ตอนที่ 4 ความบ้าของเธอและเขา
.
.
.
ลำแขนแข็งแรงเอื้อมไปหา คนตัวเล็กพยายามขดตัวเพื่อหลบ เธอแทบแบนราบไปกับประตูรถยนต์ ปลายนิ้วชายหนุ่มค่อย ๆ คีบเส้นใยสีเทาขึ้นมาชูต่อหน้า ส่งสายตาปนคำถามมาให้
“ใช่!” เธอตอบ
ผู้ชายในรถสองคนทำเสียงเหมือนกัน ทั้งคู่ต่างก็หายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนลมออกช้า ๆ คล้ายกับความตึงเครียดได้ผ่านไปแล้ว
“ดี ถ้าอย่างนั้นเราจะได้ไม่ต้องพาเธอไปตรวจ หรือเธออยากไปพบหมอเพื่อบำบัดหน่อยมั้ย ดวงตาแดงก่ำ ร้องไห้เหรอ ความเสียใจอาจนำมาซึ่งภาวะปิดกั้นตัวตนหรือเธออาจเป็นซึมเศร้าก็ได้นะ”
“เลิกพูดว่าจะพาฉันไปหาหมอเสียที คุณเป็นใครกันแน่ ตามฉันไปทำไมทุกที่เลย แถมยังลักพาตัวอีก นี่มันไม่ปกตินะ”
พอไอลีนพูด คนโตเลยหันตัวกลับไปนั่งดี ๆ เขาพิงหลังไปกับเบาะหนังสีแดงเลือดหมู มือพาดเท้ากับที่วางด้านข้างที่เปิดกั้นกลางระหว่างเธอกับเขาทันที เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่แต่ไม่ติดกระดุมให้เรียบร้อยจนเผยเห็นอกกว้างอวดรอยสักที่รกหูรกตาหญิงสาว นาฬิกาเรือนหนาล้อมรอบข้อมือแข็งแรงที่เธอมองเห็นเส้นเลือดปูดโปน พอเขาขยับตัว เธอก็ขยับตามด้วยความกังวลใจ
“ยังไงก็ตาม เธอไม่ควรอยู่คนเดียว”
“ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว” เธอพูดกลับทันควัน เพราะสัญชาตญาณบอกว่าอย่าเปิดช่องให้คนคนนี้รู้ว่าเธอโดดเดี่ยว เขาอาจทำมิดีมิร้ายหรืออาจรุนแรงไปถึงการฆ่าแกงกันก็ได้
“ฉันชื่อโรม” เขาพูด แล้วปรายตามองอีกฝ่าย
“........”
“ส่วนเธอคือไอลีนใช่มั้ย” เขาพูดเอง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบอะไร
ชายหนุ่มยื่นนามบัตรกับซองเอกสารสีน้ำตาลให้
“อะไร!?”
“อ่านซะ”
เมื่อไอลีนกวาดสายตาไล่อ่านตั้งแต่หัวข้อไปจนถึงบรรทัดสุดท้าย สัญญากู้ยืมเงิน 1 ล้านบาทของแม่เลี้ยงกับบริษัท AK Capital เธอจึงพลิกนามบัตรมาดู...
“เป็นไง” เขายกยิ้มมุมปาก สะใจที่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้บ้าง
“คุณเป็นเจ้าของบริษัทนี้เหรอ”
“ใช่ เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมฉันรู้จักเธอ”
หญิงสาวหลุบตามองพื้นรถ แล้วกลับมามองใบหน้าด้านข้างของผู้ชายที่มีตำแหน่งใหญ่โต เจ้าของนามบัตรหรูหรานี่
“อ่านไม่ได้ รถมันเคลื่อน” เธอตอบเขา
อคิราห์หันขวับ ความไม่พอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าเย็นชา แต่ภายในนั้นชื่นชอบยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ เธอฉลาดและพยายามเอาตัวรอดอยู่สินะ
“จอด” เขาสั่งเฟย
รถเทียบฟุตบาท ไอลีนหยิบกระดาษออกจากซองเอกสารสีน้ำตาลอีกครั้ง แล้วนั่งถอยเบียดกับประตูรถ ยกเอกสารขึ้นมาตรงระดับเดียวกับหน้าต่างหวังให้แสงส่องจะได้เห็นชัด
อคิราห์เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้าง จิตใจปลอดโปร่งโล่งสบาย จึงหยิบบุหรี่ออกมาจากที่วางประจำ
ไอลีนเหลือบมองพฤติกรรมของเจ้านายกับลูกน้อง
“ปลดล็อกรถที” เขาสั่งเฟย เพราะอยากลงไปสูบบุหรี่
“ครับ”
กริก!
ประตูรถสองบานเปิดออกพร้อมกัน แต่คนที่อยู่ฝั่งริมถนน ไม่สนใจว่ารถเลนอื่นจะแล่นเร็วแค่ไหน ไอลีนมองไปที่ฝั่งตรงข้าม แล้ววิ่งทั้งเท้าเปล่าหลบหลีกรถที่กำลังแล่นไปในทิศทางเดียวกัน ไปถึงเกาะกลางถนนแล้วปีนข้ามแบริเออร์คอนกรีตสูงเกือบเมตรที่ตั้งเรียงคั่นด้วยดงกระถางเฟื่องฟ้าประดับถนนให้สวยงาม
เสื้อเปิดเลิกขึ้น หัวเข่าครูดไปกับสิ่งขวางกั้น หญิงสาวหันมามองเห็นว่าพวกนั้นไม่วิ่งตาม แต่เธอก็ยังตัดสินใจปีนข้ามไป รถทั้งหลายที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับซีนหญิงวัยรุ่นวิ่งเท้าเปล่าข้ามถนน ต่างบีบแตรและเบรกเป็นระยะจนเสียงเอี๊ยดดังก้องไปทั่ว สุดท้ายร่างเล็กปรากฏอยู่อีกฝั่งของถนน 8 เลน ปล่อยให้ชายหนุ่มตัวโตหน้าเหี้ยมที่ปากยังคาบบุหรี่ ยืนมองเธอจากฟุตบาทคนละฝั่ง ส่วนลูกน้องในรถนั้นได้แต่ตกใจกับการกระทำอันสุ่มเสี่ยงของไอลีน
“เอาไงต่อดีครับ”
“อยากมีชีวิต ก็ดีกว่าอยากตาย ปล่อยเธอไป” อคิราห์แสยะยิ้ม
.
.
เวลาผ่านไป 30 นาที รถหรูสีดำขับเข้ามาเทียบที่หน้าจุดจอดรถแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มเปิดประตูเดินลงไปอย่างช้า ๆ เพื่อเข้าหาอีกฝ่ายที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาท่าทีหมดอาลัยตายอยาก
“นั่งทำอะไร” เขาถาม
“รอรถเมล์ฟรี นี่จะบ้าตามมาทำไม เห็น ๆ อยู่คนทำสัญญาอายุห้าสิบกว่า ฉันเพิ่งจะยี่สิบสอง มันใกล้เคียงกันตรงไหน จะจับลูกหนี้ ก็จับให้ถูกคนหน่อยค่ะคุณน้า”
ชายหนุ่มเดินมานั่งตรงหน้าเธอ เพราะเขานั่งยอง ๆ จนเห็นว่าหัวรองเท้าหนังนั้นครูดกับผิวฟุตบาทจนเป็นรอย ผมสีดำตรงเส้นหนากำลังขยับจนรู้สึกถึงความนุ่มน่าจับ
“เด็กน้อย อ่านเอกสารชัดเจนมั้ย หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทายาทโดยธรรม จะต้องรับผิดชอบแทน”
“ฉันไม่ใช่ทายาทของคุณแม่”
“หึหึ!” เขาหัวเราะ
“ฉันน่ะ พ่อแม่ตายหมดแล้วค่ะ คนนั้นเป็นแม่เลี้ยง ไม่ได้รักขนาดที่จะมายอมตายแทนได้ รบกวนคุณน้าไปหาคนชดใช้ให้ถูกคนเถอะค่ะ”
“แต่ตามกฎหมาย เธอเป็นลูกสาวของคุณวีรวรรณ ไม่เห็นเอกสารแนบท้ายสัญญาหรือไง
ไอลีน เธอสวยและดูน่าจะฉลาดด้วย ตัวหนังสือไม่กี่บรรทัด ก็อ่านไม่หมดเหรอ แล้ววิ่งหนีมาแบบนี้...”
เขาจับข้อเท้าเธอขึ้นมา แล้วใช้มือปัดเศษดินเศษหินที่ฝ่าเท้าออกให้ สายตาคมกริบยังคงมองสะกดอีกฝ่าย ทุกถ้อยคำและการแสดงออก ไม่ใช่ความใจดีหรืออบอุ่น แต่เป็นการทำดีอย่างเลือดเย็น
“แม่มีบ้าน ให้เขาขายบ้านให้สิคะ” เธอพูด แล้วชักเท้ากลับ แต่ร่างกายไม่เชื่อฟังสักนิด เรี่ยวแรงของเธอไม่อาจสู้กับข้อมือใหญ่ที่กำข้อเท้าเล็กไว้ได้รอบ
“บ้านนั่นน่ะ ขายได้มากกว่าล้านหนึ่งอยู่แล้ว” เธอย้ำมูลค่ากับเขา
“หึหึ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะในลำคอ แม่ง แย่ชะมัด พาออกมาตัวเปล่า รองเท้าก็ไม่มี โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ โดนใครที่ไหนก็ไม่รู้มาทำตัวว่ารู้จักกัน โรคจิตมาก เกลียดชีวิตแบบนี้จริง ๆ”
คำด่าลอย ๆ แต่กระแทกใส่หน้าคนโต
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน พร้อมยกขาเธอให้สูงขึ้นตามไปด้วย
“ปล่อยนะ!” ไอลีนมองไปด้านหลัง แม้จะเป็นจุดนั่งรอเรียกรถ แต่มันก็ว่างเปล่า สิ่งก่อสร้างนี้มีแค่เก้าอี้กับหลังคาที่ตั้งบนสองเสาหลักเท่านั้น ไร้ซึ่งผนังหรือกำแพงด้านหลัง
“ใครเห็นก็คงนึกว่าเป็นฉากคนรักทะเลาะกัน” เขาพูดพลางหัวเราะยั่วอีกฝ่ายให้ส่งเสียงดังอีกได้เลย เพราะเขาไม่กลัวสักนิด
“ข้อเท้าเล็ก ๆ นี่ บิดทีเดียวก็หักแล้ว” อคิราห์แกล้งทำท่าจะหักขาให้เธอขนลุกเล่น
“ถ้าขาหัก ฉันจะฆ่าคุณ” แต่อีกฝ่ายไม่กลัวเขา
“ไอลีน ใจเย็นหน่อย แล้วคุณมาคุยกับผมดี ๆ เพราะผมอยากคุย”
รถเมล์ รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ รถสามล้อ และรถอีกหลายประเภท ต่างขับ ๆ หยุด ๆ ตามแต่สัญญาณไฟจราจรจะบอกว่าให้พวกเขาทำอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทำเหมือนกัน คือมองสองคนที่อยู่ป้ายรถ...จุดจอดแท็กซี่อัจฉริยะ ที่ไม่มีใครใช้มาแรมปีแล้ว
“นั่งรอรถเมล์ ก็นั่งให้ถูกที่สิ” เขาพูดอีก
“........” ไอลีนยิ่งหน้าแดงไปกันใหญ่ เมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดกับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้
“ว่าไงครับ จะนั่งอ้าขาอยู่ตรงนี้ หรือไปกับผมดี ๆ ที่ในรถ”
“ฮือ...บ้าจริง ๆ” เธอแสร้งร้องไห้ออกมาอย่างประชดประชัน
“กางเกงในเธอ...แฉะเหรอ” เขาส่งสายตามองลอดช่องว่างของกางเกงขาสั้นที่เธอสวมอยู่
“นี่! จะบ้าเหรอคะ ใครเขา...”
“ไปเถอะครับ ผมสุภาพที่สุดแล้ว อย่าให้ถึงขนาดต้องอุ้มเลย”
“อุ้มค่ะ คุณต้องอุ้ม ฉันเจ็บเท้า”
อคิราห์มองกลับไปที่ริมถนน เห็นผู้คนกำลังแอบเหลือบมองพวกเขาอยู่ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขา ชายหนุ่มกำลังมองหารถตัวเอง และมือถือดังขึ้น
[เจ้านายครับ ผมโดนตำรวจไล่ให้ไปจอดที่อื่น ตอนนี้ผมอยู่ตรงตึกธนาคารสีม่วงครับ] คำพูดของเฟย ทำให้รู้ว่าเขาต้องเป็นคนออกแรงเคลื่อนย้ายเด็กคนนี้เอง
“ขี่หลัง” เขาพูดพลางขยำบุหรี่ด้วยวิธีกำมือดับมันแล้วป่นจนละเอียดโปรยลงบนบาทวิถี ลมพัดปลิวเอาเศษซากลอยไป คนตัวโตค่อย ๆ นั่งหันหลังให้
“มันคงดูโรแมนติก ที่ผู้ชายตามมาง้อแฟนของเขา แล้วพาขี่หลัง” ชายหนุ่มบรรยายการกระทำของตัวเอง ทำเอาไอลีนอายหน้าแดงไปหมด
“เชื่อเลยว่าฉันต้องไปอยู่ในคลิปเด็ดวันนี้” เขาพูดเบา ๆ และคนตัวเล็กก็เห็นด้วย ยุคนี้ไม่ว่าใครจะทำอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่จะมีใครมาขออนุญาตกันอีกแล้ว ร่างเล็กสูงแค่ร้อยหกสิบนิด ๆ กับชายหนุ่มที่ตัวสูงร้อยแปดสิบกว่ากับท่าขี่หลังเดินริมฟุตบาท คงกลายเป็นคอนเทนต์น่ารักสุดโรมานซ์ ยิ่งคิดตามที่เขาพูด คนตัวเล็กก็ยิ่งอายสายตาประชาชน
“อยากจะซบหน้าลงที่ฉันก็ได้นะ ไม่ถือ”
“อยากจะบ้าตายมากกว่า” เธอบ่นงุบงิบ แต่ก็ฟุบหน้าลงเกรงว่าจะมีใครแอบถ่ายคลิปไปลงในโซเชียล
สองคนคุยกันแบบไม่เห็นหน้า แต่เสียงชัดเจนเพราะอยู่ใกล้ชิด และใบหน้าเล็กของหญิงสาวกำลังซบแบบตะแคงข้าง หันริมฝีปากไปทางแก้มชายหนุ่ม สายตาเธอเองเริ่มมองลำคอและไรผม ไปจนถึงกรอบหน้าด้านข้างของคนชื่อ อคิราห์ อย่างพิจารณา
“ฉันรู้ว่าแม่เธอมีบ้าน” เขาเอ่ยขึ้นระหว่างย่างเท้าเดินไปเรื่อย ๆ
“บอกว่าไม่ใช่แม่”
“ฉันพูดตามเอกสาร”
“.......” หญิงสาวเม้มปากแน่น เขาพูดถูก
“คุณรู้ว่าแม่มีบ้าน ก็ให้เขาขายซะสิ” เธอพูด
“แต่ถ้าขายบ้านหลังนั้นแล้ว เธอจะไม่เสียใจเหรอ” เขาถาม
“ฉัน...”
“เธอคงต้องการบ้านหลังนั้น”
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“เพราะอย่างไรแล้ว ไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นอย่างไร...”
“อย่ามาเทศนาเรื่องที่คุณไม่เข้าใจ”
“ฟังให้จบก่อนได้มั้ย เธอเป็นโรคชอบตัดบทชาวบ้านเหรอ”
“ก็...”
“ฉันจะบอกว่า ต่อให้พ่อแม่จะดีจะเลวแค่ไหน แต่ถ้าเขาทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ เราก็ต้องเอามาใช้ให้หมดสิ เรื่องอะไรจะต้องหนีออกมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากคนเดียว ต้องมายืนร้องไห้ที่ระเบียง แถมยังมาโดนฝุ่นหยากไย่หล่นใส่อีก”
คนตัวเล็กถอนหายใจ ขี้เกียจอธิบาย ไม่รู้ทำไมสายตาผู้ชายคนนี้ถึงมองว่าเธอกำลังดราม่าอยู่ที่ระเบียงห้องตัวเองทั้งที่ไม่ใช่แบบนั้นสักนิด แต่ถ้ามองข้ามเรื่องงี่เง่านั่นไป เขาพูดถูกราวกับรู้ว่าความสัมพันธ์ในบ้านเธอเป็นอย่างไร
“ฉันต้องการเงินที่คุณวีรวรรณยืมไปคืนมา ส่วนเธอ...ควรกลับเข้าไปในบ้านนั้น ไปตามหาอะไรก็ตามที่พ่อเธอทิ้งไว้ให้”
“คุณรู้ได้ไง!?”
“เพราะฉันต้องการเงินของฉัน ฉันจะรู้ทุกอย่าง”
“แล้วทำไมคุณต้องช่วยฉันล่ะ แค่เงินนั่นเหรอ หรือเพราะ...”
“อ่อ ตัดเรื่องบทรักแรกพบที่ร้านกาแฟนั่นทิ้งได้เลยนะ ฉันแค่อยากจะเจรจาธุรกิจ แต่เธอดันเครซี่มาก”
“แล้วเพราะอะไรคะ พูดมาก่อนสิ ฉันจะได้คิดอย่างรอบคอบ”
“สิบห้าเปอร์เซ็นต์”
“คะ!?”
“นอกจากหนี้ที่ผู้หญิงคนนั้นยืมไป รวมดอกเบี้ยที่ค้างไว้ทั้งหมด หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ฉันต้องการส่วนแบ่งสิบห้าเปอร์เซ็นต์จากสิ่งที่เธอได้ แต่ถ้ามันเล็กน้อยมากแบบว่าไม่ถึงหนึ่งล้านบาท ฉันขอครึ่งหนึ่ง”
“โห!!!”
“เธอทำไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีฉันช่วยน่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ถ้าฉันจะสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นขายบ้าน เขาก็ต้องขายอยู่แล้ว แต่ที่ทำแบบนี้ ก็เพราะฉันเป็นคนดีไงล่ะ”
“เหอะ!? คนดีเหรอคะ”
“คนดีสิ ฉันตรงไปตรงมา จะเอาอะไรฉันก็พูด ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหลอก เพราะถ้าฉันจะทำเรื่องพวกนั้นเองทั้งหมดก็ทำได้ แต่ฉันเป็นคนมีจริยธรรม”
“ฟังแล้วน่าเชื่อถือมากเลยค่ะ” เธอประชด
“ฉันชอบเธอนะ นึกว่าจะเป็นคุณหนูเงียบ ๆ ไม่สู้ใคร แต่ปากเก่งใช้ได้นี่”
“ฉันรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด”
“บ้านนั้น ถ้าประกาศขายถูก ๆ แค่สัก สิบล้าน คนก็แห่มาซื้อแล้ว เธอก็จะชวดโอกาสตามหาขุมทรัพย์ที่พ่อฝังไว้ ฉันน่ะมีหมดนะ อุปกรณ์สำหรับตรวจหาข้าวของมีค่าตามกำแพง ตามพื้นดิน
แต่ถ้าเราร่วมมือกัน หาสมบัตินั่นให้เจอ จากนั้นฉันได้ส่วนแบ่ง แล้วเราก็ประกาศขายบ้าน ฉันก็เอายอดหนี้ที่เหลือมาจากคุณวีรวรรณ หลังจากนั้นแยกย้าย โอเคดีมั้ยล่ะคุณหนู”
“........” ไอลีนกำลังฟังดีลน่าสนใจนี้
“ฉันให้เวลาเธอคิดแค่...5...4...3...2...1...”
“ตกลงค่ะ!”
“หึหึ! เก่งมาก รู้จักเลือกได้ดี”
เขาจับที่เปิดประตูรถ แล้วค่อย ๆ หย่อนคนตัวเล็กเข้าไปช้า ๆ ร่างสูงคร่อมอยู่เหนือกายเธอ แล้วจับมือที่กำลังโอบล้อมลำคอเขา
ผิวนุ่มมือถูกแตะต้องอย่างเผลอไผล สายตาทอดมองคนที่หงายตัวลงไปกับเบาะหนัง เส้นผมหยักศกยาวถึงกลางหลังกำลังกระจายเต็มพื้นที่ เสื้อนักศึกษาเผยเห็นเนื้อผิวขาวเนียนผ่านสาบเสื้อ และผ้าบางนั้นก็ทำให้เห็นชุดชั้นในที่ไม่ช่วยปกปิดขนาดหน้าอก เขามองลงมาถึงต้นขาสวยของเธอที่กำลังเปิดเผย หัวเข่าแดงเพราะคงเสียดสีกับปูนที่เกาะกลางถนนนั่นทำเอาอคิราห์เริ่มคิดไปในทางอื่น
“สวยด้วย ฉลาดด้วย เป็นคุณสมบัติที่ดี”
“แล้วฉันต้องทำยังไงคะ” เธอถามเขาที่ยืนอยู่นอกตัวรถ
“อันดับแรก เธอควรลุกนั่งก่อนที่ตำรวจจะมาไล่ที่เราอีกรอบ” เขาพูดเสียงเรียบนิ่งเหมือนไม่สนใจอะไร แต่ในหัวกำลังเตลิดกับเรือนร่างสาววัยกระเตาะน่ากิน แถมยังเป็นคนที่ดูท่าจะมีเงินถุงเงินถัง ยิ่งทำให้กลิ่นหอมหวานเซ็กซี่ของ Money ออกมากระทบโสตประสาท
อคิราห์หย่อนก้นลงนั่งที่ตำแหน่งของตัวเอง
“คืนนี้นอนบ้านฉัน เฟย ออกรถ”
“ครับเจ้านาย”