บทที่4 น้องชายคนใหม่
เสียงดนตรีเล่นเพลงรักโรแมนติก ในงานแต่งงานที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ รูปแบบงานจัดแบบบุพเฟ่ต์คอกเทลปาตี้ มีเวทีแสดงดนตรี โต๊ะนั่งล้อมรอบประดับด้วยช่อกุหลาบขาวปนชมพูและเว้นที่ว่างตรงกลางเป็นฟลอร์เต้นรำ
วงดนตรีซิมโฟนี่บรรเลงเพลงหวานซึ้งด้วยเปียโน และไวโอลิน ฟังดูซาบซึ้งตรึงใจทุกเส้นสายลายโน๊ต นักข่าวตามมาทำข่าวกันอย่างคึกคัก
งานแต่งงานในตอนอายุย่าง 55 ปีของประธานลู่เสียน กับหม้ายสาวพราวเสน่ห์อย่างวิเวียนหวัง กลายเป็นข่าวใหญ่ลงหน้าหนังสือพิมพ์ครึกโครม กลบข่าวฉาวของบุตรสาวให้เหลือแค่คอลัมน์เล็กๆในหน้าซุบซิบ
ฟางซินมองดูพ่อของเธอควงแขนกับวิเวียนเดินทักทายคนไปทั่วงานแล้วอยากหัวร่อ
"ฮึ สุขกันจริงนะคุณพ่อ "
ฟางซินยกแก้วบรั่นดีดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วเดินออกจากงานอย่างสุดจะเบื่อ ทันทีที่เห็นหัวหน้างานเดินออกจากงาน เลขาหลินก็รีบวิ่งตามมาทันที
"คุณลู่ คุณลู่คะ จะไปไหนคะ อีกเดี๋ยวคุณต้องขึ้นพูดนะคะ"
"ฉัน ฉันเนี่ยนะ จะให้ฉันไปพูดอะไรล่ะ ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว หรือขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันล่ะ แหวะไม่เอาล่ะ"
ปกติก็ไม่ค่อยถูกชะตากันอยู่แล้ว ยังจะให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ ฟางซินย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
"เลขาหลินเอาอย่างงี้นะ คุณบอกประธานลู่ว่าฉันไม่สบาย ปวดหัวปวดท้องปวดประจำเดือนก็ได้ สรุปไม่สามารถขึ้นไปกล่าวอวยพร โอเค"
"โธ่คุณลู่คะทำอย่างงั้นได้ที่ไหนกัน อย่าไปเลยนะคะ"
เลขาหลินดึงแขนฟางซินไม่ยอมปล่อย ยื้อยุดกันอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม
"ยังไงฉันก็ไม่เข้าไปเด็ดขาด ปล่อยนะ"
ฟางซินแกะมือเลขาหลินออก แต่สุดยอดเลขาไม่ยอมแพ้ รีบรวบเอวแล้วกอดเอาไว้แน่น ถึงกับยอมคุกเข่าแต่ไม่ยอมปล่อย
"เห็นแก่ฉันเถอะนะคะคุณลู่ ถ้าฉันปล่อยคุณไปตอนนี้มีหวังถูกไล่ออกแน่ๆ เลย"
มือเลขาหลินรัดเอวแน่นอย่างกับหนวดปลาหมึก ฟางซิน พยายามดันศรีษะเลขาหลินให้ออกจากตัวแต่เธอก็ไม่ยอม
"โห ดูท่าว่าน่าจะงานใหญ่เลยนะ อย่างงี้อาหารก็น่าจะหรูหรา น่าดูเลย ห้องจัดเลี้ยงไปทางไหนกันล่ะ"
"ทางนั้นน่ะ ฉันไม่เข้าไปนะ นายไปเองเหอะ"
เสียงคุยกันนั้นมีเสียงหนึ่งช่างคุ้นหู ฟางซินเงยหน้าขึ้นมองเจอโจทย์เข้าอย่างจัง
"ตายล่ะไอ้หมอนี่มันมาได้ยังไง"
ไซมอนเดินมาหยุดยืนตรงหัวมุมทางเดิน กำลังหันซ้ายหันขวา พร้อมกับเพื่อนอีกคน และดูเหมือนกำลังเดินมาทางเธอ
ฟางซินมองหาที่หลบแต่ก็ไม่เจอ เธอรีบลากเลขาหลินที่นั่งคุกเข่ากอดเอวเธอเอาไว้แน่นเข้ามุม โดยที่เธอหันหลังออกมา
"เฮ้ยนี่ไง ห้องนี้แหละ ไหนๆ ก็มาแล้วเข้าไปเหอะน่า ไปทักทายกันสักนิด แล้วค่อยกลับก็ได้ ส่วนฉันจะได้กินของฟรีเป็นไงเข้าท่ามั้ย"
"ไม่เห็นจะเข้าท่า ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว งานแบบนี้ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่"
ฟางซินผึ่งหูฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ หรือว่าเขาตามเธอมาถึงที่นี่กันแน่
"คุณลู่คะคุณทำอะไรเนี่ย ฉันหายใจไม่ออกนะคะ
เลขาหลินชักจะอึดอัดจะลุกก็ลุกไม่ได้เพราะโดนฟางซินดันตัวติดกับมุมพนัง เพื่อนของไซมอนหันไปเห็น ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน
"ตรงนั้นเขาทำอะไรกันน่ะ ผู้หญิงสมัยนี้ใจกล้าจริงเชียว"
ภาพที่เห็นมันชวนให้คิดจริงๆ เพราะที่เห็นคือผู้หญิงในชุดราตรียืนหันหลังให้ โดยที่ข้างหน้าของเธอมีคนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางหว่างขา แถมกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่าง สองมือก็จับที่สะโพกของหญิงสาวเอาไว้แน่น
ไซมอนมองตามเฉิงหมิงแล้วนิ่วหน้าขมวดคิ้ว เหตุก็เพราะเขารู้สึกว่าแผ่นหลังนี้คุ้นตาเอามากๆ
"นั่นมัน..."
ความติดใจสงสัยบาวอย่าง ทำให้เขาตัดสินใจจะเดินเข้าไปหา แต่เฉิงหมิงรีบลากเขาไปที่งานเสียก่อน จะได้พิสูจน์ลางสังหรณ์
"มา มานี่เลย เขากำลังสุนทรีย์กัน แกจะไปยุ่งกับเขาทำไมวะ พาฉันเข้างานเลยเร็วเข้า"
ไซมอนโดนลากเข้าไปในงานอย่างเสียมิได้ เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วฟางซินจึงกล้าหันกลับมาดู ปล่อยให้เลขาหลินนั่งพักหายใจ
"เข้าไปข้างในทำไมเนี่ย ไอ้หมอนี่มันมาทำไมหรือจะมาตามหาเรา ไม่ได้การเผ่นดีกว่า"
"จะไปไหนคะคุณลู่ คราวนี้ฉันไม่ให้คุณหนีแน่ มาค่ะ"
เลขาหลินจับสองแขนฟางซินแล้วลากเข้างานไปตามเจตนาเดิมจนได้ โฆษกบนเวทีกำลังมองหาเธอพอดี ไฟสปอตไล้ท์หน้าเวทีส่องมาที่ตัวฟางซินทันที คราวนี้ยากที่จะหนีแล้ว เธอรีบเอากระเป๋าถือมาปิดหน้าเอาไว้ แล้วจำใจเดินขึ้นเวที
"เชิญบุตรสาวของท่านประธานลู่ คุณลู่ฟางซินกล่าวอะไรสักหน่อยครับ"
ไซมอนนั่งที่โต๊ะหลังๆ ห่างจากเวทีพอสมควรเขาจ้องขึ้นไปที่เวที พลางนึกสงสัย ทำไมช่างคุ้นตานัก
"แปลก หน้าไปโดนอะไรมารึไงถึงได้ปิดเอาไว้อย่างงั้น"
"เขาว่าผู้หญิงรวยมักจะแปลก ฉันว่าเขาคงกลัวแสงไฟจะทำหน้าไหม้ล่ะมั้ง ไม่ก็อาจจะขี้อายก็ได้"
เฉิงหมิงกล่าวเสริม แต่มันฟังไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
"แกทำอะไรของแกเนี่ยเอากระเป๋าลง"
ประธานลู่กระซิบเบาๆ ตามด้วยพยายามดึงแขนบุตรสาวให้เอากระเป๋าที่บังหน้าออก ฟางซินรีบหยิบไมค์จากพิธีกรมาแล้วยืนหันหลังให้เวที คราวนี้ยิ่งแปลกไปใหญ่
"แกเป็นบ้าอะไรคิดจะฉีกหน้าฉันเหรอหันไปซี่"
ท่านประธานเค้นเสียงดุอีกครั้งฟางซินนิ่วหน้าไม่รู้จะทำอย่างไร เธอหันซ้ายหันขวาเค้กงานสมรสสูงเจ็ดชั้นตรงหน้าคือหนทางรอด จึงค่อยๆเดินเขยิบไปข้างหลังเค้ก
ท่าทีมีพิรุธจนเกือบจะประหลาดอย่างกับปูเดินย่องทำเอาไซมอนเอียงคอตาม
เฉิงหมิงหันมาเห็นเพื่อน นั่งเอนตัวตามฟางซินจนเกือบจะตกเก้าอี้แล้วรู้สึกแปลกใจ
"เฮ้ยบ้ารึเปล่า เป็นอะไรมากมั้ยนายเนี่ย สนใจอะไรนักหนา เดี๋ยวก็ได้เจออยู่แล้วจะมองตามทำไม"
"ฉันว่ายิ่งดูยิ่งคุ้น เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ๆ"
เฉิงหมิงทำหน้าสุดจะทน เมื่อเพื่อนเกลอเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว
"อ่าเอ่อ ข..ขอให้รักกันยืนยงดั่งขุนเขา หวานซึ้งดุจขนมสายใหม แล้วก็เอิ่ม มีความสุขเหมือน เหมือนทุกท่านในที่นี้ ขอบคุณค่า"
ฟางซินรีบส่งไมโครโฟนคืนพิธีกรแล้วรีบเผ่นลงจากเวที แถมยังเอากระเป๋าปิดหน้ามิดชิด
ยิ่งได้ยินเสียงยิ่งคุ้นไปใหญ่ คราวนี้เขานั่งไม่ติดลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที
"นั่นนายจะไปไหนไซมอน "
"นายนั่งอยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันมา"
ไซมอนตอบส่ง ๆ ไม่ให้ความกระจ่างใด ๆ เขารีบรุดติดตามฟางซินไปด้วยใจที่รู้สึกประหม่า หากเธอใช่คนที่เขาคิด บางทีชะตาของเขากับเธออาจผูกกันไว้แน่นกว่าที่คิดเอาไว้
ฟางซินรีบหลบไปอยู่ข้างหลังโต๊ะบุพเฟ่ต์ ชั้นวางขนมเค้กหน้าต่างๆ ถูกหั่นเป็นชิ้นเอาไว้แล้ว รวมถึงชั้นวางออเดิร์ฟหลากหลายชนิดช่วยบดบังเธอได้ดี จะได้มีเวลาคิดแผนการ
เธอทำเป็นยืนเลือกของหวานตรงหน้า ขนมเค้กหลากหลายแบบแต่งครีมเป็นธีมความรัก เค้กหน้าต่างๆจึงเน้นใช้ลูกเชอรี่สดสีแดงกับสตอเบอรี่ชุบไว้ท์ช็อคโกแลตและสตอเบอรี่สดเป็นหลักในการตกแต่ง ยังมีทาร์ตรูปหัวใจหน้าต่างๆอบใหม่ ประชันกับมาการองรูปร่างคล้ายปุยเมฆหลากสี ดูน่ากินไปซะทุกอย่าง
แม้จะมีขนมแบบสมัยนิยมของสมัยที่เปลี่ยนไปแต่ก็ยังไม่ลืมขนมหวานแบบประเพนีดั้งเดิมใส่ไว้ด้วย อย่างเช่นหมี่หวานน้ำลำไย โป้กเกี๊ย หรือนมเปรี้ยวทอด
ถึงของหวานส่งกลิ่นหอมยั่วใจแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ฟางซินหายกระวนกระวาย เธอเอาแต่ยืนบิดตัวกระแทกส้นรองเท้าอยู่หน้าโต็ะของหวานอย่างหงุดหงิด
"เอาไงดี หลบออกไปทางไหนดีล่ะ"
"งานจัดออกมาได้ดีนะครับ บรรยากาศดีไม่รู้ว่าของหวานเนี่ย จะรสชาติดีมั้ย"
เสียงพูดอันคุ้นหูทำเอาฟางซินสะดุ้ง เธอเม้มปากแน่น ขมวดคิ้ว ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง
เสียงฝีเท้ากับความรู้สึกว่าร่างสูงนั้นขยับใกล้เข้ามาทำให้เธอยืนขาแข็งกะพริบตาปริบๆ รู้สึกหวาดเสียวกลัวเจ้าของเสียงนุ่มจะจำได้
"เค้กน่าสนใจดีนะครับ คุณว่าแบบไหนอร่อยสุด ระหว่าง ชีสเค้ก กับเอิ่มอันนี้เรียกเค้กแบล็คฟอร์เรสต์รึเปล่านะ ว้าว คัพเค้กนี่รู้สึกว่าจะคัพบี ไม่แน่ อาจคัพซีก็ได้"
เสียงเขาก้มลงมากระซิบข้างหู แถมยังหายใจอุ่นๆ รดต้นคอ ทำเอาฟางซินทนตื่นเต้นไม่ไหว เธอหันกลับไปในระยะประชิด ตาต่อตาประสานกันเข้าอย่างจัง
ลู่ฟางซินอ้าปากค้าง ในขณะที่ไซมอนเองก็ไม่นึกว่าเธอจะหันมาใกล้ได้ขนาดนี้
ไซมอนกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับเห็นชัดในสายตาของฟางซิน เขาขยับตัวยืนตรงแล้วยักคิ้วให้เธอ
"เจอกันอีกแล้วนะวิก เอ่อคุณหนูลู่ฟางซิน"
"นายมาทำอะไรที่นี่ ตามฉันมาใช่มั้ย"
ไซมอนทำตาโต เขาพยักหน้ายึกยักแต่ไม่ใช่เพราะรับว่าตาม แค่ทึ่งที่คิดออกมาได้แบบนี้
"ผมก็แค่อยากมากินของฟรีแถวนี้น่ะ ใครบอกว่าผมตามคุณกัน หลงตัวเองไปรึเปล่า"
เขาพูดพลางใช้มือหยิบชีสเค้กที่มีลูกเชอรี่สีแดงสดตกแต่งขึ้นมากินหน้าตาเฉย ครีมสีขาวติดอยู่ที่ข้างปากเหมือนเด็กๆ ทำให้ฟางซินรู้สึกตะหงิดๆ
"คุ คุณมีเอ่อ ครีมติดอยู่ตรงนี้น่ะ"
ฟางซินพยายามชี้ที่แก้มเขาเพื่อบอก ไซมอนก็เอาแต่ทำหน้างงเช็ดไม่โดนสักที
"คุณก็เช็ดให้ผมหน่อยสิ ก็ผมไม่เห็นนี่"
เขาโน้มตัวลงยื่นหน้ามาใกล้ๆ ฟางซินมองซ้าย มองขวากลัวคนอื่นเห็นจะแย่ เธอค่อยๆ ยื่นนิ้วชี้ไปแตะที่ครีมบนแก้มของเขา เพื่อเช็ดออก
ไซมอนถือโอกาสฉวยเอามือข้างนั้นของฟางซินไว้แน่น สายตาเขายังจับจ้องไปที่ตาคู่งามของเธอแล้วค่อยๆใช้ลิ้นสีชมพูของเขา เลียครีมที่ปลายนิ้วของฟางซินอย่างช้าๆ
เธอกัดริมฝีปาก ใจเต้นแรงจนแทบออกมานอกอก สายตาที่จ้องเธอมันดูยั่วยวนใจรุกเร้า จนเธอรู้สึกเหมือนกับเขาอยากจะละเลงครีมหน้าขนมเค้กบนร่างกายเธอ แล้วสิ้มรสจนสาแก่ใจ
ฟางซินรีบชักมือออกจากมือเขาแล้วกุมเอาไว้แน่น ไซมอนมีหรือจะไม่เห็นแก้มแดงๆ ของฟางซินที่เอียงอายหาใช่เพราะฤทธิ์ของบรั่นดี
เขากลับมายืนตรงดังเดิมแอบขำนิด ๆ ที่เธอมีปฏิกิริยาอย่างนี้ออกมา
"ไม่ทานสักหน่อยหรือครับ แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนอร่อย อันไหนไม่อร่อย เกิดแขกในงานไปร่ำลือว่าคุณลู่จัดงานไม่ดีขนมหวานไม่อร่อย อาหารไม่ได้เรื่องก็คงแย่"
"แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย ทำไม เปลี่ยนจากบาเทนเดอร์มาอยู่หน่วยโภชนาการแล้วรึยังไง"
ฟางซินแกล้งพูดประชด ไซมอนส่งยิ้มอ่อนกลับไม่โกรธสักนิด
เขาเดินเขยิบเข้าไปไกล้อีก พร้อมกับหยิบลูกเชอรี่ที่บนหน้าเค้กส่งเข้าปาก
ฟางซินชักเท้าถอย ตาก็เผลอมองริมฝีปากกระจับสวยๆของเขากำลังกัดลูกเชอรี่แดงอยู่
"เป็นอะไรกลัวผมจับกินเหรอ"
"พูดบ้าๆ นายกล้าทำอะไรฉันตรงนี้ละก็ฉันจะ.."
"จะทำไมครับคุณลู่ หรือคุณอยากจับผมกินแทนกันล่ะ"
ประโยคนั้นทำให้ฟางซินรู้สึกเคืองจนเงื้อมือจะตบหน้าไซมอน แต่ไซมอนจับข้อมือเธอหยุดเอาไว้ได้ เขาใช้มืออีกข้างรวบเอวเธอดึงร่างบางนั้นเข้าหาตัว
"ป..ปล่อยนะอย่าทำอะไรบ้าๆนะ"
"ผมทำอะไรล่ะ ผมแค่เห็นคุณผอมไปหน่อย ห่วงว่าคุณจะไม่สบายเลยอยากให้คุณกินเยอะๆ หน่อยก็เท่านั้น ไม่มีอะไรผิดนี่"
เขาทำหน้าทะเล้นทีเล่นทีจริง ต่างกับฟางซินที่ตอนนี้หน้าร้อนผ่าวเพราะความอับอาย สายตาคนรอบๆ ตัวเริ่มมองกันแปลกๆ บ้างก็ยิ้มบ้างก็ซุบซิบ
เธอพยายามขืนแรงดันตัวเขาออก แต่สู้กำลังแขนของเขาที่กอดไม่ปล่อยไม่ได้
"คุณจะผลักผมทำไม ทีคืนนั้นคุณยังกอดผมซะแน่น รอยข่วนยังเจ็บไม่หายเลย ไม่รู้จะเป็นแผลเป็นรึเปล่า "
ไซมอนกระซิบเบาๆ พลางอมยิ้ม ฟางซิน ขมวดคิ้วแต่ยังฝืนยิ้มให้แขกที่เดินมาหยิบของหวานจากชั้นวางขนม
"ปล่อยก่อนได้มั้ย คุณอย่ามาพูดอะไรบ้าๆ แถวนี้นะ คุณจะเอาอะไรก็บอกมาแค่ปล่อยฉันก่อนได้มั้ย"
"นี่คุณลู่พูดจริงเหรอ อะไรก็ได้งั้นเหรอ"
ลู่ฟางซินจนหนทางรีบพยักหน้าส่งๆ ไปอย่างงั้น ไซมอนยิ้ม เขาหันไปหยิบแอแคลจากชั้นวางมาหนึ่งชิ้น
"งั้นคุณให้ผมป้อนชิ้นนี้แล้วผมจะปล่อยคุณ ดีมั้ย"
"ป้อนขนม นายต้องการแค่นี้ "
ไซมอนส่งยิ้มละมุนให้เป็นการตอบรับ ฟางซินยอมรับว่างุนงงนิดหน่อย ก่อนจะอ้าปากนิดนึง
"อ้ากว้างๆ หน่อย ปากเล็กอย่างนี้ขนมจะเข้าปากคุณได้ยังไง"
เขาสั่งย้ำ ฟางซินอ้าปากกัดขนมในมือเขาไปคำหนึ่ง ครีมวนิลาที่ใส่ไว้เป็นไส้แอแคล หวานละมุนลิ้นส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย แป้งก็นุ่มนวลรสสัมผัสดีเลิศราวปุยเมฆ
ครีมส่วนหนึ่งหยดลงบนเนินอกอิ่มอย่างไม่ตั้งใจ ไซมอนก้มลงมองแล้วส่งขนมอีกครึ่งชิ้นเข้าปากตัวเอง
"หวานจัง"
เขาพูดพร้อมกับจับมือเธอแตะไส้ครีมที่หยดเลอะบนเนินอกของเธอเอง แล้วเลียชิมที่ปลายนิ้วฟางซินอีกครั้ง คราวนี้เธอกลืนน้ำลายเพราะความตื่นเต้นซะเอง
ไม่ทันได้ตั้งตัวไซมอนประกบจูบลงไปที่ริมฝีปากเธอทันที ลิ้นของเขาลอดผ่านแนวฟันเข้าไปด้านในอย่างอุกอาจ ระดมจูบบดริมฝีปากเกี่ยวพันอยู่ขั่วครู่ ก็ถูกฟางซินผลักอกจนถอย
"น...นายทำอะไรเนี่ย"
"ก็ผมหิวนี่ ขนมครึ่งชิ้นมันไม่อิ่มผมเลยอยากกินที่คุณกินไปไง"
เขาตีมึนทำไม่รู้ไม่ชี้ หน้าฟางซินแดงอย่างกับลูกเชอรี่เธอหันมองไปรอบๆ เกรงจะมีคนสังเกตุเห็นการจูบเมื่อครู่
"นายมันพวกฉวยโอกาส ฉันจะเรียกรปภ.มาจัดการเตะนายออกจากงาน"
"เอะอะอะไรกันฟางซิน"
ประธานลู่เดินมาพอดีเขามองไซมอนที่โค้งคำนับทักทายแล้วยิ้ม
"เธอมาแล้วเหรออาหมิ่น เจอกันรึยังล่ะ ฟางซินนี่ลูกชายคนเดียวของวิเวียน จางหมิ่นรู้จักกันไว้สิ"
ประธานลู่แนะนำตัวไซมอนให้ฟางซิน เหมือนกับถูกฟ้าผ่าก็ไม่ปาน นี่เท่ากับว่าเธอมีอะไรกันกับว่าที่น้องชายเธอเอง
งานนี้เรียกจุดใต้คำตอยังน้อยไป น่าจะเรียกบุพเพอาละวาดซะมากกว่า
