บทที่ 6
นามบัตรของณมนกำลังอยู่ในมือของเอเดน ชายหนุ่มใช้ข้อมูลที่ได้มาค้นหาในกูเกิ้ลจึงรู้ว่าเธอที่เขาสนใจทำงานที่ไหนและเกี่ยวข้องกับอะไร
“เป็นทนายความอย่างนั้นเหรอ อืม…น่าสนใจ”เอเดนยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปรินวิสกี้ดื่มพร้อมกับคิดถึงใบหน้าเล็กๆ แต่ทว่าสวยโดยเฉพาะดวงตาของณมนอย่างอดใจไม่ได้
เขาโตพอที่จะรู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรโดยเฉพาะผู้หญิง เขารู้ใจตัวเองดีกว่าใครทั้งนั้นและมันก็นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มจนอยากได้เธอมาครอบครองเช่นนี้ ยิ่งคิดถึงเธอวิสกี้สีอำพันในแก้วก็ยิ่งลดน้อยลงไปกระทั่งหมดแก้วในที่สุด
ในสมองของเอเดนยังคงมีภาพของณมนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น นั่นทำให้เขาหยุดคิดเรื่องของเธอไว้ชั่วคราวก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับสายซึ่งเป็นสายจากเลขาส่วนตัวนั่นเอง
“มีอะไรอีกไหมคุณปีเตอร์สัน” เมื่อคุยเรื่องงานเสร็จไปสามเรื่องเอเดนก็แกล้งถามขึ้น
“ไม่มีแล้วครับ”
“ถ้าผมจำไม่ผิด ปลายปีนี้เรามีแผนจะขยายธุรกิจไปที่เมืองไทยใช่ไหม” แม้จะจำได้แต่เอเดนก็เกริ่นนำเหมือนทุกครั้งที่เขาจะเอ่ยเรื่องสำคัญกับเลขาคนสนิท
“ใช่ครับ”
“ช่วยเร่งแผนนั่นให้เร็วขึ้นอีกหน่อย”
“ได้ครับ”
“ดีมากที่ไม่ถามว่าเพราะอะไรผมถึงให้เร่งแผนงานเร็วขึ้น” เอเดนเอ่ยชมซึ่งปีเตอร์สันก็ยิ้มรับคำชมนั้น เขาเป็นเลขาส่วนตัวให้เจ้านายคนนี้มานานหลายปีจึงรู้งานพอสมควรว่าเวลาไหนควรคล้อยตามหรือเวลาไหนควรเงียบแล้วฟัง
ธุรกิจของเอเดนนั่นคือการรับออกแบบโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร ก่อนจะขยับขายไปผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และดูเหมือนจะเปิดสำนักงานกฎหมายอีกด้วย
“ผมเชื่อใจคุณเอเดนเสมอครับ”
“เป็นคำตอบที่ดี แล้วคุณอยากเลื่อนตำแหน่งไปเป็นผู้จัดการระดับภาพพื้นเอเชียบ้างไหม” เอเดนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ครับ ผมพอใจกับตำแหน่งตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างดี”
“งั้นผมคงต้องรับผิดชอบหน้าที่นั่นเอง” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพราะมั่นใจว่าหน้าที่ใหม่ไม่ได้เกินกำลังที่เขาจะรับผิดชอบได้อยู่แล้ว
“ครับ…อ้อ ผมมีอีกคำถาม”
“ว่ามาสิ”
“ผมได้ข่าวว่าวันนี้คุณช่วยเหลือสุภาพสตรีที่มาจากเมืองไทยไว้คนหนึ่งแล้วเธอก็สวยมากด้วย”
“ข่าวคุณเร็วใช้ได้ เร็วเหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง” เอเดนเอ่ยแซวถ้าปีเตอร์สันพูดออกมาแบบนี้แสดงว่าต้องเห็นอะไรเข้าแน่
“คุณสนใจเธอ” ปีเตอร์สันเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม นั่นเพราะนานแล้วที่เอเดนไม่ได้แสดงท่าทีสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ
“ใช่…ไม่ได้หรือ”
“ได้ครับ”
“คุณเชื่อเรื่อง destinyไหมคุณปีเตอร์สัน”
“เชื่อเต็มหัวใจครับ เพราะความรักของผมก็เกิดขึ้นเพราะ destiny เช่นกัน” นั่นเพราะความรักของปีเตอร์สันเกิดขึ้นจากdestinyที่มาจากพระเจ้า เขาเชื่อแบบนั้น
“อย่างนั้นเหรอ” เอเดนยิ้มให้ตัวเองและเลขาส่วนตัว “น่าจะได้เวลาพักผ่อนแล้วคุณปีเตอร์สัน อ้อ…ดึกๆ ไม่ต้องโทรหาผมบ่อยนัก ขยันแบบนี้ผมจ่ายโบนัสไม่ไหว”
“ครับคุณเอเดน” ปีเตอร์สันเอ่ยรับแล้ววางสายทันที เอเดนส่ายหน้าให้เลขาคนสนิทที่ชักจะรู้ใจเขามากเกินไปเสียแล้ว
ก่อนจะรินวิสกี้ใส่แก้วอีกครั้ง ยืนจิบตรงริมหน้าต่างพร้อมกับมองวิวของเมืองบอสตันไปด้วย ที่นี่วุ่นวายนักเพราะแบบนั้นเขาจึงอยากหาสถานที่สงบๆ สักแห่งบนโลกไว้ใช้ชีวิต แต่คนเดียวก็คงเหงามากไปหน่อย
Destiny สำหรับเขาคือเรื่องที่อยู่ไกลตัวไปเสียหน่อย แต่ใครเลยจะรู้ว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะประทานผู้หญิงที่ทำให้เขาใจสั่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอมาให้
มาวินเตรียมตัวออกไปรับณมนที่สนามบิน ชายหนุ่มตั้งใจเลือกสวมเสื้อผ้าวันนี้เป็นพิเศษเพราะอยากให้เธอประทับใจ แต่ทว่าณมนกลับส่งข้อความมาบอกว่าเครื่องดีเลย์จึงคาดเดาเวลาลงเครื่องไม่ได้แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งใจไปรอรับ โดยไม่ลืมเตรียมดอกไม้ช่อใหญ่ไปให้ณมนอีกด้วย
“อิ้ง ผมอยู่ทางนี้” มาวินโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้ณมนมองเห็น เธอจึงเดินตรงมาหาเขา “ขอต้อนรับสู่บอสตันครับ” เอ่ยบอกเสร็จก็ยื่นช่อดอกไม้ให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” ณมนเอ่ยขอบคุณแล้วยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อนั้นมาจากเขา เธอไม่แม้จะใช้หางตามองความสวยของมันด้วยซ้ำ
“เดินทางมาเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม”
“นิดหน่อย”
“แล้วกระเป๋าอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ”
“อิ้งส่งไปโรงแรมแล้ว” คนถูกถามเรื่องกระเป๋าเดินทางเลือกที่จะโกหก
“อ้อครับ เราไปกันเลยไหม อยากพาอิ้งไปหาอะไรอร่อยๆ กินจะแย่แล้ว”
“อื้อ ไปสิ” ณมนเอ่ยรับอย่างเจ็บปวดเธอฝืนยิ้มให้มาวินทว่าชายหนุ่มกลับไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ จังหวะที่เขาจะคว้ามือของเธอไปกุมณมนก็รีบสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที
มาวินเก้อเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะปกติแล้วณมนเป็นคนหวงเนื้อหวงตัวแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ชายหนุ่มพาคนรักไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งกว่าที่เขาจะจองโต๊ะได้ก็กินเวลาเกือบสองอาทิตย์ มาวินดูแลเทคแคร์ณมนเป็นอย่างดีทำราวกับเธอคือเจ้าหญิงของเขาก็ไม่ปาน
แต่ยิ่งเขาทำตัวเป็นปกติมากเท่าไหร่ณมนก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะนั่นหมายความว่ามาวินไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้เลยแม้แต่น้อย เขายังคงยิ้มได้ทั้งๆ ที่เธอยิ้มไม่ออกเพราะกำลังร้องไห้อยู่ในอก
มาวินพยายามบอกว่าเขานั้นคิดถึงณมนมากแค่ไหนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกขยะแขยงกับคำพูดไร้ยางอายแบบนี้ของเขา
“อิ้งอยากเข้าห้องน้ำ”
“เชิญครับ” มาวินเอ่ยบอกจากนั้นก็ลุกขึ้นมาขยับเก้าอี้ตัวที่ณมนนั่งอยู่ให้ ถ้ามองแค่ภายนอกเขาคือสุภาพบุรุษที่ทำให้สาวๆ หลงไหลได้ไม่ยากเย็นนัก
“ขอบคุณค่ะ”
“ทำตัวเหมือนคนไม่มีวิญญาณ เสียบรรยากาศหมด” คำพูดของมาวินแม้จะไม่ได้ดังถึงขนาดเข้าหูของ ณมนได้ก็จริง แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั่นต่างหากที่ทำให้ณมนเจ็บปวด
เธอแค่เอาเรื่องห้องน้ำมาเป็นข้ออ้างเพราะไม่อาจทนมองหน้ามาวินได้อีกแล้วก็เท่านั้นเอง ยิ่งมองคนที่เจ็บก็ยังคงเป็นเธอแค่เพียงคนเดียว จู่ๆ น้ำตาของณมนก็ไหลอาบแก้มเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตานั้นอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้มันทิ้งหลักฐานอะไรไว้แม้แต่นิดเดียว
