห็นสิ่งที่คนอื่นบ่เห็นไปตลอดทั้งชาติ รวมถึงลูกหลานทางสายเลือดของมึงและไผที่ได้รับเลือดของมึงกะให้มันเบิกเนตรทั้งเบิ่ดจนกว่ามึงจะได้สมสู่กับสาวเลือดบุษบาวธูในคืนตะเว็นเต็มดวง แต่มึงกะต้องฟ้าวแหน่เด้อเพราะว่าถ้ากูสมสู่กับสาวเลือดบุษบาวธูครบสามเทื่อตอนใด ลูกหลานของมึงรวมถึงคนในหมู่บ้านนี้อาจจะตายเบิ่ดกะได้”
“บ..บ่ๆ กูบ่อยากเห็นผี บ่ กูบ่เอา”
“คำแผน ดอกแก้ว อย่าเข้ามา เฮายอมแล้ว อย่าเข้ามา!”
“เฮือก!” ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่นั่งทำสมาธิแล้วเห็นนิมิตรเหล่านั้นวนเข้ามา ซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นมาก่อน เพิ่งจะมาเห็นเรื่องราวต่างๆของจุดกำเนิดของตระกูลผ่านนิมิตรเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง และสิ่งที่มาควบคู่กันด้วยก็คือ พลังที่ลดลง
“เป็นอะไรหรือเปล่ากองพล”
“ไม่เป็นไรมาลี”
มาลี วิญญาณสาวที่ใช้กรรมโดยการดูแลคอนโดแห่งนี้เป็นเวลาสามปีเพื่อไปเกิดใหม่ และทุกๆวันพระเธอกับลุงทองมีจะเข้ามาสวดมนตร์ทำสมาธกับกองพลทุกครั้งเพื่อสะสมบารมี
“สีหน้าดูเครียดๆนะ ตั้งแต่ที่เอ็งช่วยเปลี่ยนอนาคตของสองคนนั้นเอ็งก็อ่อนแอลงมากเลยนะเว้ยกองพล”
ลุงทองมี เจ้าที่ของคอนโดแห่งนี้ เดิมเป็นผู้ก่อตั้งคนแรกแต่กลับเสียชีวิตด้วยเหตุผลที่ตอนมีชีวิตนั้นเขาทำงานหนักเกินไปจนเส้นเลือดในสมองแตก เขาจึงอัปเกรดตนเองเป็นเจ้าที่ปกปักษ์รักษาช่วยลูกหลาน
“ทำไงได้ล่ะ ก็แฟนเพื่อนนี่นาลุง”
“เออ ช่างมันเถอะ สวดมนตร์เสร็จแล้วก็พากันไปพักผ่อนเถอะตีสี่กว่าแล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะไปดูละครเวทีไม่ใช่รึ”
“จริงด้วย งั้นฝันดีนะลุงทองมี มาลี”
“จ้า” จากนั้นมาลีและลุงทองมีก็หายวาบไปที่บ้านใครบ้านมัน ก่อนที่ชายหนุ่มนั้นจะทำการกราบไหว้ลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือแล้วนอนลงบนเตียง
“พรุ่งนี้ต้องมีรูปคู่ให้ได้เลย เจอกันนะครีมเค้ก”
