บทที่3 โชคขะตา
งานกาล่าดินเนอร์
"เป็นไงงานไฮโซอย่างที่โม้ไว้มั้ย แถมทิปหนักเสียด้วย"
เฉิงหมิงสะกิดไซมอนให้ขอบคุณเขาที่ชวนมาทำงานพิเศษ ตัวเฉิงหมิงเองชงเหล้าไม่เป็นเลยทำงานหน้าที่เสิร์ฟเท่านั้น พอดีรู้จักกับผู้จัดการโรงแรมเลยแนะนำไซมอนให้ผู้จัดการ
"นี่ดูนั่นสิ คู่รักคู่ใหม่สะเทือนวงการเลยนะ"
เฉิงหมิงชี้ชวนให้ไซมอนดู คู่หนุ่มสาวที่กำลังเป็นที่สนใจของนักข่าวในห้องจัดเลี้ยง
"ว่ากันว่าฝ่ายชายน่ะเพิ่งจะเลิกกับแฟนสาวไฮโซไม่ถึง 2 วันก็กลายมาเป็นคู่หมั้นลูกสาวเศรษฐีซะแล้วช่างโชคดีจริงๆ"
"โชคดีอะไรกัน หักหลังผู้หญิงคนนึง มาซบผู้หญิงอีกคนนับเป็นโชคดีรึไง"
เสียงกล่าวแทรกของสาวในชุดราตรีสีดำเข้ารูปชายกระโปรงทรงหางปลา ดึงสายตาของไซมอนหันไปมอง
เฉิงหมิงรีบหนีไปก่อนที่จะโดนฟ้องว่านินทาแขกในงาน เพราะมีหวังนอกจากค่าแรงจะไม่ได้อาจโดนสหบาทาเอาก็ได้
"ดูคุณรู้เรื่องดีจังนะครับ แต่ว่าผมเป็นบาเทนเดอร์ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้หรอก"
"นายนี่ ดูดีๆก็หน้าตาดีใช่ย่อย สูงเท่าไหร่เนี่ย สัก185ได้มั้ย"
หญิงสาวเอ่ยปากชม ไซมอนจึงส่งยิ้มให้แล้วตอบอย่างสุภาพ
"เดาได้ไกล้เคียงครับ 187 น่ะครับ เครื่องดื่มอะไรดีครับ"
"ไม่เลวนี่ มีอัธยาศัยดี รู้จักการบริการ ทำงานนี้มานานรึยัง"
ไซมอนขมวดคิ้วเข้มของเขา เพราะนอกจากจะไม่สั่งเครื่องดื่ม ยังจะมาซักประวัติอีก
"เอิ่ม เจ้าของงานเขาจ้างผมมาชงเครื่องดื่มให้ลูกค้า ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม คงต้องดื่มอะไรสักหน่อยแล้วล่ะครับ"
"ก็เอาสิจัดมาเลย"
ไซมอนชงคอกเทลให้คุณผู้หญิง เปิดโอกาสให้เธอได้ซักไซร้ ดูเหมือนเธอจะเป็นแมวมองหานายแบบอิสระ เธอหยิบนามบัตรมาส่งให้ไซมอน
"คุณกู้จินเยว่ ขอบคุณครับ เอาไว้ถ้าผมสนใจจะโทรไปนะครับ "
"แล้วเบอร์นายล่ะถ้าฉันมีงานน่าสนใจจะติดต่อนายยังไง"
ไซมอนจดเบอร์ใส่กระดาษให้จินเยว่ เธอรับมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าถือ ก่อนจะยกยิ้มและส่งสายตาให้เขาอย่างมีแผนการอะไรในใจ เธอถือแก้วคอกเทลแล้วเดินออกจากเคาเตอร์ไปหน้าเวทีเพื่อชมการแสดง
การแสดงดนตรีเริ่มแล้วคนในงานให้ความสนใจกับการแสดงบนเวทีมากกว่าที่เคาเตอร์เครื่องดื่ม เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พัก เขาใช้เวลาช่วงพักหลบออกมาจากงาน มานั่งที่ทางหนีไฟข้างลิฟท์
"คุณต้องทำแบบนี้ให้ได้เลยใช่มั้ย รู้จักรักศักดิ์ศรีตัวเองซะบ้าง คุณมาตามตื้อผมแบบนี้ไม่ละอายบ้างเหรอ"
"ใครตามตื้อคุณกัน คุณขโมยผลงานฉันยังมีหน้ามาพูดเรื่องศักดิ์ศรี สักวันทุกคนจะรู้ความจริง เมื่อนั้นจะดูสิว่าหานตงจะเอาคุณไว้มั้ย"
เสียงถกเถียงระหว่งชายหญิงคู่หนึ่งดังอยู่หน้าลิฟท์ ไซมอนรู้สึกคุ้นเสียงผู้หญิงอย่างมาก จึงแอบดูสักหน่อย
เขาเห็นเพียงด้านหลังของหญิงสาว เธอเกล้ามวยผมติดประดับเพชร ส่วยฝ่ายชายไซมอนจำได้ว่าเขาคือหนุ่มไฮโซที่กำลังเป็นที่สนใจของนักข่าวในงานเมื่อครู่
"คุณกล้าเหรอ คิดจะทำลายผมงั้นเหรอ"
หนุ่มไฮโซแสดงความเกรี้ยวกราดที่ถูกหญิงสาวต่อว่า เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอแล้วผลักจนเธอถอยหลังชนพนังข้างลิฟท์อย่างแรง ปกติไซมอนไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นหากแต่การทำร้ายร่างกายผู้หญิงก็ไม่ใช่สิ่งที่เขารับได้
"ฉันเจ็บนะ ไมเคิลคุณกล้าทำกับฉันขนาดนี้เลบเหรอ ไม่นึกว่าคุณจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ คุณมันเลวสิ้นดี สันดานงูพิษเลี้ยงไม่เชื่อง"
"หนอยปากดีนักใช่มั้ย"
ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือไม่ แต่ชายหนุ่มเงื้อมือจะตบหน้าฝ่ายหญิง ไซมอนทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขารีบออกไปยืนบังข้างหน้าเธอเอาไว้แล้วจับข้อมือผู้ชายเพื่อหยุดไม่ให้เขาทำร้ายใคร
"แกเป็นใครวะ ปล่อยมือนะโว้ย"
ไมเคิลโวยวายใส่ไซมอน นอกจากเขาจะไม่ปล่อยแล้วยังกระชากข้อมือแล้วหักไขว้หลัง ก่อนจะผลักดันตัวไมเคิลจนหน้าไปติดกับพนังทางเดิน
"เจ็บนะเว้ย แกเป็นใครวะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก"
"ฮึ แจ้งตำรวจเหรอก็เอาสิ ที่คุณทำร้ายคุณผู้หญิงคนนี้ผมถ่ายคลิบเอาไว้แล้ว อยากแจ้งความก็ตามใจ"
ไซมอนพูดขู่ไปอย่างงั้น ไมเคิลถึงกับหน้าซีด
"ก..แกจะเอายังไง"
"ขอโทษคุณผู้หญิงคนนี้แล้วไสหัวไปซะ ไม่อย่างงั้นคลิบถึงมือนักข่าวข้างในงานแน่"
ถึงจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องทำอย่างเสียมิได้ ไซมอนปล่อยมือจากแขนไมเคิล ให้เขาหันกลับมากล่าวคำขอโทษ โดยที่ไซมอนยังยืนเป็นกำแพงป้องกันไม่ให้ไมเคิลเข้าไกล้หญิงสาวอีก
"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
"คำขอโทษของคุณมันไม่มีค่าอะไรหรอก แค่หน้าคุณฉันก็ไม่อยากเห็นรีบไสหัวไปเลยไป"
เธอออกปากไล่ ไม่แม้แต่จะอยากมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ไมเคิลเหลือบตามองไซมอนด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อสู้ไม่ได้ไมเคิลก็จำต้องหลีกหนีกลับเข้างาน
หญิงสาวยังหลบอยู่ข้างหลังไซมอนจนไมเคิลเดินลับตา ในใจก็สงสัยตัวเองไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆกับแผ่นหลังนี้นัก พลางช้อนตามองสุภาพบุรุษที่เข้ามาช่วยเธอที่กำลังยืนจ้องทางเข้างานอย่างไม่วางตา
ไซมอนต้องการแน่ใจว่าไมเคิลจะไม่ย้อนกลับมาจึงรอท่าทีอยู่อย่างงั้น จนกระทั่งหญิงสาวสะกิดข้างหลังเขา
"เอ่อ ขอบคุณนะคะที่ช่วย คุณชื่ออะไรคะ ฉัน...."
"ผมไซมอน คุณไม่เป็นอะไรนะ....เอ๋ ?! นี่คุณ"
ที่ว่าโลกกลมนั้นไมเกินจริงไซมอนหันกลับมาพบว่าหญิงสาวที่ช่วยเอาไว้ คือวิกตอเรียหรือก็คือฟางซิน
"คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่คุณตามฉันมาเหรอ"
ฟางซินตกใจไม่น้อยไม่นึกว่าจะมาเจอเขาที่นี่ซะได้ ตรงกันข้ามกับไซมอนที่ยิ้มดีใจมากทีเดียว
"ตามคุณ? ใครว่า ผมว่าดวงเราท่าจะสมพงษ์กันนะคุณว่ามั้ย เจอคุณครั้งแรกผมช่วยคุณจากพวกขี้เมา เจอคุณครั้งที่สองก็ช่วยคุณอีก สงสัยผมคงติดหนี้เวรอะไรคุณแน่ๆ ไม่งั้นคุณกับผมก็คงมีด้ายแดงผูกติดกันล่ะมั้ง"
ไซมอนกล่าวพลาวเดินเขยิบเข้าไปไกล้ๆ ฟางซินชักเท้าค่อยๆถอยหลังจนกระทั่งหลังไปชิดติดกำแพง
เขาได้โอกาสใช้สองมือยันที่กำแพงข้าง ๆ ตัวฟางซินเอาไว้ เวลานี้เธออยู่ในวงแขนเขาอย่างสมบูรณ์
"เดี๋ยวสิ ถอยไปนะ นี่มันไกล้เกินไปแล้วนะ"
ฟางซินเอียงหน้าหลบสายตาที่จ้องมองราวกับจะกลืนเธอลงไปสองมือก็กระชับปิดร่องอกของตัวเองเพราะชุดราตรีเป็นชุดแหวกร่องอก ด้วยระยะที่เห็นขนตางอนเป็นแผงชัดเจนของเขาแค่นี้ หากเขาก้มลงมาคงเห็นอะไรต่ออะไรหมดแน่
ไซมอนก้มหน้าลงมาพิจารณารูปร่างเย้ายวนในชุดราตรีสีดำของเธอแล้วยิ้ม ยิ่งฟางซินตื่นเต้นจนหายใจถี่ เนินอกอวบอิ่มยิ่งกระเพื่อมตามจังหวะหายใจ
"เป็นอะไรตื่นเต้นที่เจอผมเหรอ ผมรู้คุณต้องติดใจผมแน่จริงมั้ย"
"พูดอะไรบ้า ๆ ใครไปติดใจคุณกัน เรื่องมันผ่านไปวันเดียวฉันก็ลืมแล้ว คุณถอยไปนะฉันอึดอัด"
ไซมอนมองแก้มแดงก่ำก็รู้ว่าเธอปากแข็ง เขาก้มลงหายใจอุ่นๆรดลงบนต้นคอเธอแล้วกระซิบข้างหูเบา ๆ
"ผมไม่เชื่อว่าคุณไม่รู้สึกอะไรกับผม"
เมื่อบอกให้เขาถอยแล้วไม่ยอมถอย ก่อนบรรยากาศจะชวนวาบหวามไปกว่านี้ ฟางซินย่อตัวลงหมายจะมุดใต้แขนเขาหนีออก
ทว่าไซมอนมือไวกว่า เขาคว้าไหล่ทั้งสองข้างเธอเอาไว้แล้วกดตัวเธอเอาไว้กับพนังทางเดิน ก่อนจะประกบริมฝีมือขยี้ลงบนริมฝีปากเธอ
เขาบดเม้มอย่างดุดันจนร่างบางเริ่มอ่อนระทดระทวย ลิ้นหนาของเขาซุกซนดูดดื่มกับลิ้นของเธออย่างออกรส เสียงหายใจเริ่มหอบถี่ มือของฟางซินขยำลงบนแผงอกหนาของเขาเต็มสองมืออย่างลืมตัว
เมื่รู้สึกถึงอาการเกร็งตัวของสาวสวยในมือ เขาจึงยอมถอนจูบออกมานิดหนึ่ง ปล่อยให้ฟางซินได้พัก แล้วบดริมฝีปากต่ออย่างหิวกระหาย พร้อมกับใชัมือข้างหนึ่งรวบเอวบางของเธอให้แนบชิดตัวเขาเอาไว้ส่วนอีกข้างก็ประคองต้นคอของเธออย่างอ่อนโยน
เสียงสัญญาณลิฟท์เปิดเรียกสติให้ใจที่เตลิดไปของฟางซินกลับมา เธอลืมตาขึ้นผลักอกเขาอย่างแรงจนเขาถอย
คนที่ออกจากลิฟท์มา ต่างมองท่าทีที่แปลกๆของทั้งคู่ แล้วซุบซิบกันไม่น้อย ตามด้วยสายตาที่มองเขาทั้งสองอย่างสงสัย
คนมีหน้าตาในวงสังคมอย่างฟางซินย่อมรู้สึกอับอายเป็นธรรมดา ความอัยอายนี้ทำให้เธอไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนาน เธอรีบวิ่งเข้าไปในลิฟท์แต่ ไซมอนยังตามเข้าไป
"คุณจะตามฉันมาทำไม ฉันบอกแล้วใช่มั้ยฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ"
"ไม่รู้สึก แต่เมื่อกี้คุณยังแลกลิ้นกับผมอยู่เลยเนี่ยนะ อะไรคือไม่รู้สึกของคุณกัน"
ฟางซินจนด้วยคำแก้ตัว เพราะเมื่อกี้เธอก็เผลอมีปฏิกิริยาตอบสนองกับรสจูบของเขาซะด้วย เธอตั้งใจจะรีบออกจากลิฟท์ แต่ทว่ากลับมีคนหลายคนเดินสวนเข้ามาในลิฟท์จนออกไม่ทันลิฟท์ปิด
ทั้งคู่จึงจำต้องหยุดการโต้เถียงเอาไว้ก่อนจนกระทั่งลิฟท์ลงมายังล็อบบี้
ฟางซินรีบตามคนในลิฟท์ออกไป แต่ชุดราตรีรุ่มร่ามมีหรือจะหนีขายาวๆของชายหนุ่มในชุดทักซิโด้ได้ ไซมอนรีบฉวยข้อมือของฟางซินดึงมาตรงโถงบันไดข้างลิฟท์ ก่อนจะมีคนอื่นเห็น
"ปล่อยนะปล่อยฉันสิ"
เธอสะบัดมือเขาออก แต่กลับกลายเป็นการไปกระตุ้นให้เขาคว้าจับเอวเธอลากมาแนบชิดตัวเขาอีกครั้ง
"บ้าไปแล้วเหรอ ตรงนี้ไม่ได้นะ"
"ตรงนี้ไม่ได้ งั้นเปิดห้องสักห้องดีมั้ย ลำลึกความหลังกันหน่อยไง"
ไซมอนกล่าวพร้อมกับส่งสายตาปราถนาในตัวเธอทำเอาฟางซินเลิ่กลั่กไปหมด
"ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ปล่อยนะ"
เธอดันหน้าอกเขาด้วยกำลังแขนเล็กๆทั้งหมดที่มี ไซมอนเห็นเธอพยายามขนาดนี้เลยแกล้งปล่อยมือ
ด้วยความที่ออกแรงมากไปพอโดนปล่อยกะทันหัน ฟางซินจึงล้มไปข้างหลัง ไซมอนรีบคว้าเอวเธอมาโอบเอาไว้ได้ทัน ทั้งคู่จึงอยู่ในท่าที่ฟางซินเอนหงายไปข้างหลังมือทั้งสองโอบคอของไซมอน โดยที่ไซมอนโน้มตัวกอดเอาไว้
เขาเบิกตามองเธอด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านพลางกลืนน้ำลาย ไม่ต่างจากฟางซินที่ตื่นตกใจไม่แพ้กัน แต่เพราะคนเริ่มเดินผ่านมา เขาจึงรีบจัดท่าขยับตัวเธอให้ยืนดีๆ
"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งคุณ ผมยังต้องกลับเข้างานกาล่าต่อ ผมมีงานต้องทำน่ะ คุณจะกลับบ้านแล้วเหรอ"
ฟางซินไม่ตอบเขา สิ่งที่เขากระทำล่วงเกินเธอเมื่อครู่ทำให้เธอไม่อยากพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว เธอเพียงแต่หันมองไปทางอื่นปิดปากสนิท
"เอิ่ม ผมจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกมั้ย ให้ผมได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้รึเปล่า"
"โทษทีนะ ฉันว่าอย่าดีกว่า คุณควรจบแค่นี้เถอะ ไม่เคยมีเรื่องของเรา ฉันเคยบอกแล้ว คุณก็ไม่ควรคิดมากนี่จริงมั้ย พวกผู้ชายอย่างพวกคุณก็เป็นแบบนี้กันไม่ใช่เหรอ"
ฟางซินกล่าวจบก็เดินออกไปหน้าโรงแรม ไซมอนคิดจะตามแต่โทรศัพท์มาดังซะก่อน
"ได้จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ"
เขาส่ายหน้าเสียดายโอกาสดีๆ ได้แต่ หวังว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกแต่ก็คงยากแล้ว
