ตอนที่ 1 ทรงนี้ขอบาย
.
.
.
คืนหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ผู้คนต่างหลับใหล รถยนต์สีดำคันใหญ่เคลื่อนตัวมาจอดห่างจากบ้านของเป้าหมาย เครื่องยนต์เสียงเงียบ และแสงไฟหน้ารถดับลง
“นายครับ” เสียงเรียกของคนรู้งาน เอ่ยขึ้นด้วยความยำเกรงเพื่อให้เจ้านายได้มองดูภาพเดียวกับที่เขากำลังมองอยู่
“นั่นมันอะไร” คำถามจากคนนั่งด้านหลัง ต้องการคำอธิบายเมื่อภาพตรงหน้า ไม่ช่วยให้สบายใจสักเท่าไร
“เอาไงดีครับ”
“ลงไปช่วย” เขาสั่งสั้น ๆ
“ไปด้วยกันมั้ยครับ” ลูกน้องหันมาถาม
“เฟย” น้ำเสียงลากลงต่ำ พอ ๆ กับชีพจรของคนถามที่วูบลงเมื่อสบตาเจ้านาย แล้วคนขับก็ปฏิบัติตามทันที
โรม อคิราห์ ชายไทยแท้รูปร่างสูงกำยำ หน้าตาและผิวพรรณ ไม่ได้บ่งบอกว่ามาจากตระกูลเก่าแก่หรือมีเชื้อผู้ดี หากแต่เติบโตมาอย่างกระเสือกกระสนในครอบครัวที่ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ จากนอกระบบเข้าสู่โครงสร้างมาตรฐานตามกฎหมายที่ประเทศนี้ต้องการ
เขาเองก็เคยเป็นพนักงานกินเงินเดือนมาก่อน แต่ชีวิตไม่เป็นดังหวัง สุดท้ายก็กลับมาซบอกครอบครัว และรับช่วงธุรกิจต่อ เป็นหกปีที่เขาได้สั่งสมอำนาจและสร้างอาณาจักรของครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
สายตาดุจพญาอินทรี มองหญิงชราที่กำลังได้รับความช่วยเหลือจากลูกน้องของเขา เธอมีดวงตาเหนื่อยล้าและตื่นกลัวผสมปนเป คงเพราะกังวลว่าจะหนีเสือปะจระเข้ แต่ว่า คนอย่างอคิราห์ มีศักดิ์ศรีมากพอ
เขาไม่ทำร้ายใครอย่างไม่มีเหตุผล
ก๊อก ก๊อก
เฟย มือขวารั้งตำแหน่งผู้ช่วย เคาะกระจกเรียกเจ้านาย
ชายหนุ่มวัยใกล้ 30 ปี ใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ขัน เพียงดันบานประตูรถหรูออก รองเท้าหนังมันเงาเหยียบพื้นถนน ครู่เดียวฝุ่นก็ปลิวมาติด
ร่างสูงก้าวลงมายืนตรงหน้าหญิงสูงวัย ความกลัวลานทำเธอปากคอสั่น ยกมือไหว้
“เกิดอะไรขึ้นครับ” แววตาเรียบนิ่งกับเสียงเรียบเย็นเอ่ยถาม คนได้รับความช่วยเหลือสัมผัสถึงมวลบรรยากาศรอบตัวได้หลายอย่าง แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่การแสดงความห่วงใย
“คะ...คะ...คือว่า...ช่วยป้าด้วยค่ะ”
เรื่องราวมากมายเอ่ยจากปากหญิงวัยหกสิบกว่า และทุกคำพูดนั้นมีคนขับรถคนสนิทของเขาพยักหน้าตอบรับ เพื่อบอกว่าความจริงที่ได้ยินสอดคล้องกับข้อมูลที่มี
“ไปอยู่กับผมสักระยะแล้วกัน จนกว่าเรื่องจะเงียบ” เขาพูดพลางยกยิ้มให้คนที่เริ่มมีประโยชน์
“แล้ววันนี้เอายังไงดีครับ” เฟยถามเจ้านาย
“ถ้ากินมื้อหลักได้ จานเรียกน้ำย่อยก็ไม่ต้อง” ชายหนุ่มตอบ
“เจ้านายหิวข้าวมั้ยครับ”
ขวับ!
เขามองแรง ทำเฟยวิ่งกลับเข้าประจำที่ ส่วนโรมยืนมองรั้วบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ที่ตอนนี้ไร้ผู้ปกครองแท้จริง มีเพียงแต่นกแร้งที่รอฮุบกัดกินสิ่งที่จะช่วยให้มันรอดพ้นจากความยากจน
ภายในรถแอร์เย็นสะท้าน จนป้าแม่บ้านต้องนั่งลูบไหล่ เธอมองคนขับรถ และแอบชำเลืองดูคนด้านหลัง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย” ไม่รู้จะพูดขอบคุณใครดี แต่ก็ดีกว่าไม่พูด
อคิราห์ยกยิ้มให้คนแก่กว่า จิตใจนึกขอบคุณความเป็นคนมีเมตตาของตัวเอง ทำให้รู้อะไรดี ๆ เกี่ยวกับครอบครัวนี้มากขึ้น
----
-สองสัปดาห์ต่อมา-
เสียงเพลงลอยลม คลอเคล้าไปกับกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟคั่ว ผสมกลิ่นช็อกโกแลต ในคาเฟขนาดใหญ่ที่มีจุดให้นั่งดื่มด่ำมากมายภายใต้หลังคาเรือนกระจกกับเหล่าต้นไม้ประดับที่คัดสรรมาไว้ให้สายถ่ายรูปชอบใจ หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งกำลังอารมณ์ดี ขณะนั่งดื่มกาแฟไป มองดูยอดขายในหน้ารายงานผลของแพลตฟอร์มอีช็อปปิงชื่อดัง
“มอคค่าเย็นค่ะ” พนักงานสาวพูดเบา ๆ ขณะยกแก้ววางลงบนโต๊ะไม้สีเบจ
ไอลีน รินรดา พูลจีรนนท์ สาววัย 22 ปีที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย เธอมักมาใช้สถานที่ของร้านนี้เพื่อนั่งทำงาน เมื่อเห็นคนเข้ามาขัดจังหวะ เธอรีบปิดหน้าต่างข้อมูลในจอคอมลง เงยหน้ามองบริกรสาว แววตาสวยกะพริบปริบ ๆ ด้วยความสงสัยและแปลกใจในคราเดียวกัน
“ฉันได้แล้วค่ะ กินหมดแล้วด้วย” ไอลีนยกยิ้ม ใกล้ ๆ โน้ตบุ๊กของเธอมีแก้วกาแฟที่เหลือแต่น้ำแข็ง กับรอยวงน้ำที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ
“อันนี้แก้วใหม่ค่ะ พอดี...ลูกค้าท่านนั้นเขาสั่งมาให้ค่ะ” เธอพูด แล้วชี้ไปที่ทางออกร้าน ไอลีนรีบมองตาม
ที่ด้านนอก บริเวณริมฟุตบาท มีทั้งกระถางต้นไม้ที่ประดับตกแต่งของทางร้าน และยังมีคนเดินขวักไขว่ไปมา แม้พนักงานสาวจะพยายามชี้ให้เห็นว่าเป็นใคร แต่จนแล้วจนรอดไอลีนก็ไม่พบผู้มีน้ำใจ
“สงสัยไปแล้วแน่เลย” พนักงานพยายามช่วยหนุ่มที่เลี้ยงกาแฟสาว ไม่คิดว่าเขาจะชิ่งออกจากร้านไปแล้ว
นั่นคือวันแรก และหากไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นซ้ำติดต่อกันในวันต่อมา เธอก็คงไม่คิดว่ามันประหลาด
“วันนี้ก็ด้วยเหรอคะ” ไอลีนรีบมองไปหน้าร้านทันที ชักไม่น่าไว้วางใจ ต้องย้ายร้านแล้วล่ะ
“เอ่อคือว่า...” บริกรสาวได้แต่อมยิ้ม เห็นลูกค้าวางปลายนิ้วเล็กเรียงตัว ยื่นหน้าไปเกาะติดกระจกบานใส แต่เธอก็ไม่กล้าขัด เพราะเหมือนไอลีนจะพยายามตามหาตัวคนที่เลี้ยงกาแฟให้ได้
ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกได้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นคนน่ารักและมีเสน่ห์ ยามเธอทำหน้าจริงจังมองจอโน้ตบุ๊กแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม ทำเอาหลายคนถูกดึงดูดให้ต้องมอง และอาจเพราะเธอมีทรงผมโดดเด่นด้วยเส้นสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลัง หยักศกเป็นคลื่นสวยไม่รุงรัง ท่าทางภายนอกเหมือนวัยรุ่นนักเที่ยวคาเฟ แต่กลับมุ่งมั่นอยู่กับงานไม่สนใจใคร ทำให้ความแตกต่างเหล่านั้นยิ่งตราตรึงใจคนพบเห็น
“คือว่า...” บริกรสาวยังไม่กล้าพูด
“มองหาผมอยู่เหรอครับ”
เนื้อเสียงหนาฟังดูหนักแน่น มีแววน่ากลัวด้วยอำนาจบางอย่าง แต่เพราะเขาลงท้ายว่าครับ ทำให้คนฟังพอสงบใจได้ ไอลีนจึงค่อย ๆ หันกลับเข้ามาในร้าน และเมื่อเห็นคนตรงหน้า เธอได้แต่ประหลาดใจ
เดี๋ยวนะ ทรงนี้เหรอที่มาเลี้ยงกาแฟฉัน
คุณคะนี่คาเฟนะ...ร้านเหล้ายังไม่เปิดค่ะ
“.........”
เห็นรอยยิ้มของฝ่ายชายทักทายหญิงที่เขาสนใจ พนักงานสาวรีบถอยหลังออกไปจากวงสนทนาที่เธอรับรู้ได้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ จะมีคนโดนจีบแล้ว จีบในร้านเธอเลยล่ะ พ่อหนุ่มมอคค่ากับสาวแม่ค้าออนไลน์
ฝันสลายในพริบตา นึกว่ามีหนุ่มออฟฟิศมาจีบ
แม้ไม่อยากตัดสินใครที่ภายนอก แต่ว่า
เขาต้อง 30 อัป แถมยังดูเถื่อนมาก
ฉันเห็นรอยสักที่กลางอกเขาด้วย
แล้วสวมเสื้ออะไร เป็นเพลย์บอยเหรอ
ไปสถานีหน้าเลยค่ะคุณน้า
ฉันไม่เอานะ ไม่ชอบแบบนี้
ไอลีนยิ้มแหย ๆ ส่งให้
“ขอโทษนะคะ ที่มองหาเมื่อกี้เพราะอยากขอบคุณเรื่องกาแฟค่ะ”
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย แต่เมื่อวานนี้พอดีติดธุระเลยต้องรีบออกไป วันนี้เลยกลับมาใหม่ คุณพอมีเวลา…”
“อ่า โทษทีนะคะ ฉันมี Passive Income แล้ว” เธอตัดบท
“หึ! คิดว่าผมชวนทำ Your way เหรอ” เขาพ่นลมหายใจปนเสียงหัวเราะออกมา
“อ่าแล้วก็ไม่ได้จะอยากเปลี่ยนศาสนาค่ะ” ไอลีนหาคำมาปฏิเสธ ในชีวิตที่ผ่านมา หากเธอนั่งทำอะไรอยู่คนเดียว มันก็มีคนไม่กี่ประเภทหรอกที่ชอบเข้ามาหา ถ้าไม่มาจีบ ก็ชวนขายตรง หรือไม่ก็ชวนเข้าเปลี่ยนศาสนา
“เธอนี่น่าสนใจจริง ๆ” น้ำเสียงเรียบเย็น ฟังแล้วรู้สึกขนลุกมากกว่าหวั่นไหวได้ปลื้ม
“เดี๋ยวฉันต้องรีบไปแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ฉันก็ไม่ใช่นักศึกษาไก่กาที่จะมาหลอกกันง่าย ๆ นะ
ไอลีนพยายามทำตัวนิ่ง ๆ แต่มือก็กวาดข้าวของลงกระเป๋า ไม่เคยเก็บของไวขนาดนี้มาก่อน หัวใจเต้นรัว ภาวนาไม่ให้มีอะไรต่อความยาวสาวความยืดต่อกัน
ร่างสูงยืนมองหญิงสาวที่กำลังหนีเขาแบบหัวซุกหัวซุน เขายกยิ้มเอ็นดูอีกฝ่าย
พนักงานร้านยืนมองทั้งคู่ตาค้าง แอบเสียดาย อุตส่าห์ช่วยปูบรรยากาศมาให้ แต่ก็เข้าใจฝ่ายหญิงดี จู่ ๆ โดนรุกเข้าหาแบบนี้ แถมคุณพี่มอคค่าก็ดูโตกว่าเธอเยอะ ยังไม่นับรอยสัก หรือแม้แต่ไรหนวดด้วยเถอะ
“พรุ่งนี้มาใหม่มั้ยคะ” พนักงานสาวเอ่ยถามลูกค้า
“สงสัยเธอคงไม่อยากเจอผมแล้วล่ะ” น้ำเสียงฟังไม่เหมือนคนมีความรักสักเท่าไร แต่เรื่องแบบนี้ใช่ว่าใครจะวินิจฉัยกันได้ง่าย ๆ
เสียงกรุ๊งกริ๊งหน้าประตูดังต่อเนื่อง คนเข้าออกร้านสลับไปมา ชายหนุ่มรอเวลาเพื่อเดินออก เขาโทรเรียกคนขับรถให้มารับ
“เป็นไงครับวันนี้” ชายคนขับเอ่ยถาม
“ไม่เวิร์กเท่าไร” เขาตอบ
“เห็นว่าเธอจะกลับหอแล้วนะครับ” คนขับบอก
“อืม พรุ่งนี้ไปที่มหาลัยกัน” เขาพูดแล้วแสยะยิ้ม