บท
ตั้งค่า

5 บรรยากาศแปลกๆ

เช้าวันถัดมา

“ลั๊ล ลัล ลัล ลัล ลา” ฉันเดินมายังสวนสาธารณะด้วยอารมณ์ที่ดีมากๆ เพื่อเอานมที่แปะโพสอิทกับขนมปังมาวางไว้และไปแอบหลังต้นไม้เหมือนเดิม บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดูหนังเรื่องเดิมซ้ำๆ วนไปวนมา มันน่าเบื่อนะที่ต้องเจออะไรแบบนี้ซ้ำๆ แต่แปลกที่ฉันไม่คิดจะเลิกทำมัน

เหตุผลที่ฉันอารมณ์ดีทั้งๆ ที่อีก 3 วันข้างหน้าฉันมีโอกาสที่จะต้องลาออกคืออะไรน่ะหรอ ก็เมื่อวานเย็นฉันถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เลยนะ ถึงแม้ว่าจะโดนสั่งให้เลิกยุ่งกับชีวิตเขาก็ตามเถอะ แต่เขาพูดกับฉันอ่ะ แถมฉันสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวเขาแล้วไม่โดนทุ่มลงสระน้ำด้วย ฮิฮิ

สักพักใหญ่ๆ รถคันเดิมที่คุ้นตาก็เคลื่อนเข้ามาจอด พร้อมร่างสูงหล่อของตะวันก้าวลงจากรถและเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยที่ไม่แตะต้องของที่ฉันวางไว้ให้เหมือนเดิม แต่วันนี้แปลกไปจากทุกวันหน่อย คือเขามาสายมากจนเกือบจะใกล้เวลาประตูโรงเรียนปิดแล้ว

“สายแล้วนะ เขาจะนั่งอีกนานมั้ยเนี่ย หรือฉันจะไปก่อนดี?” ฉันที่กำลังลังเลกับชีวิต ยืนหันซ้ายทีขวาทีก็หันไปเห็นว่าตะวันลุกออกจาเก้าอี้แล้วเดินตรงไปทางโรงเรียนแล้ว ฉันจึงรีบเดินตามเขาไปติดๆ โดยไม่สนใจว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้ว่าฉันเดินตามเขาอยู่ เนื่องจากตอนนี้มันสายมากแล้ว

เปรี้ยง! เหมือนฟ้าฝ่าลงกลางใจ ฉันมาไม่ทันประตูโรงเรียนเปิด บัดนี้ประตูโรงเรียนได้ปิดลงเป็นที่เรียบร้อย ฉันหยุดยืนขยี้หัวตัวเองอยู่ข้างรั้วโรงเรียน ในขณะที่ตะวันสาวเท้าเดินผ่านฉันไปเพื่อจะเข้าโรงเรียน

หมับ!

ฉันรีบคว้าข้อมือเขาไว้ ทำให้ขาเขาหยุดชะงักและหันมามองหน้าฉันด้วยความสงสัย

“นายจะบ้าหรือไง เดินเข้าไปโต้งๆ แบบนี้ก็โดนทำโทษพอดีน่ะสิ ซื่อบื้อชะมัด” ฉันรีบดึงเขาให้เข้ามาแอบข้างรั้วโรงเรียนด้านหลังฉัน ก่อนจะชะเง้อไปมองที่หน้าโรงเรียนซึ่งมีอาจารย์ฝ่ายปกครองยืนคุมเชิงอยู่

“…” ตะวันไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่ยืนมองฉันด้วยความสงสัยแบบไม่มีที่สิ้นสุด อย่างน้อยๆ ฉันก็ได้ลักษณะการมองแบบใหม่ๆ จากนายเพิ่มมาบ้าง จากตอนแรกมองแบบว่างเปล่า มาเป็นมองแบบเย็นชา และก็มามองแบบสงสัย

“นายมีอะไรอยากจะพูดกับฉันใช่มั้ย? สายตานายมันฟ้อง” ฉันหันไปกอดอกถามเขา เมื่อเห็นว่าเขายังไม่พูดอะไรสักทีนอกจากยืนมองฉันจึงพูดขึ้นต่อ “อยากพูดอะไรก็พูด เลิกวางมาดสักแปปนึงคงไม่ทำให้นายขาดอากาศหายใจตายหรอกมั้ง?”

“หึ!” ฉันได้ยินเหมือนเขาจะหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเขากำลังยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากอยู่ มีมุมแบบนี้ด้วยแฮะ แต่เมื่อเขาเห็นว่าฉันมองอยู่จึงรีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นเย็นชาตามเดิม “ฉันบอกเธอไปแล้วนะเมื่อวาน ว่าให้เลิกยุ่งกับฉัน”

“แต่เมื่อวานฉันก็บอกนายไปแล้วเหมือนกันนะ ว่าฉันทำไม่ได้” ฉันยิ้มน้อยๆ อย่างผู้ชัย มีชัยเรื่องอะไรอันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยิ้มไว้ก่อนอ่ะ

“เธอต้องการอะไรจากฉัน”

“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนาย” เมื่อเขาเปิดโอกาสให้ฉันได้รุกมีหรือฉันจะไม่รับมันไว้ ฉันจึงรีบเผยความในใจทันที ได้พูดสักที เย้~~~~ ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกเรื่อง

“…” นิ่งใส่ฉันซะงั้น ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ อิหยังวะ

“ช่างมันเถอะๆ ถือซะว่าฉันบอกความต้องการให้นายได้รู้แล้วละกัน เอาเป็นว่าตอนนี้เราหาทางเข้าไปในโรงเรียนกันก่อนดีกว่า” ฉันคิดว่าการคาดคั้นเอาคำตอบกับคนอย่างเขาเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ จึงเปลี่ยนเรื่องทันที

“?” เขาไม่ตอบอะไร แต่ทำหน้าสงสัยใส่ฉันแทน

เฮ้ออออ นี่ฉันกำลังคุยกับอะไรอยู่เนี่ย คน ต้นไม้ หรืออากาศ

“ปะ” ทำหน้าเหนื่อยใจใส่เขาเล็กน้อย ฉันก็เดินนำเขาไปยังช่องทางลับหลังโรงเรียนทันที ปกติทางนี้ฉันไม่ค่อยได้ใช้หรอก จะมีช่วงหลังๆ นี่แหละที่ดูซีรีย์ดึกไปหน่อยแล้วชอบตื่นสายจึงจำเป็นต้องมาใช้ เขาไม่ได้พูดหรือถามอะไรแต่ก็เดินตามฉันมาอย่างว่าง่าย เออเว้ย มีโมเม้นแบบนี้ด้วย บทจะว่าง่ายก็ง่ายเฉย

“อ่ะ ถึงละ เดี๋ยวฉันปีนขึ้นไปดูลาดเลาก่อน และพอฉันให้สัญญาณนายค่อยตามฉันขึ้นมาละกันนะ” พูดจบฉันก็ปีนโต๊ะไม้เก่าๆ ที่วางอยู่ข้างรั้วโรงเรียนขึ้นไปชะโงกหน้ามองด้านใน เมื่อเห็นว่าปลอดโปร่งไร้อันตรายใดๆ จึงกระโดดขึ้นไปนั่งบนกำแพง จากนั้นฉันก็กวักมือเรียกให้ตะวันตามขึ้นมา เขาทำหน้าแปลกใจแล้วก็ยืนนิ่งใส่ฉันซะงั้น ฉันจึงต้องเรียกเขาอีกครั้ง “นายมัวทำอะไรอยู่เนี่ย เดี๋ยวอาจารย์คาบแรกจะเข้าสอนแล้วนะ”

เหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกว่าสีหน้าเขาเหมือนกำลังทะเลาะกับตัวเองยังไงยังงั้น พอทะเลาะกับตัวเองเสร็จเขาก็ตัดสินใจปีนขึ้นมานั่งบนกำแพงกับฉัน ฉันจึงส่งสัญญาณด้วยการพยักหน้าให้เขาโดดลงไปก่อน พอเขาโดดลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วฉันจึงค่อยๆ หย่อนขาและกระโดดตามลงไป

ตุบ! พรึบ!

ปกติมันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับฉันเลยนะในการกระโดดกำแพง เพราะกำแพงมันสูงเลยหัวฉันไปหน่อยเดียว แต่ทำไม๊ ทำไมวันนี้ วันที่มีผู้ชายหล่อๆ มาปีนกำแพงด้วยฉันถึงได้โดดลงมาแล้วขาพลิก ทำให้หน้าคะมำแล้วล้มไปทับเขาซะงั้น ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ แอบได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ดมแล้วรู้สึกสมองโล่งอย่างบอกไม่ถูก

ตึกตักๆๆ

อยู่ดีๆ หัวใจฉันมันก็เต้นเร็วขึ้น แต่จะว่าไปไม่น่าจะใช่ของฉันคนเดียว เพราะภายใต้ฝ่ามือฉันที่สัมผัสลงบนหน้าอกเขา รู้สึกได้ว่ามีหัวใจที่เต้นแข่งกับฉันอยู่ หน้าขาวๆ ของตะวันที่ตอนแรกมีแต่ความขาวซีดเหมือนคนไม่มีเลือด ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อที่แก้มทั้ง 2 ข้าง ฉันแอบเห็นว่าดวงตาเขาสั่นระริก และเขาก็แอบกลืนน้ำลายด้วยแหละ

“เอ่อออ…เธอช่วยลุกขึ้นจากตัวฉันก่อนได้ไหม?” เขาพูดขึ้นพร้อมหลบตาฉัน ฉันที่กำลังตื่นเต้นเพราะเห็นปฏิิกิริยาแปลกๆ นั่นก็เลิ่กลั่กแล้วรีบลุกจากตัวเขาพร้อมช่วยดึงเขาให้ลุกขึ้นด้วยทันที

กรี๊ดดดดดด นี่เขากำลังเขินฉันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย พระเจ้า!!! ดวงอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ๆ

“เอ่อออ…ขอโทษนะ” ฉันพูดพลางเอามือปัดๆ เสื้อผ้าให้เขาโดยเฉพาะกางเกงด้านหลัง และเหมือนมือฉันจะดันไปโดนจุดที่ไม่สมควรโดน ทำให้เขารีบละความสนใจจากการปัดเสื้อตัวเองเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกทันที

กรี๊ดดดดดด จับตูดผู้ชาย แถมหล่อด้วย โบ๊ะบ๊ะมากฉัน โอ๊ย! อายๆๆ จะเอาหน้าไปไว้ไหนดีเนี่ย

“…” ถึงกับสตั๊นไปเลยสุดหล่อแสนเย็นชาของฉัน

“ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ” พูดจบฉันก็เดินผ่านเขาไปทันที แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าไม่มีการตามมาของเขา ฉันจึงหันกลับไปมองก็พบว่าเขายังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ฉันยกมือเกาหัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเดินกลับไปคว้าข้อมือเขาแล้วลากเขาให้เดินตามมา

“…” ตะวันไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่ได้สะบัดมือฉันทิ้ง เขาเดินตามฉันมาอย่างเงียบๆ จนมาถึงหน้าประตูห้องเรียนฉันจึงละมือฉันออกจากข้อมือเขา

“ฉัน…เข้าไปก่อนนะ” ฉันหันไปบอกเขา ก่อนจะหมุนตัวหันกลับและเดินเข้าห้องทันทีโดยมีเขาเดินตามเข้ามาไม่ห่าง จากนั้นสายตาของทุกคนก็มองมาอย่างให้ความสนใจโดยเฉพาะยัยมิน

“แกมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันไหมยะ นังเพื่อนตัวดี” เมื่อฉันนั่งลงได้ยัยมินก็เปิดฉากสอบสวนฉันทันที

“เดี๋ยวค่อยเล่าได้มั้ย” ฉันเอียงตัวไปกระซิบกับยัยมินเบาๆ เพราะกลัวว่าตะวันจะได้ยิน

“ไม่ได้ ต้องเล่าตอนนี้ต่อมเผือกฉันเต้นตุบๆ จนจะแตกอยู่แล้วเนี่ย” ยัยมินพยายามเอียงตัวมาหาฉันอย่างสุดความสามารถ

“แกจะบ้าหรือไง เขานั่งอยู่ข้างหลังฉันนะ เลิกกวนฉันได้แล้ว เดี๋ยวค่อยเล่าตอนกลางวัน” ฉันพูดตัดบทก่อนจะเตรียมหนังสือเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนคาบแรก ส่วนยัยมินก็ทำเสียงจิ๊จิ๊ะอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมฟังที่ฉันพูด ไม่นานนักอาจารย์ก็เข้ามาสอน ฉันแอบสังเกตเห็นสายตาของยัยแอลมองมาที่ฉันด้วยแหละ นางก็น่าจะสงสัยเหมือนกัน

หุหุ เก็บความสงสัยไว้ให้อกแตกตายไปเลย

คาบแรกจบลง คาบต่อไปเป็นวิชาพละศึกษา ซึ่งจะต้องย้ายที่เรียนไปเรียนที่โรงยิมซึ่งอยู่ชั้นล่าง ทุกคนจึงเตรียมตัวเก็บของและทยอยกันลงไป

“แก~ จะไม่เล่าให้ฉันฟังจริงๆ หรอ” ในขณะที่กำลังเดินลงบันได ยัยมินก็พยายามเกาะแกะและตื้อให้ฉันเล่าให้นางฟัง

“ก็บอกว่าตอนกลางวันไง เขาเดินอยู่ข้างหลังเราเนี่ย ไม่เห็นหรอ?” ฉันว่าพลางส่งสัญญาณให้หันไปมองด้านหลัง ซึ่งมีตะวันเดินตามมาอยู่ไม่ห่าง

“เออ ก็ได้ กลางวันก็กลางวัน” ยัยมินทำหน้าบึ้งใส่ฉันก่อนจะเดินนำหน้าฉันไปด้วยอาการงอนเล็กน้อย

ตึกๆๆๆ กรี๊ดดดด ตุบ!

ในขณะที่ฉันถึงบันไดขั้นสุดท้ายพอดี ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งวิ่งลงบันไดมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะสะดุดขาตัวเองในอีก 4 ขั้นที่จะถึงพื้น แล้วกลิ้งลงมานอนกองอยู่ตรงหน้าฉันซึ่งยืนอยู่ด้านล่างพอดี

“เห้ย! เป็นอะไรมั้ยเนี่ย” ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันกรูเข้ามาดูนักเรียนหญิงคนนั้น ยกเว้นแต่ตะวันที่ยังคงยืนมองด้วยสายตาว่างเปล่าดังเดิมอยู่บนบันไดขั้นที่ 4 ที่เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นตกลงมา

ใจร้ายชะมัด ความจริงเขาน่าจะจับเธอไว้ได้ทันด้วยซ้ำ

เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นถูกพาตัวไปห้องพยาบาล และทุกคนก็กระจายตัวกันไปตามทิศทางต่างๆ ยกเว้นแค่ฉันกับตะวันที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

“ทำไมนายไม่ช่วยเด็กคนนั้น” ฉันเดินเข้าไปหาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าพูดกับเขา

“…” ตะวันไม่ตอบ แต่เขากลับเดินลงบันไดและผ่านฉันไปราวกับฉันเป็นอากาศ

“นี่! นายมันจะใจร้ายเกินไปแล้วนะ” ฉันโมโหมากที่เขาทำตัวแบบนี้ ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความผิดเขา ถึงแม้เขาจะมีสิทธิที่จะไม่ช่วยเด็กคนนั้นก็ตาม แต่ในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเขาควรจะมีน้ำใจสักหน่อยไหม ฉันจึงเดินตามเขาไปและรีบสาวเท้าเข้าไปยืนขวางหน้าเขาไว้

“…” ตะวันหยุดเดิน โดยที่เขายกมือทั้ง 2 ข้างมาล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ และจ้องหน้าฉันด้วยแววตาเรียบเฉยโดยไม่มีวี่แววว่าจะพูดอะไรออกมา ส่วนฉันก็เชิดหน้าใส่เหมือนกำลังหาเรื่องเขาอยู่กลายๆ จะว่าไปเขาสูงมากเลยนะเนี่ย ขนาดฉันสูงตั้ง 168 เซนติเมตร ยังอยู่ได้แค่ปลายจมูกเขาเลย เขาน่าจะสูงราวๆ 180 กว่าได้

เจี๊ยวๆ

อยู่ดีๆ ก็มีกลุ่มนักเรียนชายจากที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งไล่กันมาอย่างสนุกสนาน โดยที่พวกนั้นไม่แม้แต่จะหันมองทางข้างหน้ากันเลยด้วยซ้ำ ทำให้ฉันที่ยืนขวางทางอยู่นั้นรับรู้ชะตากรรมตัวเองได้ทันทีว่าต้องโดนชนแน่ๆ เพราะความเร็วที่วิ่งกันมากับระยะที่ฉันยืนอยู่ยังไงก็หลบไม่พ้น ฉันจึงยกมือขึ้นกันตัวเองไว้และหลับตาปี๋ทันที

หมับ! ฟุบ!

แต่อยู่ดีๆ ก็มีมือปริศนาที่ฉันเดาว่าน่าจะเป็นคนตรงหน้าเอื้อมมาคว้าข้อมือฉันไว้ ก่อนจะดึงให้พ้นจากรัศมีการโดนชน ฉันที่หลับตาปี๋ในตอนแรกค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดูก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอ้อมกอดแกร่งของตะวัน มือข้างหนึ่งของเขาจับข้อมือฉัน ส่วนอีกข้างก็โอบเอวฉันไว้ไม่แน่นมากนักแต่ก็ไม่หลวมจนเกินไป ส่วนมือของฉันข้างที่ไม่ถูกจับไว้ก็พาดวางอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายของเขาพอดิบพอดี

ตึกตักๆๆ

ฉันเงยหน้าฉันไปสบตากับดวงตาสีดำสนิทนั่น พลันหัวใจก็เริ่มเต้นแรงอีกครั้ง และก็สถานการณ์วนลูปไม่ใช่แค่ฉันที่ใจเต้นแรง บรรยากาศแปลกๆ เกิดขึ้นระหว่างเราเป็นครั้งที่ 2 จนในที่สุดก็เป็นตะวันที่ทำลายบรรยากาศแปลกๆ นี่

“อะฮึ่ม! ยัยประหลาด" เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะปล่อยฉันออกจากการเกาะกุมพร้อมว่าฉัน จากนั้นเขาก็เดินผ่านฉันไปเลย ทิ้งให้ฉันยืนงงในคำว่า ‘ยัยประหลาด’ ของเขา

อิหยังวะ ช่วยฉันไว้แล้วก็ว่าฉันว่าประหลาด ฉันต้องทำตัวยังไงเนี่ย

ฉันเกาหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันหลังและเดินตามเขาไปทางโรงยิม ตอนนี้พวกผู้ชายกำลังจับกลุ่มกันเล่นบาสกันอยู่ ส่วนพวกผู้หญิงก็จับกลุ่มกันเล่นวอลเลย์บอล โดยพวกที่ไม่ได้ลงไปเล่นก็จะนั่งดูและให้กำลังใจอยู่ข้างสนาม

“ยัยริน ทางนี้” ยัยมินที่นั่งดูพวกผู้ชายเล่นบาสอยู่นั้นตะโกนเรียกฉันที่พึ่งจะเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนฉันก็เดินไปนั่งข้างนางทันที ส่วนตะวันตอนแรกเขายืนอยู่ที่ประตูทางเข้าโรงยิม และเมื่อฉันเดินผ่านเขามา เขาก็เดินตามมานั่งทางด้านหลังของฉันที่ว่างอยู่

“ไปไหนมาอ่ะ ทำไมถึงพึ่งมา” ยัยมินถามฉัน แต่สายตาของนางไม่ได้มองฉันเลย นู้น มองผู้ชายในสนาม

“ก็…ไม่ได้ไปไหน แค่หลงทางนิดหน่อย” อั๊ยย ยัยบ้าริน เธอพูดอะไรออกไป

“หลงทาง? แกเป็นอะไรมากปะเนี่ย? หรือเมื่อคืนดูซีรีย์ดึกอีก” ยัยมินหันขวับมามองหน้าฉันด้วยความสงสัย ส่วนฉันก็ยิ้มแห้งๆ แก้เก้อไป ก่อนที่นางจะส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจและหันกลับไปมองผู้ชายในสนามต่อ

โอ๊ยยยย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยจ้า

ฉันคิดถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ขยี้หัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปเหลือบมองตะวันที่นั่งอยู่ด้านหลังเล็กน้อย ทำเหมือนว่ามองหาใครสักคนที่ไม่ใช่เขาอยู่ แต่ขณะที่ฉันหันไปทำเหมือนมองนู้นนี่สายตาก็ดันไปสบเข้ากับสายตาเขาพอดี ฉันจึงรีบหันหน้ากลับทันควัน

“เห้ยๆ ระวัง!” ขณะที่ฉันกำลังผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อปรับสภาพความรู้สึกตัวเองให้กลับมาปกติอยู่นั้น ก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากในสนาม และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่ามีลูกบาสลูกหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาทางฉัน

กรี๊ดดดดดดดด เอาอีกแล้ว ทำไมวันนี้ฉันมีแต่เรื่องให้เจ็บตัว ตกกำแพง โดนชน แล้วยังมาลูกบาสล่วงใส่อีก

ปึ๊ด!

ฉันยกแขนขึ้นกันหน้าตัวเองไว้เตรียมรับการล่วงใส่ของลูกบาสเต็มที่ แต่อยู่ดีๆ ก็มีมือปริศนาจากทางด้านหลังเอื้อมมาปัดลูกบาสออกให้ก่อนจะถึงหน้าฉัน เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นตะวัน (อีกแล้ว)

“หัดระวังตัวเองบ้าง” เขาพูดจบก็ลุกเดินจากไปทันที ทิ้งความสงสัยไว้ให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์นั้น รวมถึงฉันด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel