ตอนที่ 3 หยากไย่!?
.
.
.
หลังกลับจากคลาสเรียนช่วงบ่าย ที่หอพักไอลีนเพิ่งไปรับพัสดุจากเจ้าหน้าที่หอ แม้จ่าหน้าจะถูกหมด แต่ไม่ใช่ของที่เธอสั่ง และชื่อผู้ส่งเป็นใครก็ไม่รู้จักอีก เธอจึงพยายามโทรหาเบอร์ผู้ส่งคนนั้น แต่พอติดต่อไม่ได้ จึงเปลี่ยนไปโทรหาขนส่ง
“รับไปเถอะครับ ไม่มีเก็บปลายทาง ข้อมูลทุกอย่างก็ถูกหมด คงมีคนส่งให้คุณแหละ” ทางนั้นแจ้งกลับมา
บนห้อง ไอลีนเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบครึ่งท่อน เสื้อยังคงอยู่ แต่กระโปรงนักศึกษาถูกถอดออก เปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น แล้วมานั่งจุ้มปุ๊กที่พื้นแกะพัสดุแบบค่อย ๆ แง้มดูทีละนิด แต่พอเห็นว่าเป็นหนังสือหลายเล่ม ใจก็คิดไปถึงพ่อขึ้นมา
“หรือพ่อจะแบบว่า ซ่อนรหัสไว้ในหนังสือ” เธอนั่งกรีดหนังสือปกหนาสองสามเล่มแรก แต่ดูทรงแล้วเหมือนซื้อเหมายกชุดมาแบบไร้ความหมายอะไร
“ฮ่า ๆ ถ้ามีจริง ก็คงไม่ใช่พ่อฉันแล้วแหละ” ไอลีนพูดคนเดียว เพราะพ่อเธอหวงหนังสือมาก ไม่ยอมทำอะไรให้ยับหรือเป็นรอย และหนังสือพวกนี้ เหมือนคนส่งผิดมากกว่า ไอลีนรีบจัดการห่อพัสดุให้เหมือนเดิมที่สุด เผื่อขนส่งรู้ตัวว่าทำงานพลาดแล้วมาเรียกคืนจะได้พร้อม
หญิงสาวย้ายมาที่โต๊ะเขียนหนังสือ เอาแต่ค้นหาเรื่องราวในโลกอินเทอร์เน็ตเผื่อเจออะไรบ้าง ความอยากรู้เรื่องเงินที่พ่อพูดทิ้งไว้นั้น ทำเอาไม่มีกะจิตกะใจจะไปไลฟ์ขายอะไรทั้งนั้น
เกือบสองชั่วโมงที่นั่งหลังขดหลังแข็ง
หญิงสาวลุกจากโต๊ะ เดินไปยังระเบียงที่มีบานประตูปิดอยู่
สองมือเท้ากับราวอะลูมิเนียม พยายามยืดแขน ยืดขา บิดกล้ามเนื้อตรงลำคอไปมา ท่าบริหารร่างกายที่ดูเหมือนคนทุรนทุรายเพราะไม่ได้ขยับมานาน แต่เมื่อเงยหน้ามองเพดาน กลุ่มหยากไย่ของเหล่าแมงมุมที่ขยันมาทำรังชักใยตรงที่เดิม ๆ มันทำเธอหงุดหงิด
ไอลีนเปิดประตูห้อง ไปยกเก้าอี้มา มือถือด้ามไม้กวาด และก้าวขาปีนขึ้นทันที
แกรก!
ด้ามไม้กวาดหล่นพื้น
เธอมองลง แล้วเงยหน้ามองเป้าหมาย
ลองเหยียดแขนไขว่คว้าทั้งที่รู้ว่าไม่ถึง
เก้าอี้โยกจนหน้าทิ่ม
ตึง!
เธอกระโดดลงจากเก้าอี้ พร้อม ๆ กับที่ขาไม้ล้มหงายไปคนละฝั่ง หญิงสาวจับเจ้าเก้าอี้มาใหม่ พร้อมก้มเก็บไม้กวาดขึ้นมาด้วย
ราวตากผ้าที่มีชุดแขวนห้อยระโยงอยู่ กำลังปลิว ไอลีนยังคงเพียรพยายามทำเรื่องไม่จำเป็น แค่เพราะไม่ชอบอะไรที่มาเกาะ มาก่อรัง หรือมาใกล้ชิด เธอขยะแขยงพวกที่ทำตัวแบบนี้…เหมือนคุณน้าของเธอ…ต้องกำจัดให้หมด
“โอ๊ย!”
ฝุ่นร่วงลงมาเข้าดวงตากลมโต เธอทั้งกะพริบ ทั้งขยี้จนขอบตาแดงไปหมด
ไอลีนเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำ เธอยังวนเวียนกับหยากไย่แบบนั้น
แม้ตาจะแสบมากก็ตาม
----
ที่ถนนด้านหน้าหอพัก รถยนต์สีดำยี่ห้อไม่คุ้นเคยในตลาด บ่งบอกราคาและรสนิยมของผู้ขับขี่ว่าชื่นชอบความหรูหรามีคลาสมากแค่ไหน เฟยนั่งตำแหน่งคนขับ และอคิราห์นั่งด้านหลัง อยู่ภายในรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พวกเขากำลังรอเป้าหมายให้ลงมาจากหอ แม้ว่าจะขึ้นไปเลยก็ได้ แต่ตั้งใจแล้วว่าจะเข้าหาอีกฝ่ายอย่างคนทั่วไป
“แล้วหอพักเขาว่าไง” โรม ถามลูกน้อง
“เป็นหอรวมครับ ชายหญิง ขึ้นลงได้เฉพาะคนที่ลงทะเบียนลายนิ้วมือไว้ แต่เขาก็ยินดีเปิดให้เรานะถ้าเจ้านายอยากขึ้นไปเลย น้องอยู่ห้อง 403”
“ไม่ได้ ๆ ใจเย็นไว้ก่อน...เฮ้ย!”
ไม่ค่อยได้ยินเสียงอุทานเพราะปกติอคิราห์ค่อนข้างอารมณ์นิ่ง แต่ภาพตรงหน้าที่เห็น ในขณะที่คนขับรถหันมาคุยกับเขา ทำเอาใจชายหนุ่มร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเด็กสาวที่เขากำลังรอ จู่ ๆ เธอก็เปิดประตูหอพักออกมา แล้วปีนขึ้นเก้าอี้
หัวใจโรมกระตุกวูบตั้งแต่เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กคิดจะดิ่งพสุธา ยังไม่ทันได้เริ่มต้นอะไร ทุกอย่างก็อาจจบลงในพริบตา เขาทนไม่ได้หรอก
“เฟย รีบไปช่วยเลย เร็ว ๆ”
“ครับ ๆ”
ไม่มีการรีรอใด ๆ
ผู้ช่วยหนุ่มวัย 27 ปี วิ่งลงจากรถ เข้าตึกหอพัก และสามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดได้โดยไม่มีอุปสรรคปัญหา และทันทีที่ลิฟต์เปิดที่ชั้น 4 เขาวิ่งไปทิศทางเดียวกับที่เห็นว่า ไอลีน ยืนอยู่ที่ระเบียงฝั่งไหนของอาคาร
ประตูหอพัก จะสู้อะไรกับกำลังช้างสาร
แรงถีบดังจนคนในห้องตกใจ กระโดดลงจากเก้าอี้
แต่ยังไม่ทันขยับตัวเข้ามา
“เฮ้ย! คุณเป็นใครอะ” เสียงร้องตกใจ ทำคนตาแดงเพราะฝุ่นต้องแดงหนักเข้าไปอีกเพราะกลัวและโกรธที่โดนบุกรุก
ร่างบางถูกอุ้มแบกราวกับเป็นสิ่งของ
“หลบหน่อยครับ ๆ คนเจ็บฉุกเฉินครับ” เฟยตะโกนเพื่อให้ทางเปิด และหญิงสาวที่โวยวายอยู่บนลาดหลังของเขานั้นยิ่งตอกย้ำคำว่าคนเจ็บด้วยการร้องเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำ ผมหยักศกยาวยุ่งเหยิงเป็นพัลวัน
ประตูรถหรูเปิดออก ร่างกายใหญ่โตของอคิราห์เขยิบโดยอัตโนมัติเมื่อลูกน้องยัดร่างเล็กของเด็กสาวเข้ามา ก่อนที่เฟยจะวิ่งกลับมาประจำที่แล้วขับรถยนต์เคลื่อนออกไปทันที
ไอลีนยังขยี้หูขยี้ตาไม่หยุด เธอพยายามขจัดสิ่งแปลกปลอมออก
หมับ!
กำปั้นใหญ่กุมรอบมือเล็กของเธอมิด แต่หัวกลมกับผมหยิกยาวยังคงขยับ เพราะคนมันเคืองตา จะให้ทำอย่างไร
อคิราห์เข้าใจแล้วว่าเธอต้องการอะไร จึงรีบหยิบขวดน้ำดื่มออกมา รินของเหลวใสลงในมือใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ ประลงบนดวงตา พร้อมใช้ทิชชูซับออกให้ทีละนิด
“อือ~” เสียงเครือสั่นพร่าไม่แจ่มใส
ใบหน้าเล็กกระดุกกระดิกอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่กำลังชำระล้างฝุ่นให้ ยามเขาค่อย ๆ ปล่อยมือออก กระดาษซับน้ำเป็นวงเป็นดวงถูกขยำแล้วโยนทิ้งใต้เบาะรถอย่างไม่ไยดี หญิงสาวลืมตามองคนตรงหน้า
‘เชี่ย!’ ไอลีนอุทานในใจ แต่ยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างกับท่าทีผงะถอยหลังไปจนติดประตูรถ มันเหมือนตะโกนด่าผู้ชายตรงหน้าจนไม่ต้องแปลด้วยสมองอะไรแล้ว
“อยากไปโรงบาลมั้ย” เขาเอ่ยขึ้น ไม่มีคำว่า ครับ และไม่มีแววตายิ้มหรืออย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าเป็นมิตร สิ่งเหล่านั้น ไม่มีเลยสักนิด
“ทะ…ทำไมต้องอยากไป แล้วนี่อะไร มาจับคนอื่น”
“การฆ่าตัวตาย เป็นการตัดสินใจของคนกล้าบ้าบิ่น แต่ถ้าเธอกระโดดลงจากชั้น 4 ของตึกเตี้ย ๆ แบบนี้ โอกาสรอดสูงมาก แต่จะพิการหรือนอนเป็นผักก็ต้องมาลุ้นกันอีกที”
จากคำพูดและท่าทาง รวมถึงความกล้าอุ้มเธอออกมาจากหอพักได้อย่างไม่กลัวใคร ไอลีนประเมินสถานการณ์แล้วว่าตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ผู้ชายคนนี้คือมิจฉาชีพ โจร หรือพวกก่ออาชญากรรม ใช่แล้ว คนขี้คุกแน่ ๆ สักเต็มตัวแบบนี้
“แล้ว…แล้วฉันต้องกระโดดลงมาทำไม บ้าเหรอ” วัยรุ่นสาวไม่อยากจะคิดถ้าเขาจับเธอโยนลงจากตึกเพื่อฆาตกรรมอำพราง เรื่องต้องเงียบหายเข้ากลีบเมฆแน่ ๆ ตอนนี้เธอไม่มีครอบครัวจริง ๆ แล้วด้วย
“สติกลับมาแล้วสินะ เพียงชั่วครู่ก็หมดลมหายใจได้ ต่อไปนี้ เธอต้อง…”
“Stop! What the hell is going on” หยุดนะ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ
“I saved you.” ฉันช่วยเธอนะ
‘มันเข้าใจภาษาอังกฤษ!?’
แม้ไม่ดูถูกใคร แต่ไอลีนกำลังพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เธอได้รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่กับคนแบบไหน ตอนนี้เพราะรถแล่นอยู่จึงไม่กล้าหนีทำได้เพียงมองไปรอบ ๆ ตัว
“ไปโรงพยาบาลมั้ย”
“ฉันไม่ได้เจ็บป่วย”
“การฆ่าตัวตายเป็นความเจ็บปวดที่อาจเกิดจากจิตใจ”
“ไร้สาระ ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตายนะคะ”
“แล้วเธอ...”
อคิราห์กลืนคำพูดลงคอไป เพราะสายตาของเขาเพิ่งสำรวจบนเนื้อตัวหญิงสาว ดวงตาสีเข้มหางตาคมกริบกวาดไล่จากเรือนผมลงที่กรอบหน้าและไหล่บาง ปลายนิ้วมือของเธอเปรอะเปื้อน และเมื่อเขาตวัดสายตากลับขึ้นไปที่เหนือเนินอก ชุดนักศึกษาสีขาวกับ...
“.........” สายตาดุกำลังพยายามกำราบผู้ชายหื่นกามที่จ้องมองหน้าอกของเธอ หญิงสาวกระชับคอเสื้อปิดไว้มั่น
มือหนาเอื้อมเข้าใกล้
“นี่! หยุดนะ!!!”
เอี๊ยดดดด!!!!
ทั้งล้อรถ และมือหยาบกร้านของผู้ชายที่เต็มไปด้วยรอยสักตามตัวหยุดนิ่งลงพร้อมกัน เพราะเสียงตวาดดังมาพร้อมใบหน้ากราดเกรี้ยว แต่สำหรับอคิราห์แล้ว...สวยจริง ๆ ยิ่งโกรธ ก็ยิ่งสวย
“ขับรถไปเฟย”
“ครับเจ้านาย”
“ทำไมเธอถึงดูเลอะเทอะขนาดนี้”
“เรื่องของฉัน!”
“ไม่ ตอนนี้เรื่องของเธอ ก็เป็นเรื่องของฉันแล้ว ฉันช่วยชีวิตเธอจากการฆ่าตัวตาย”
“บ้า! บอกว่าไม่ได้จะฆ่าตัวตาย”
“ฉันเห็นกับตา เธอปีนขึ้นเก้าอี้ แล้วพุ่งตัว...”
“ปัดหยากไย่!!!”
“หยากไย่!?” สายตาชายหนุ่มมองเรือนร่างของเธออีกครั้ง