ตอนที่ 2 ปลอมมาก
.
.
.
บ้านพูลจีรนนท์ เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ขนาด 4 ห้องนอน เดิมเคยเหลือหนึ่งห้องไว้เก็บของ แต่หลังจากพ่อไอลีนป่วย วีรวรรณก็แยกห้องกับสามี ภายในบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้หรู ตู้บิ้วอิน รูปถ่ายของคนในบ้าน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพเดี่ยว แต่ก็ทำให้รู้ว่าที่นี่อยู่กับแบบครอบครัว มีพ่อ แม่ และลูกสาว นอกจากนี้พวกเขายังแสดงความมั่งมีด้วยการใช้คนขับรถและแม่บ้านจากบริษัทรับจ้าง ทั้งคู่เดินทางไปกลับที่พักใกล้ ๆ และเข้ามาทำงานทุกวันตามเวลาที่กำหนด
เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วที่ผู้ใหญ่ที่สุดของครอบครัวจากไป บ้านที่เงียบเหงา ไม่ครึกครื้น ตอนนี้ยิ่งกลายเป็นบ้านที่ไร้ซึ่งเสียงของผู้อาศัยหนักเข้าไปใหญ่
“เมื่อไรเธอจะย้ายออก”
คุณวี หรือ วีรวรรณ พูลจีรนนท์ หญิงวัย 52 ปี ผมสีดำขลับ รูปร่างสมส่วน ไม่อ้วนไม่ย้วย ผิวพรรณเต่งตึง สวมเดรสสีดำรัดไปตามรูปทรงทั้งอกอวบ เอวคอด หรือสะโพกผาย หากใครไม่รู้ ก็จะเข้าใจว่าเธออาจแค่สามสิบปลาย ๆ สี่สิบต้น ๆ
เธอถามลูกเลี้ยงเมื่อเห็นอีกฝ่ายเก็บกระเป๋าแค่เพื่อกลับหอพัก ข้าวของทั้งหลายยังคงอยู่ในห้องปกติ มีเพียงกระเป๋าลากใบเล็ก และกระเป๋าโน้ตบุ๊กของเธอที่ถูกยกใส่รถเก๋ง
วีรวรรณยืนมองเด็กสาววัยเพิ่งเลยยี่สิบมาได้นิดหน่อย ด้วยสายตาไร้แววรักหรือห่วงใย โดยเฉพาะเมื่อมองใบหน้างดงามที่ละม้ายคล้ายคุณแม่ที่เสียไปนานแล้ว และมีเค้าโครงคล้ายตัวเธอ ผู้เป็นน้า แม้จะช่วยให้ลดคำถามจากพวกปากหอยปากปูที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ถ้าเป็นคนเก่าคนแก่ ก็มักค่อนแคะอยู่ร่ำไป เธอมองหลานสาวที่มีสถานะเป็นลูกเลี้ยงอย่างไม่สบอารมณ์
“โถ่ แม่คะ พอพ่อตาย เราก็ตัดเยื่อใยกันเลยเหรอ ได้บ้านหลังนี้แล้ว จะให้หนูอยู่ซุกหัวนอนหน่อยไม่ได้เลยเหรอคะ” ไอลีนพูดจริงจังจากใจ แต่ใบหน้าเธอกลับเหมือนหยอกล้อ ปั้นหน้าไร้เดียงสา
เรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัวมันช่างซับซ้อน แต่เธอเลิกสนใจนานแล้ว รวมถึงตัวคุณพ่อที่เพิ่งเสียไปด้วย บ้านนี้เคยน่าอยู่และทุกคนที่นี่เคยเป็นครอบครัวเธอ จนกระทั่งวันที่ได้รู้ว่า แม่จริง ๆ เสียไปแล้ว และแม่เลี้ยงคนนี้ก็คือน้องสาวของท่าน ไอลีนเคยคิดว่า วีรวรรณเลี้ยงดูเธอมาไม่ต่างกับคนเป็นแม่หรอก ดังนั้นเธอไม่เคยขาดความรักเลย
แต่นานวัน ยิ่งโต ยิ่งเข้าใจ
ไม่ใช่ความรักที่มีต่อเธอ
แต่เป็นความรักที่น้าสาวมีต่อพ่อของเธอต่างหาก
ส่วนเธอ เป็นแค่อะไรบางอย่างที่พ่อพูดว่า จำเป็นต้องให้คุณวีเข้ามาดูแล มาเป็น ‘ครอบครัวเดียวกัน’
“ก็ไม่ใช่อะไร ฉันก็เห็นว่าเธอน่ะรักอิสระ อยากไปอยู่หอ แต่ไหน ๆ พ่อก็ตายไปแล้ว อิสระของจริงแล้วล่ะ เธอไม่ต้องมาเกรงใจฉันให้เสียเวลาหรอก” คุณวีพูด
“ขอเวลาแค่ 3 เดือนค่ะ เรียนจบแล้วหนูจะไป”
“เหรอ พูดจริงเหรอ!?”
“จริงสิคะ หนูอยากโบยบินจะแย่ แค่รอเวลาเท่านั้นแหละ”
“ว่าแต่ ไอลีน เธอมีเงินใช่มั้ย”
“ก็มีจากที่พ่อเคยให้รายเดือนค่ะ แต่จากนี้ไปคงต้องหางานทำเพิ่ม แล้วก็…แม่คะ จะขายบ้านหลังนี้มั้ย”
“คิดว่าจะขายนะ พ่อเธอไม่ทิ้งทรัพย์สมบัติอื่นไว้ให้เลยนี่ บ้านนี้ก็เก่าเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะขายได้สักเท่าไรกัน”
ไอลีนมองไปรอบ ๆ บ้านอายุสามสิบปี เก่าแต่ไม่ซอมซ่อ มันยังคงความมีระดับตามราคาสิบห้าล้านของอดีตไว้ และตอนนี้หากขายก็คงได้ไม่น้อยกว่า ยี่สิบล้านหรืออาจมากกว่าก็ได้
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ผู้จากโลกนี้ไป ทั้งที่เป็นคนทำมาหากิน รายได้ก็ไม่ธรรมดา กลับไม่มีทรัพย์สินอะไรนอกจากบ้านหลังนี้และรถยนต์อีกคัน ที่พ่อเธอยกให้ภรรยาคนปัจจุบันทั้งหมด
“ไปก่อนนะคะ” เชิญอยู่บ้านคนเดียวให้สบายเถอะค่า อยากรู้จังว่าขายบ้านได้ จะแบ่งเงินให้ฉันบ้างมั้ย
“ขับรถดี ๆ ล่ะ” ฉันไม่อยากไปโรงพัก ถ้าจะรถคว่ำก็ตายห่าไปเลย อย่ามาเป็นผู้ป่วยติดเตียงให้ลำบาก แค่ดูพ่อเธอคนเดียวฉันก็รู้สึกเหนื่อยฟรีจะแย่แล้ว
“ค่า” หนูไม่ทำให้แม่เดือดร้อนหรอกค่ะ ไม่อยากมีบุญคุณต่อกัน เดี๋ยวตอนเชิดใส่จะหาว่าอกตัญญู
ปลอมมา ก็ปลอมกลับ ไม่โกงกันอยู่แล้ว
ไอลีน เติบโตมาด้วยหัวใจแบบนั้น
ทันทีที่ไอลีนขับรถออกจากบ้าน
“เขาฟื้นยัง” วีรวรรณรีบโทรหาพยาบาลพิเศษที่เธอจ้างให้ดูแลคนขับรถที่เกิดไปมีเรื่องกับใครไม่รู้ มาบาดเจ็บหนักกองอยู่หน้าบ้าน แทนที่ช่วงงานศพยุ่ง ๆ จะได้มีคนคอยช่วยรับส่ง ต้องลำบากเธอเข้าไปอีกทั้งต้องเดินทางเอง และยังต้องคอยจัดการเรื่องรักษาพยาบาลอีก
[ยังเลยค่ะ แต่อาการปกติดี แผลต่าง ๆ ก็เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ]
“โอเค ถ้าฟื้นเมื่อไร รีบโทรหาฉันเลยนะ”
หญิงม่ายที่สูญเสียสามี ตอนนี้เธอกำลังวางแผนชีวิตใหม่ ที่ผ่านมาครอบครัวของเธอมีแค่ สุวิทย์ ผู้เป็นสามีและไอลีนลูกสาวของเขา
วีรวรรณเลี้ยงดูเด็กน้อยและพยายามทำหน้าที่แทนพี่สาวมาโดยตลอด เวลาล่วงเลยมายี่สิบกว่าปี สำหรับเธอแล้ว มันคือครึ่งค่อนชีวิต และสิ่งที่ตอบแทนกลับมามีเพียงบ้านซ่อมซ่อกับรถเก่า ๆ หนึ่งคัน
“มันต้องมีสิ เงินมันต้องมีอีก พี่วิทย์ต้องแอบอะไรสักอย่างไว้ให้ยัยไอลีนแน่ ๆ”
แม้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่สู้ดี แต่ใจลึก ๆ เชื่อว่าสุวิทย์ น่าจะทิ้งอะไรไว้ให้ไอลีนบ้าง และไม่ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร ในฐานะผู้หญิงที่เสียเวลาไปกับครอบครัวนี้ เธอควรได้รับมากกว่าที่เป็นอยู่
ตั้งแต่สามีตาย พอจัดงานศพเรียบร้อย วีรวรรณก็รีบเคลียร์ธุรกรรมต่าง ๆ ส่วนไอลีนยังคงใช้ชีวิตปกติ คือไปเรียนมหาวิทยาลัย และกลับบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากจะไม่มีทีท่าเสียใจกับการจากไปของพ่อแล้ว เธอก็ไม่มีทีท่าจะทำตัวรวยขึ้นแต่อย่างใด วีรวรรณพยายามจับพิรุธมาตลอดสองสัปดาห์ แต่ไม่เจอเลยสักนิดเดียว
Rrrrrr
Rrrr
เบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ แต่เธอจำเลขหมายได้ หัวใจสั่นกลัวเกิดความกังวลที่จะรับสาย แต่ไม่รับก็ไม่ได้
[สวัสดีครับคุณวี]
“โทรมาอีกแล้วเหรอ คุณเฟยจะให้เวลาฉันเสียใจหน่อยไม่ได้เลยเหรอ สามีเสียทั้งคนนะคะ”
[เลยดิวมาห้าวันแล้วครับคุณผู้หญิง ทาง AK CAPITAL ของเราต้องขอเข้าเร่งรัด…เอ่อ ขออภัยครับ ขอไปเยี่ยมลูกค้าที่บ้านนะครับ]
“อย่านะ อย่ามา บ้านฉันสามีเพิ่งตาย ถ้ามีผู้ชายเข้าบ้าน ฉันต้องเสียหายแน่ ๆ ดีไม่ดี…มรดกที่ได้มาก็อาจโดนยึดคืนก็ได้นะ”
[มรดก…มีจริงสินะครับ]
“ฉันจะเอาบ้านไปจำนอง”
[มายื่นกับทางเราได้เลยครับ]
“หึ! บริการดีขึ้นมาเลยนะ”
[เราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปรับเอกสารบ้านนะครับ]
“นี่!”
ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…
วีรวรรณพยายามดิ้นรนเพื่อหาเงินมาปลดหนี้ส่วนตัวของเธอ หนี้ที่เกิดจากการหยิบยืมชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อเล่นพนัน และมันพอกพูนทบต้นทบดอก แม้จะชดใช้อยู่บ้าง แต่พอเห็นว่าเครดิตยังเหลือ ใจก็อยากกู้เพิ่ม เพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง
เมื่อหนี้นอกระบบ ถูกยกเข้ามาในระบบการเงินที่มีมาตรฐานและอัตราดอกเบี้ยชัดเจนแต่เรตสูงกว่าธนาคารทั่วไปและปล่อยกู้ให้ง่าย เพียงแค่มีคนค้ำประกัน แต่เพราะคนค้ำตายแล้ว และผู้กู้ก็คงไม่มีรายได้ทางใดอีก บริษัทเงินกู้จึงโทรมาเร่งรัดหนี้สินตามหน้าที่
ดังนั้นทุก ๆ วัน ตั้งแต่สามีจากไป เธอจะพยายามรื้อค้นตามหาอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นเอกสาร สมุดบัญชี อาจเป็นเงินสด ทองคำแท่ง หรืออะไรก็ได้
“มันต้องมีสิ...พี่วิทย์ ทำงานมา 40 กว่าปี จะไม่มีได้ไง”
----
ภายในรถเก๋งญี่ปุ่นสีขาวคันเล็ก เสียงเพลงวัยรุ่นดังคลอ
“เบื่อรถติดจัง” ไอลีนพูดคนเดียว กว่าจะขับรถถึงหอพักก็กินเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง
เมื่อถึงที่หมาย กระเป๋าลากและข้าวของพะรุงพะรังถูกยกทั้งหมดเพราะหวังจะขึ้นลงเพียงรอบเดียว แม้ร่างกายจะบอกว่าทุกอย่างมันหนักเกินไป แต่จิตใจเธอเปี่ยมด้วยพลัง
“ฮึบ!”
ห้อง 403 ของหอพักเอกชน ไอลีนอยู่คนเดียว เธอพยายามใช้ชีวิตปกติให้มากที่สุด หลังจากพ่อจากไป แต่เมื่อออกห่างจากบ้านเมื่อไร หญิงสาวต้องเปิดคอมทำงาน และค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ทันที
‘แปลนบ้าน หมู่บ้านเศรษฐ์ทินกร’
‘พื้นที่ลับสำหรับซ่อนของ’
‘คนยุค 60 ชอบเก็บเงินที่ไหน’
‘วิธีซ่อนเงินสด’
และคนที่จุดประเด็นนี้ให้ไอลีนต้องมานั่งค้นหา ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิต ที่ทำให้เธอมองโลกแห่งความรักว่าจอมปลอมเหลือเกิน
“พ่ออาจตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แต่เงินที่พ่อเตรียมไว้ให้ ลูกต้องดูแลดี ๆ นะ อย่าฟุ้งเฟ้อ…ฮึก! แค่ก แค่ก แค่ก!”
จู่ ๆ พ่อก็ไอถี่จนทรวงอกยุบ ถูกพาส่งโรงพยาบาล คำศัพท์บอกอาการที่ฟังไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าต้องเฝ้าดูอาการในห้องปลอดเชื้อ และเพียงข้ามคืน เขาก็เสียชีวิต
ไอลีนโกรธ…
โกรธที่พ่อคว้าน้องสาวแม่มาเป็นเมีย
โกรธที่แม่เลี้ยงไม่ได้รักเธอ ทั้งที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็ก ทำไมไม่เห็นว่าเธอเป็นลูกจริง ๆ นะ เธอเป็นเด็กไม่ดีเหรอ
โกรธที่ของในบ้านทุกอย่างเป็นชื่อแม่เลี้ยงหมด ดังนั้นต่อให้พ่อไม่ตาย ก็ไม่มีอะไรที่เป็นของเธออยู่ดี แม้เป็นลูกแท้ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเป็นคนที่มาขออยู่อาศัย
และในช่วงสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่
พ่อก็ทิ้งปัญหาอันน่าปวดหัวไว้
เธอโกรธ…เพราะตลอดเวลาที่เติบโตมา พ่อไม่เคยทำหน้าที่อบรมสั่งสอน แต่ดันมาพร่ำพูดถึงการประหยัด แทนที่จะบอกว่าเงินอยู่ไหน อย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่า การเป็นลูกของพ่อ มันก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
ทำไม ไม่พูดให้จบก่อน ฮะพ่อ!!!!