บทที่2 เผชิญความจริง
"อืม กลิ่นกาแฟ เบคอน"
ลู่ฟางซินตื่นขึ้นมาบนเตียงโดยสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาวเพียงตัวเดียว ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้าไปหมด เธอค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอนอย่างช้าๆ เพราะความเพลีย
ผ้านวมสีชาที่ห่มบนตัวช่างไม่คุ้นเคย ภายในห้องล้วนเต็มไปด้วยแฟรมผ้าใบสำหรับวาดภาพ รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันสวยๆหลากหลายภาพที่พนังห้อง
เราอยู่ที่ไหนกันคือคำถามแรกในใจ เธอค่อยๆขยับตัวจะลงจากเตียงแต่ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่สิ่งสงวนทำให้เธอหยุดชะงัก
ฟางซินเปิดผ้าห่มที่คลุมร่างออกดู ร่องรอยบนที่นอนทำให้เธอรีบคิดทบทวนทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานทีละเรื่อง จนมาสะดุดกับภาพเร่าร้อนเมื่อคืนนี้ หัวใจเธอเต้นรัวแก้มแดงก่ำ
"วิกกี้ เอิ่มผมขอเรียกคุณว่าวิกกี้นะ อาหารเช้าผมทำเสร็จแล้วอยู่บนโต๊ะในห้องครัวนะ ชุดคุณผมซักแล้ว อยู่ในตู้อบแห้งอีกเดี๋ยวคุณทานเสร็จก็ไปอาบน้ำ ผมจะเอาเสื้อผ้าเข้าไปให้"
เสียงนุ่มน่าฟังจัง ฟางซินคิดในใจเมื่อคืนเมาหนักไปหน่อยเลยไม่ทันสังเกตุว่าเขาจะมีน้ำเสียงน่าฟังขนาดนี้
ฟางซินค่อยๆแง้มประตูห้องออกดู ชายหนุ่มคนเมื่อคืนกำลังวิดพื้นออกกำลังกายยามเช้า แล้วเปลี่ยนไปวิ่งบนลู่วิ่ง ดูเหมือนเขาจะทำเช่นนี้เป็นประจำจนเป็นกิจวัตร ไม่งั้นคงไม่มีรูปร่างกำยำสมส่วนเอวคอดบางอย่างที่เห็น
เขาไม่ได้ใส่เสื้อ เขาสวมเพียงกางเกงวอร์มสีดำตัวเดียว และมีผ้าขนหนูพาดคอเอาไว้เท่านั้น
รอยเล็บข่วนที่แผ่นหลังยังดูใหม่ ฟางซินนึกในใจใช่ฝีมือเธอรึเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งอับอาย
เขาหันกลับมาส่งยิ้มสดใส ฟางซินหลบไม่ทันสบตาเขาไปอย่างจัง
"อ้าว คุณตื่นแล้วนี่ มาสิ ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกาแฟแบบไหน ผมเตรียมกาแฟสดไว้ให้คุณ นมสดน้ำตาลอยู่ตรงนั้นใส่เองได้เลยนะ"
ไซมอนกล่าวถึงตรงนั้นก็หยุดชะงัก เขาจ้องมองฟางซินในชุดสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา ซึ่งเสื้อตัวใหญ่และหลวมมาก ทว่ามันกลับทำให้เธอดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก เขาเผลอกลืนน้ำลายจนเห็นลูกกระเดือกขยับอย่างชัดเจน
เพียงแค่นั้นฟางซินถึงกับแก้มแดง ยิ่งมาเห็นไลน์กล้ามหน้าท้องชัดๆกับสันกรามคม ใบหน้าเรียว ผิวขาวผ่องอมชมพูของชายหนุ่ม ร่างกายที่ชุ่มเหงื่อของเขาเร้าอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เธอยิ่งรู้สึกเขินอายและกระสับกระส่าย
ฟางซินยิ้มแห้งๆ พร้อมกับชี้ไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะเป็นเชิงถามว่าใช่ของเธอมั้ย เขาพยักหน้า แล้วเดินไปขยับเก้าอี้ให้เธอ
"เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนผมจะใช้ห้องนี้ส่วนคุณใช้ห้องน้ำในห้องผมแล้วกันนะ ชุดของคุณผมเอาไปแขวนไว้ที่หน้าห้องแล้ว ถ้าคุณอยากไปไหนบอกผม ผมจะไปส่งคุณเอง"
ฟางซินแอบมองเบื้องหลังของชายหนุ่มที่เดินเข้าห้องไปอาบน้ำ แล้วรู้สึกใจเต้น
"บ้าจริง ฟางซินเธอบ้าไปแล้วเหรอ ทำอะไรลงไปเนี่ย"
เธอมองแพนเค้ก ไข่ดาวกับเบคอนที่เขาทำให้แล้วรู้สึกว่าเธอควรจะต่อความสัมพันธ์แบบนี้รึเปล่า หรือควรจะตัดให้จบตั้งแต่ตอนนี้
เสียงเตือนมีข้อความในโทรศัพท์มือถือดังหลายครั้ง เธอเปิดอ่านข้อความที่เข้ามาถึง 30 ข้อความจากประธานลู่
เรื่องเมื่อคืนทำให้เธอหลีกหนีความจริงที่ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่อันมากมายได้ชั่วคราว แต่ไม่อาจเลี่ยงได้ตลอดไป สุดท้ายเธอต้องยอมรับความจริงให้ได้
ไซมอนแต่งตัวออกจากห้องมารอฟางซิน เธอออกมาจากห้องนอนเห็นไซมอนอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับอีกทีกระดุมปลดทั้งหมด กลับดูเด็กและหล่อเหลาไปอีกแบบ
"วิกกี้ วันนี้ผมว่างครึ่งวัน ผมอยากพาคุณออกไปเดินเที่ยวสักหน่อย หรือคุณอยากไปไหนก็บอกผมได้นะ"
" ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักคุณ เรายังไม่รู้จักกันดี และฉันไม่ชอบที่คุณเรียกฉันวิกกี้"
ท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงทำให้ไซมอนรู้สึกประหลาดใจ
"เอ่อผมขอโทษ ถ้าแนะนำตัวตอนนี้คงไม่ช้าไปใช่มั้ย ผมไซมอน จาง.."
ไซมอนยังพูดไม่ทันจบ ฟางซินก็ยกมือขึ้นห้าม
เธอมองเขาด้วยความรู้สึกที่สับสน ก่อนที่จะหันไปทางประตูแล้วรีบก้าวไปเปิดประตูห้องออกไป
ไซมอนรีบวิ่งตามเธอ ฟางซินเดินไปกดลิฟท์ เขาไม่ยอมแพ้รีบไปดักหน้าเธอไม่ให้เข้าลิฟท์
"คุณเป็นอะไรรึเปล่าวิกตอเรีย ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่า"
"คุณไซมอน ใช่มั้ย เรื่องเมื่อคืนมันเป็นความผิดพลาด ฉันก็แค่เหงา แค่ความสัมพันธ์ทางกาย ไม่มีข้อผูกมัดไม่จำเป็นต้องจดจำ โอเค"
ฟางซินกล่าวจบก็กดลิฟท์อีกตัวแล้วเข้าไป ทิ้งให้ไซมอนยืนหน้าชาอยู่ตรงนั้น
เขาเดินคอตกกลับเข้าห้องตัวเอง สักพักก็พับผ้าห่มเก็บกวาดห้องนอน เพียงแต่เขาหันไปเห็นบางอย่างที่ผ้าปูที่นอน
"ผู้หญิงคนนั้นงั้นเราเป็นคนแรกของเธองั้นเหรอ"
ฟางซินนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่พูดกับไซมอนเมื่อกี้ เธอก็เอามือปิดหน้าด้วยความอาย
"นี่ฉันพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง ทำอย่างกับเป็นผู้หญิงเสเพลอย่างงั้น แต่ช่างเถอะเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ"
"คุณหนูไปไหนมาคะ คุณท่านโมโหมากเลยค่ะ ที่คุณหนูไม่รับสายน่ะค่ะ"
แม่นมหลี่รีบเข้ามาไต่ถาม ป้าหลี่เป็นคนเก่าแก่ที่รับใช้บ้านตระกูลลู่มาตั้งแต่ฟางซินยังไม่เกิด ดูแลเธอแทนแม่ที่จากไปตั้งแต่ฟางซินอายุได้ 2 ขวบ
"แม่นมคะ ขอโทษจริงๆทำให้แม่นมเป็นห่วงแล้ว เดี่ยวหนูไปอาบน้ำก่อนค่อยเข้าบริษัทแล้วกันค่ะ"
"บริษัท ในหัวแกยังมีบริษัทอยู่รึไง"
เสียงประธานลู่ตวาดลั่นตั้งแต่เธอก้าวเท้าเข้าประตูบ้านไปได้แค่สองก้าว
สายป่านนี้พ่อเธอยังไม่เข้าบริษัทคงเพราะตั้งใจมาดักรอเธอ
"ทำไมคะ แค่เรื่องผิดพลาดเล็กน้อยคิดจะไล่หนูออกงั้นเหรอ"
ประธานลู่หันกลับไปส่งสายตาตำหนิทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น
"ไล่ออกงั้นเหรอ ถ้าแกไม่ใช่ลูกฉันแกโดนไล่ออกไปนานแล้ว รู้มั้ยมีคนส่งจดหมายเวียนไปให้ผู้ถือหุ้นของเราบอกว่าผลงานที่ผ่านมาของแกเป็นการออกแบบของไมเคิล เพราะแกแอบอ้างขโมยผลงาน ไมเคิลเลยเอาแบบของเขาไปขายศัตรูคู่แข่ง"
"นั่นมันไม่จริงคุณพ่อก็รู้"
"ไม่จริงแล้วไง ตั้งแต่เช้ามีแต่คนโทรมาถามเรื่องนี้ ถ้าแกยังหาแบบคอลเลคชั่นใหม่มาสู้ไม่ได้ หุ้นเราตกแน่ ชื่อเสียงบริษัทต้องยับเยินเพราะแก"
คำพูดเชือดเฉือนหัวใจของพ่อที่ไม่เคยสนว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ มีเพียงบริษัทเท่านั้นที่เขาแคร์ มันทำให้เธอเจ็บอยู่ลึกๆ
ฟางซินเม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอพยายามเบิกตามองฝ้าเพดานไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
"นี่สินะที่พ่อห่วงนักหนา ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ บริษัทนี้มีชื่อเสียงมาได้เพราะหนู ไม่มีทางพังเพราะหนูแน่"
ฟางซินกลับหลังหันเดินไปที่บันไดจะกลับห้อง ประธานลู่มีท่าทีอ่อนลง เหมือนมีบางอย่างที่อยากจะคุยมากกว่าเรื่องบริษัท
"เดี๋ยวก่อน ฉันยังพูดไม่จบ ตอนนี้นักข่าวกำลังเล่นข่าวเรื่องความสัมพันธ์แกกับไมเคิล พรุ่งนี้ฉันจะจัดแถลงข่าวเรื่องแต่งงานของฉันกับวิเวียนเพื่อกลบข่าวแก"
เท้าของฟางซินหยุดชะงักในทันที เธอใช้นิ้วเช็ดน้ำตาออกจากสองแก้มก่อนจะหันมาตอบ
"ดีนี่ ลูกสาวเพิ่งจะถูกผู้ชายทิ้ง พ่อกลับจะแต่งงาน ยินดีด้วยนะคะประธานลู่"
ฟางซินเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน ร้องไห้จนสาแก่ใจ เธอหลับตาลงเห็นแต่ภาพความสุขที่เคยมีไมเคิลอยู่ไกล้ๆ เหมือนเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เพียงแต่เธอไม่นึกว่าเขาวางแผนจะขโมยผลงานเธอมาระยะหนึ่งแล้ว
งานแถลงข่าวจัดขึ้นที่ห้องประชุมชั้นล่างบริษัทลู่เสียน และงานแต่งจะจัดขึ้นในอีก 1สัปดาห์ แม้แต่การ์ดเชิญก็ถูกแจกจ่ายออกไปหมดแล้ว
ฟางซิน แอบมองการแถลงข่าวอยู่ไกลๆพลางนึกสมเพชในใจ พ่อเธออายุไม่น้อยแล้วแต่กลับควงแขนอิงแอบแนบชิด ไม่เกรงสายตาคนกับหญิงหม้ายวัย 40 ต้นๆ แต่งตัวเซ็กซี่
แต่ก็ต้องยอมรับว่าถึงจะมีอายุแต่ก็รูปร่างสวยงามดูเด็กกว่าอายุจริงมาก
"จัดแถลงข่าวเพราะเรางั้นเหรอ ทำมาเป็นอ้าง เตรียมงานซะยิ่งใหญได้รวดเร็วขนาดนี้ วางแผนไว้นานแล้วสินะประธานลู่"
พ่อเธอเป็นคนเจ้าชู้มาตั้งแต่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่ของเธอก็เจ็บออด ๆ แอดๆ มาตลอดเพราะสุขภาพไม่ดี เมื่อต้องทนกับสามีที่นอกใจเป็นว่าเล่นจึงจากไปเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ทว่าบัดนี้พอแก่ตัวกลับหลงไหลแม่หม้ายทรงเครื่อง เจ้าของไนท์คลับจนถึงขั้นขอแต่งงาน
เธอไม่อยู่ในอารมณ์จะมายืนดูการกระทำอันน่าอับอายเช่นนี้ จึงกลับเข้าห้องทำงานตัวเองจะดีที่สุด
"จะทำยังไงกับคอลเล็คชั่นใหม่ดีนะ"
ฟางซินเอนหลังไปกับพนักพิงเก้าอี้ ใจลึกๆก็พยายามจะคิดเรื่องงาน แต่หลับตาลงที่ไรทำไมถึงไปนึกถึงหุ่นล่ำๆ ผิวเนียนๆของไซมอนซะได้
"บ้าไปแล้วฟางซิน เมื่อไหร่จะลบออกจากหัวได้เนี่ย "
ฟางซินรีบเอาสมุดมาพัดตัวเองให้คลายความร้อนรุ่มข้างใน ทั้งๆที่ห้องก็เปิดแอร์อยู่แต่ทำไมถึงร้อนนัก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาฟางซินสะดุ้ง เธอรีบวางสมุดในมือลง แล้วรีบจัดท่าทางให้เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
"มีอะไรเลขาหลิน"
"นี่พ่อเอง"
ประธานลู่เปิดประตูเข้ามา ฟางซินแสร้งทำเป็นกำลังทำงานยุ่งไม่หันไปมองประธานลู่
"หนูกำลังยุ่ง คุณพ่อมีอะไรก็ฝากเลขาหลินเอาไว้ได้เลยค่ะ"
"ก็ไม่มีอะไรมากพ่อแค่อยากให้แกรู้จักกับวิเวียนไว้น่ะ วิเวียนนี่ฟางซินลูกสาวผมเอง อีกหน่อยก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วควรสนิทกันไว้หน่อย น่าเสียดาย ที่ไม่ได้พาจางหมิ่นมา สองคนพี่น้องจะได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันสักหน่อย"
ฟางซินเงยหน้าขึ้นมาพบว่าประธานลู่ควงแขนกันมากับวิเวียนอย่างมีความสุข ราวกับหนุ่มสาวที่เพิ่งครองรักกัน จนน่าหงุดหงิด
"ขอโทษนะคะคุณพ่อ คุณน้าวิเวียน หนูคิดว่าหนูเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อซะอีก ตอนนี้จู่ๆ กลับกลายเป็นว่ามีน้องชายโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มันไม่แปลกไปหน่อยหรือคะ"
"นี่ นี่แกพูดอะไรของแกหา! มารยาทแกอยู่ที่ไหน พูดจาอะไรหัดใช้หัวคิดซะบ้าง"
ลู่เสียนออกอาการโกรธบุตรสาวเป็นฟืนเป็นไฟที่กล้าฉีกหน้าต่อหน้าหญิงคนรัก แต่ถึงยังไงฟางซินทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจอยู่แล้วต่อให้ดีแค่ไหนก็ตาม เธอจึงไม่สนถ้าจะยั่วให้โกรธเพิ่มอีกสักเรื่อง
"คุณคะใจเย็นก่อน หนูฟางซิน เธอพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก เมื่อฉันแต่งเข้าสกุลลู่ ก็เป็นคนสกุลลู่ เปรียบไปก็เหมือนเป็นแม่ของเธอ จางหมิ่นเป็นลูกชายฉัน เขาอายุน้อยกว่าเธอย่อมเป็นน้องชายจริงมั้ย"
"ขอโทษนะคะคุณนายจาง คุณไม่ใช่แม่ของฉัน แม่ฉันมีคนเดียว หนูไม่ค่อยสบายขอลาหยุดแล้วกัน พรุ่งนี้หนูคงไม่เข้าออฟฟิต ต้องรีบไปหาแรงบันดาลใจในการออกแบบ ขอตัวค่ะ"
ฟางซินหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานดื้อๆ ไม่สนสีหน้าของลู่เสียนผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย
"ดู ดูมันทำ คุณดูสิลูกสาวผมช่างดื้นรั้นหัวแข็งที่หนึ่ง "
"อาเสียน คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป อีกหน่อยเขาคงเข้าใจเอง ฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ"
วิเวียนลูบหลังประธานลู่ปลอบใจ พลางมองจ้องเบื้องหลังฟางซินแล้วยิ้มอย่างมีแผนการในใจ
มหาวิทยาลัยศิลป เซี่ยงไฮ้
"คราสวันนี้ อาจารย์ได้เชิญนายแบบรับเชิญคนพิเศษมาที่คณะเรา เป็นรุ่นพี่ปี 3 ของเรานั่นเอง ไหนๆก็จะจบอยู่แล้ว มาเป็นแบบให้น้องๆวาดสักครั้งหน่อย ไซมอนมาเลย"
เสียงนักเรียนภาควิชาศิลปพากันฮือฮา เพราะวันนี้อาจารย์ไม่ได้จ้างนายแบบจากข้างนอกมาเป็นแบบแต่กลับเป็นรุ่นพี่เนื้อหอมคนดังประจำคณะ
"ว้ายตายแล้ว รุ่นพี่ไซมอน อย่างงี้ฉันจะวาดยังไงเนี่ย ใจสั่นไปหมดเลย"
นักศึกษาสาวหันไปดึงแขนเสื้อเพื่อนเขย่าเป็นการใหญ่ด้วยความเคอะเขิน เมื่อเห็นไซมอนเดินเข้ามาในห้อง
เขาโค้งให้กับน้องๆ ปี1กับปี 2 ที่จะมานั่งวาดรูปเขาจากทุกมุมในห้องวันนี้ อย่างสุภาพ
"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ วาดผมดีๆล่ะ "
เขากล่าวพร้อมส่งยิ้มกว้าง ตามด้วยขยิบตาโปรยเสน่ห์ เท่านี้เสียงกรี๊ดจากนักศึกษาหญิงก็ดังลั่นห้อง
"เอาล่ะ เอาล่ะกรี๊ดพอหอมปากหอมคอก็พอ มีเวลาร่างแบบกัน 1ชั่วโมงนะ อาจารย์มีปัญญาจ่ายแค่นั้นแหละเห็นใจกระเป๋าอาจารย์ด้วย"
นักศึกษาชายพากันหันมองสาวๆในห้องแล้วอิจฉาไซมอนซะเหลือเกิน
"เชอะ กรี๊ดอะไรนักหนา หล่อแค่ไหนเชียวไม่รู้อะไรซะแล้ว ให้เรามาถอดให้วาดบ้างรับรองจะตะลึง"
นักศึกษาหญิงที่นั่งไกล้ๆ หมั่นไส้เต็มที หันมาสะกิดเพื่อน
"อย่างนายน่ะเขาจะตะลึงจนอาเจียนล่ะสิไม่ว่า อุบาทว์ยังกล้าไปเทียบเขาอีกดูเองละกัน"
ไซมอนถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกแล้วหันหลัง ตามด้วยเสื้อยืดสีดำด้านในออก รอยเล็บข่วนยังอยู่บนแผ่นหลังขาวๆจางๆ เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย
"รอยอะไรน่ะ หรือว่ารุ่นพี่เค้ามีแฟน"
"ไม่ล่ะมั้งไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนี่ อุ้ยหันมาแล้ว หันมาแล้ว"
มัดกล้ามเป็นก้อนเป็นชั้นเรียงสวยงามเด่นชัด กับผิวพรรณขาวอมชมพูทำเอาแม้แต่นักศึกษาชายยังกลืนน้ำลาย แล้วนักศึกษาหญิงมีหรือจะไม่ใจสั่น เขาสวมใส่แค่กางเกงยีนตัวเดียวเดินไปนั่งที่แท่นเป็นแบบให้วาดอยู่กลางห้อง
เด็กสาวที่ได้ที่นั่งด้านหน้าพอดีได้แต่แอบมอง หลบสายตาที่มองมาตรง ๆ ของไซมอน หัวใจก็เต้นโครมครามจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว
"อะไรกันนี่แววตาแบบนั้น ทำไมยิ่งมองยิ่งใจเต้นแบบนี้นะ"
โจวเข่อซิงหลบหน้าไปข้างหลังเฟรมผ้าใบ มือไม้สั่นไปหมด ร่างกายร้อนวูบ เพราะสายตาของไซมอนที่มองมานั้นมันแฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างข้างในแววตา
ทว่านั่นก็เพราะแม้ตัวเขาจะอยู่ในห้องกับคนมากมาย แต่ในใจกลับคิดถึงฟางซิน ผู้หญิงที่เขารู้จักในนามวิกตอเรียคนนั้นอยู่ตลอด
หมดเวลาในการร่างภาพแล้ว ไซมอนลุกขึ้นไปสวมเสื้อ เสียงบ่นฮือฮาดังอีกครั้งเพราะไม่อยากให้หมดเวลาเลย
"รุ่นพี่อย่าเพิ่งใส่ไม่ได้เหรอคะ ยังดูไม่พอเลย"
นักศึกษาหญิงคนนึงท้วง พาเอาไซมอนยิ้มเขิน
"นั่นสิคะ ไม่แฟร์ ฉันได้มุมข้างหลังยังไม่ได้ดูเลยอ่ะ"
คำทักท้วงเริ่มนอกเรื่องไปแล้ว อาจารย์เอาไม้ทีเคาะโต๊ะเรียกสติ
"นี่ ๆ ให้มาวาด ไม่ได้ให้มาลวนลามรุ่นพี่ทางสายตา มืออาชีพน่ะ มีความเป็นมืออาชีพมั้ย นายแบบจะหล่อหรือไม่หล่อก็ต้องทำตัวเป็นมืออาชีพเข้าไว้เข้าใจรึเปล่า"
ไซมอนยิ้มไปขำไป ยิ่งดูมีเสน่ห์สาวๆในห้องต่างพากันเคลิ้มไปกันใหญ่ ยิ่งเขาเดินไปตรวจภาพของทุกคนด้วยตัวเองแล้ว คนวาดยิ่งตื่นเต้นตกใจมือไม้สั่นไปหมด
"วาดผมได้ดีมากเลย แววตานี่ใช้ได้เลยนี่ เมื่อกี้ผมมองแบบนี้จริงๆเหรอ"
เข่อซิงหยุดชะงักงันเมื่อไซมอนโน้มตัวมาดูรูปไกล้ๆ ในใจก็เผลอคิด ผู้ชายอะไรทำไมตัวหอมอย่างนี้
"วาดดีแล้ว เก่งมากหยุดทำไมล่ะ อ้อ ขอโทษทีผมกวนสมาธิน้องใช่รึเปล่า"
"เอ่อไม่ค่ะ ฉันโจวเค่อซิงค่ะรุ่นพี่"
"อ่าครับผมจำได้แล้ว โจวเค่อซิง ตั้งใจวาดนะ"
ไซมอนส่งยิ้มให้เธอแล้วเดินไปดูคนอื่นต่อ เด็กสาวดีใจที่ได้มีโอกาสพูดออกไป ถึงอยากจะกรี๊ดมากแค่ไหนแต่ก็ต้องสะกดใจเอาไว้ก่อน
จบคราสแล้ว ไซอนมอนรีบเดินออกไปกับเพื่อน ก่อนจะถูกสาว ๆ รุมขอเบอร์โทร เหมือนทุกที
"วันนี้ไปเข้างานรึเปล่า ว่างมั้ยรับจ็อบที่โรงแรมหน่อยสิ มีงานการ่าดินเนอร์ต้องการบาเทนเดอร์ไว้ต้อนรับลูกค้า แล้วก็พวกเศรษฐีที่มาบริจาคในงานการกุศลน่ะแน่ะ เงินดีนะ"
เฉิงหมิงเพื่อนที่คณะเสนองานให้ไซมอน เขาครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบไป
"ก็ดีเหมือนกัน ถือโอกาสหลบงานหมั้นซะดีกว่า ไม่ค่อยอยากไปเจอทางนั้นเขาน่ะ"
พอไซมอนพูดแบบนี้ อาเฉิงถึงนึกได้
"เอ้อลืมไปเลย แม่นายกำลังจะหมั้นนี่หว่า นายไม่ไปเจอญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวว่าที่พ่อใหม่บ้างเหรอ มันไม่ดีนะ"
"เจอทำไม แม่ฉันแต่ง ไม่ใช่ฉันแต่งสักหน่อย ไปไม่ไปก็ค่าเท่ากัน เอาที่อยู่กับเบอร์ติดต่อมาให้ฉัน คืนนี้เจอกัน"
อาเฉิงเอาเบอร์โทรกับที่อยู่ส่งให้ไซมอน เขารับเอาไว้แล้วเดินออกไปขึ้นคล่อมมอเตอร์ไซด์สีน้ำเงินเข้มของเขา
"อ้าว แล้วนายจะไปไหน ไม่ไปพร้อมกันเหรอ"
"ไม่ล่ะ ฉันจะแวะไปที่แกลลอรี่ก่อน"
เขาสตาร์ทรถขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว นิสัยการขับรถของไซมอนอาจดูเลือดร้อนไปสักหน่อยแต่ก็ต้องยอมรัยว่ามีฝีมือจริง เพราะนอกจากเขาจะวาดภาพฝีมือดีจนได้จัดแสดงในแกลลอรี่ที่มีชื่อเสียงเขายังเป็นนักแข่งรถอีกด้วย
"ไปไวดีแท้ กะว่าจะหลอกถามสักหน่อยว่าไปได้รอยเล็บมาจากไหน อดเม้าเล้ย"
แกลลอรี่.....
"คุณลู่สนใจภาพไหนเป็นพิเศษบอกได้นะครับ ตอนนี้เรามีภาพของจิตรกรมีชื่อหลายท่านมาจัดแสดง ลองชมดูก่อน"
ฟางซินเดินมาสะดุดใจกับภาพๆหนึ่งที่พนัง เฟรมขนาด24×36นิ้ว รูปเด็กสาวนัยตาสีฟ้า ล้ำลึกสุดหยั่ง ราวกับว่าโหยหาบางสิ่งบางอย่าง รายล้อมไปด้วยดอกทานตะวันสีสดใส ที่มากมายเหมือนกับร่างกายจมลงไปในทะเลดอกทานตะวัน
"คุณลู่ชอบภาพนี้หรือครับ"
"ภาพนี้เป็นของจิตรกรมือใหม่มาแรงทีเดียว ภาพของเขาเพิ่งจะเขาจัดแสดงที่นี่ได้ไม่นาน แต่ก็ได้รับความสนใจมากทีเดียวครับ เอ่อแต่ระดับคุณลู่เนี่ยสะสมภาพของจิตรกรที่มีชื่อเสียงจะสมฐานะกว่านะครับ ภาพนี้มูลค่าทางการตลาดยังไม่สูง ดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่นะครับ"
ลู่ฟางซินยืนจ้องรูปนั้นไม่วางตา มันเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดเธอเอาไว้
"เธอกำลังค้นหาบางอย่างสินะฟางซิน หาความหวังเพียงน้อยนิด ความสุขที่อยู่ตรงหน้าที่มองไม่เห็น จ่อมจมอยู่ท่ามกลางความสุขของผู้อื่นโดยไร้ตัวตน ฉันจะเอาภาพนี้ ส่งมันไปที่บ้านฉัน อ้อเพิ่มราคาให้เขาอีกเท่าตัวฉันถูกใจมาก"
"จริงเหรอครับ ครับได้ครับผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"
ผู้จัดการแกลลอรี่รีบรุดไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ฟางซิน เธอตามผู้จัดการไปที่ห้องเพื่อไปเซ็นเอกสารซื้อให้เรียบร้อย
ไซมอนจอดรถมอเตอร์ไซด์ด้านหลังแกลลอรี่ แล้วเข้าไปข้างใน โดยไม่รู้ว่าฟางซินลงลิฟท์ตัวข้างๆ ทางเดินที่เขาเข้ามา แล้วเดินออกไปขึ้นรถหน้าแกลลอรี่
"อ้าวไซมอน ภาพนายขายได้อีกแล้วนะ ข่าวดีรู้มั้ยเขาเพิ่มราคาให้นายเป็นสองเท่าเลยนะ แสดงว่าต้องชอบรูปที่นายวาดมากแน่ มีภาพอะไรดีๆ ก็ส่งมาอีกล่ะ สัปดาห์นี้ยอดขายภาพของนายมาแรงที่สุดแล้วนะ"
"ขอบคุณครับผู้จัดการ เอ้อ ใครเป็นคนซื้อภาพไปน่ะครับ ผู้หญิงหรือผู้ชาย"
ไซมอนถามด้วยความสงสัย ใครจะยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อภาพของจิตรกรไร้ชื่อเสียงอย่างเขา
"เป็นผู้หญิง บุตรสาวคนเดียวของประธานลู่เสียนกรุ๊ป ลู่ฟางซิน"
