บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 บ่วงรัก

บทที่ 3

บ่วงรัก

ผมได้แต่เดินไปแล้วก็ตบหน้าตัวเองไปเพื่อดึงสติกลับมา ทว่า ก็ยังคงตกหลุมพรางความน่ารักของครีมเค้ก อยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าเท้าจะเดินสับก้าวขายาวๆเพื่อหนีเธอให้ไกลทักว่าหัวใจและสมองยังมีแต่ภาพเธอฉายขึ้นมาอย่างชัดเจน

“คนอะไรน่ารักไม่รู้จักพักไม่รู้จักผ่อน น่าร๊อกอะ!”

“ฮั่นแน่ เขินจนแก้มปริเลยนะพ่อหนุ่มน้อย เจอดาราคนนั้นจังๆอีกแล้วสินะ” เสียงแห้งๆของใครบางคนเอ่ยแซวผมในขณะที่ผมกำลังเดินจ้ำไปข้างหน้าด้วยท่าทีลนลาน

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ต้องเสียเงินสักบาทแต่ได้เจอใกล้ขนาดนี้โคตรโชคดีเลยลุง” และคนที่ผมคุยด้วยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ ลุงแดง ซึ่งลุงแดงนั้นเป็นเจ้าที่ของมหาลัยนี้ มีหน้าที่คอยดูแลปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็น ถึงแม้ว่า Klever University จะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และเป็นมหาวิทยาลัยที่น่าเรียนที่สุดในประเทศแต่เรื่องการทำคุณไสยก็มีอยู่มากเช่นกัน ด้วยความที่ใครบางคนอยากชิงดีชิงเด่นเกินไปสุดท้ายก็หันไปเพิ่งทางลัดแบบนี้อยู่ดี ไม่ว่าคนพวกนี้จะอยู่ชนชั้นไหนแม่งก็ยังก้มหัวให้ของพวกนี้อยู่ดี

“ก็นะ ครีมเค้กเขาก็สวยจริงๆนั่นแหละขนาดลุงเป็นผี ตอนแอบดูแม่หนูเข้าห้องน้ำยังกระชุ่มกระชวย”

“ไอ้ลุง!”

“เหอะๆ กูล้อเล่น ใครจะเข้าไปได้วะมึงก็รู้ว่าแม่สุขานารีน่ะโหดแค่ไหน”

“ก็จริง ถึงจะเป็นผีก็ไอ้จ้อนขาดได้เหมือนกัน”

“อูย หวาดเสียว”

“กองพล”

“หืม...” เราสองคนจำต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อหันหน้ามองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้ตรงม้านั่ง แต่ถ้าร้องไห้เฉยๆผมจะไม่สนใจอะไรเลยถ้าเกิดว่าไม่มีดวงวิญญาณผู้ชายที่สวมชุดนักศึกษาสีขาวแต่เปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดง

“ช่วยแม่หนูเขาหน่อยละกัน ถือว่าลุงขอแม่หนูคนนี้เธอร้องไห้มานับเดือนแล้วล่ะสงสารเธอเถอะนะ” ผมพยักหน้าตอบรับคำขอของลุงแดงด้วยความเต็มใจ

“ฮึก ฮือๆๆ”

ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆน้องผู้หญิงที่กำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจคนข้างๆแต่อย่างใดออกจะทำเพิกเฉยด้วยซ้ำ

“พี่กองพล พี่ได้ยินผมจริงๆใช่ไหมพี่เห็นผมใช่ป้ะ ผมชื่อเม่นนะครับพี่ช่วยผมหน่อยได้ไหม”

“...”

“หรือว่า...เป็นนักต้มตุ๋นเฉยๆ”

“...” ผมยังคงตีสีหน้าราบเรียบไม่สนใจรอบข้าง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่มีใครอยู่รอบกาย

“ไม่มีมารยาท ไม่เห็นหรอว่าคนเขากำลังร้องไห้อยู่”

“นี่ปริ๊นซ์กองพลเลยนะ น้องควรจะดีใจสิที่พี่นั่งด้วยเนี่ย” ผมเอ่ยออกไปห้วนๆชวนโมโหน้องไปแบบนั้น ส่วนไอ้เม่นมันก็ยังพยายามที่จะพูดคุยกับผมแบบนั้นทั้งๆที่ผมยังทำเป็นไม่สนใจมัน

“จะไปไหนก็ไป ไอ้บ้า”

“เออบ้าก็บ้า แล้วก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไอ้เม่นแฟนน้องมันฝากมาบอกว่าเลิกร้องไห้ เลิกห่วงมันสักที มันอยากไปเกิดแล้ว” คนตรงหน้าถึงกับหยุดชะงักตาค้างไปด้วยความตกใจที่ผมพูดออกมาแบบนั้น ด้วยความที่ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวของทั้งสองมาก่อนก็ไม่แปลกที่น้องเขาจะตกใจ

“พี่เม่น อ๊ากกกก!” เสียงร้องไห้ของน้องคนนี้ก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินจากเธอไปแล้วปล่อยให้น้องเขาอยู่คนเดียวอีกครั้ง เม่นยังคงตามมาส่งผมเพราะเขารู้แล้วว่าผมเห็นเขาจริงๆ

“ขอบคุณนะพี่กองพล ทีแรกผมนึกว่าพี่จะเป็นบ้าหลอกลวงคนอื่นไปทั่ว แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าพี่มันของจริง ผีมีจริงๆ”

“ช่างเถอะ มาเชื่อตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วล่ะ”

“(ตั้งนโมสามจบ)

กัมมะโตเมตตัง ปะติชีวิตตะ วิตตัง

ชีวิตนัง จุติ

พุทธัง ชีวิตตัง

ธัมมัง ชีวิตตัง

สังฆัง ชีวิตตัง”

“ไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะเม่น อย่าติดบ่วงความรักอีกเลย ชาตินี้ของนายมันหมดแล้ว หมดแล้วจริงๆ”

วิญญาณที่ติดบ่วงความรักดูเหมือนจะเป็นสถิติที่สูงที่สุดตั้งแต่ผมเคยปลดปล่อยพวกเขามาเลย เพราะตอนมีชีวิตผู้คนต่างยึดติดกับความรักไว้มากพอตอนไม่มีชีวิตจึงตัดให้ขาดยาก ถึงผมจะมีหน้าที่ปลดปล่อยพวกเขาอยู่ตลอดก็ตาม แต่เชื่อไหมว่าผมนั้นไม่เคยมีความรักเลยสักครั้งบางทีก็อยากเข้าใจบ้างว่าถ้าเรารักใครแล้ว จะติดบ่วงรักแบบนี้ตลอดไปหรือไม่...

ตึกปักษาสวรรค์

ณ ตึกปักษาสวรรค์ในเวลาเที่ยงตรง ผู้คนต่างเร่งรีบออกมาจากตึกนับหลายร้อยชีวิตเพื่อแยกย้ายกันไปพักกลางวัน ช่วงนี้ตึกแห่งนี้จะครึกครื้นเป็นพิเศษเนื่องจากว่าอีกสองวันสาขาศิลปะการแสดงจะมีการแสดงละครเวทีประจำปีทุกคนจึงต้องซักซ้อมกันอย่างหนักและที่พิเศษมากกว่านั้นก็คือ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ครีมเค้กจะร่วมแสดงด้วย เหตุนี้เหล่าแฟนคลับของเธอจึงตั้งตารอแทบไม่ไหวไหนจะผู้ที่สนับสนุนอีก ล้วนแต่เป็นรายใหญ่กันทั้งนั้น

หญิงสาวร่างบางกึ่งเดินกึ่งลอยเข้าไปในตัวตึกท่ามกลางผู้คนที่รายล้อม ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจสิ่งหนึ่งก็อาจเป็นเพราะความเคยชินด้วยเธอจึงทำตัวเฉยชาได้อย่างมืออาชีพ

“อ้าวครีมเค้ก ทำไมวันนี้มึงมาเรียนได้วะ” ส้มส้มท้วงถามเพื่อนสาวที่เพิ่งปรากฎตัวด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้

“พอดีกูปิดกองไปเมื่อวาน ตารางงานช่วงนี้ว่างก็เลยมาเรียน ใกล้จะจบแล้วด้วยไม่อยากดรอปว่ะ”

“ดีแล้วล่ะ แล้วนั่นหอบอะไรมาวะ”

“น๊อตตี้ยำปากบวมไง กว่าจะได้คิวยาวสุดๆ”

“ลาภปากแท้ๆเลยว่ะวันนี้” เขียวสูดปากเบาๆด้วยความเปรี้ยวปากจนน้ำลายส่อเพราะอยากกิน

“แล้วไอ้ฮอคล่ะ วันนี้มันไม่เข้าเรียนหรอ” หญิงสาวเอ่ยถาม

“เข้านะ แต่น่าจะไปกินข้าวเที่ยงกับแพรไหม” ส้มส้มตอบ

“คนมีเมียก็งี้แหละ หัวเพื่อนก็มองได้เห็นแล้วม้าง”

“เวอร์น่าไอ้เขียว มึงก็ใช่ย่อยตอนมึงมีเมียน่ะยิ่งกว่าไอ้ฮอคอีก เนอะส้มส้ม”

“เออ กูก็ว่างั้นแหละ”

“ว้าวุ่นเลยทีนี้ กูว่ากินยำกันดีกว่านะ ปากจะได้ไม่ว่าง”

“หิวแหละเออ”

“จ้า กระผมหิวแล้วครับคุณส้มส้ม”

พอต่อล้อต่อเถียงกันไปมาเป็นประจำทุกวันเสร็จแล้ว เหล่ามิตรสหายทั้งสามคนก็นั่งล้อมวงรับประทานยำรสเด็ดต่อไป....

Cr.คาถาสวดดวงวิญญาณให้ไปเกิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel