Episode 05: แสงสะท้อนกลับ [2/1]
เรื่องเข้าหูเจอโรมไวปานติดจรวด เขาไม่รอช้า รีบออกหน้าไปรับผิดแทนลูกชายตัวดีถึงโรงพยาบาลที่ธีโอถูกส่งตัวไปอย่างรวดเร็ว และก็ต้องหน้าเสียหนักขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินจากแพทย์ว่าอีกฝ่ายอาการสาหัสไม่น้อย กระดูกหลายส่วนแตกหักและร้าว ร่องรอยฟกช้ำเต็มไปทั่วทั้งตัวจนแทบไม่มีที่ว่างเหลือ อวัยวะภายในก็บอบช้ำ ดีที่ไม่มีส่วนไหนมีเลือดคั่งหรือเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิต แต่สภาพของธีโอที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจระโยงระยางนั้นก็ทำให้เจอโรมคิดไม่ออกเลยว่าลูกชายเขาจัดการกับชายหนุ่มคนนั้นด้วยวิธีไหน
และไม่เพียงแต่เจอโรมเท่านั้นที่ต้องรีบร้อนมายังโรงพยาบาล ตัวการอย่างเจเรมีเองก็ถูกบิดาส่งคนไปพาตัวมาที่นี่เช่นเดียวกัน ชายหนุ่มมีท่าทีสงบนิ่งเพราะรู้ดีว่าการกระทำของตนทำให้บิดาไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายอะไรใดๆ ด้วยรู้ว่าพูดไปตอนนี้ก็ไร้ความหมาย ตอนเจอโรมโกรธอย่างนี้ไม่มีทางที่จะฟังหรอกว่าที่เขาลงมือทำร้ายเป็นเพราะถูกธีโอยั่วโทสะก่อนแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไปมากก็ตาม อีกทั้งผู้เป็นบิดาก็ยังไม่สนใจที่จะถามไถ่อะไรเขาในตอนนี้ด้วย แววตาคู่ที่ปราดมองมามีเพียงความโกรธเกรี้ยว
เป็นความสงบนิ่งที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว...
จะไม่โกรธก็คงจะแปลกไปหน่อย เขาอุตส่าห์ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้เจเรมีอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมอัลฟ่าได้อย่างราบรื่น และระมัดระวังเป็นอย่างดีว่าจะต้องไม่มีใครล่วงรู้ความลับว่าเจเรมีเป็นโอเมก้า ทั้งที่เตือนแล้วว่าอย่าทำอะไรให้เป็นจุดสนใจเพื่อเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง แต่เจ้าหนุ่มเลือดร้อนคนนี้ก็ไม่เคยฟัง ทั้งยังไม่เคยตระหนักถึงผลเสียที่จะตามมา
ความผิดเขาเอง... เป็นความผิดเขาคนเดียวที่หล่อหลอมให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลายเป็นคนแบบนี้!
แต่ตอนนี้จะโทษตัวเองหรือโทษว่าเป็นความผิดใครก็เท่านั้น เจอโรมรู้เพียงอย่างเดียวว่าหลังจากนี้เรื่องจะต้องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ ธีโอเป็นลูกชายคนเดียวของ นายพลเดร็ก แฮร์ริสัน ซึ่งเป็นสมัครพรรคพวกกับตระกูลผู้นำทั้งสาม และแน่นอนว่าเป็นปฏิปักษ์กับผู้นำที่ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านอย่างเขาเพราะมีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้นิสัยของเดร็กดีว่าเป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ อีกทั้งยังไม่ยอมเสียหน้า ศักดิ์ศรีค้ำคอขนาดนี้ ต่อให้เป็นเจเรมี ฝ่ายนั้นก็คงไม่ยอมความไปง่ายๆ แน่ ไม่ว่าเจอโรมจะใช้วิธีสกปรกในการยุติเรื่องราวทั้งหมดแค่ไหนก็ตาม
และก็จริงอย่างที่เจอโรมคาด ไม่นานหลังจากเขากับเจเรมีมาถึงห้องพักของธีโอ เสียงรองเท้าบูทกระแทกพื้นของโรงพยาบาลก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ตามมาด้วยเสียงร้องปรามของใครบางคนที่บอกให้เจ้าของเสียงแรกใจเย็นลง ทว่าเสียงร้องปรามนั้นไม่ได้เข้าหูอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งก้าวเท้าเร็วมากขึ้นไปอีกทันทีที่เห็นว่าบริเวณหน้าห้องไอซียูมีร่างของคนคุ้นตายืนอยู่
“คุณเมอร์ซี” น้ำเสียงห้าวเรียกอีกฝ่ายแข็งๆ
สองพ่อลูกตระกูลเมอร์ซีหันไปมองแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่าเป็นทหารยศนายพลนายหนึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับชายที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูไม่มีผิดเพี้ยน ที่ต่างกันเห็นจะเป็นสีหน้าเรียบนิ่งที่แสดงความเกรี้ยวกราดออกมาทางสายตาและมันก็ถูกส่งให้กับเจเรมีโดยตรงเมื่อดวงตาคู่นั้นเหลือบมามอง ส่วนทางด้านหลังก็เป็นผู้ติดตามที่แต่งเครื่องแบบทหารคล้ายๆ กัน
“ผมได้ยินมาว่าลูกคุณเป็นตัวการ” เดร็กไม่รอช้า เข้าเรื่องทันที
เจอโรมรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในสถานการณ์ชวนอึดอัดอย่างนี้ และก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวว่าอะไรจึงได้แต่ตอบรับไปเสียงเรียบ
“ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วย แน่นอนว่าผมยินดีรับผิดชอบทั้งหมด”
คำพูดของเจอโรมทำเอาคนฟังปั้นหน้าเหี้ยมมากขึ้นไปอีก
“ถ้าหากว่าลูกผมถูกทำร้ายจนตาย คุณจะรับผิดชอบยังไงงั้นเหรอ”
คำถามท้าทายปัญญาทำให้เจอโรมนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่สามารถบอกได้เหมือนกันว่าจะรับผิดชอบอย่างไรถ้าหากเจเรมีทำธีโอถึงแก่ชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าแม้แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้ เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะรับผิดชอบอย่างไร หากเปลี่ยนคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นลูกเขาแทน เจอโรมก็คงโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กันกับที่เดร็กกำลังรู้สึกอยู่
หากแต่เดร็กเก็บอาการได้ดี ยืนรอฟังคนตรงหน้าตอบคำถามอย่างใจจดจ่อ
“ว่าไงล่ะท่านผู้นำเมอร์ซี ถ้าลูกผมตาย คุณจะรับผิดชอบยังไง”
ถูกถามอีกครั้ง เจอโรมพอเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามต้อนให้เขาจนมุมด้วยแรงโทสะ พลันลอบถอนหายใจก่อนตอบออกมา
“แต่ลูกคุณก็ยังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
ไม่ใช่คำตอบ ทว่าเป็นการย้อนถามกลับ
เท่านั้นเดร็กก็รู้ได้แล้วว่าเจอโรมไม่ยอมให้เขาไล่ต้อน รู้นิสัยของอีกฝ่ายดีว่าเป็นพวกหัวหมอและหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างกับอะไร เป็นคนประเภทเดียวกันกับเขา ถึงจะเป็นความผิดของตน ปากยอมรับผิดหากแต่ไม่ยอมก้มให้ใครง่ายๆ
“ย้อนถามได้ดี คนถูกฟาดซะกระดูกหักหลายท่อนไม่ใช่ลูกคุณนี่ คุณเมอร์ซี” เดร็กแสยะยิ้ม พลันเหลือบไปมองเจ้าตัวต้นเหตุที่ยืนจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาเรียบเฉย “อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วเรื่องจะจบง่ายๆ”
เจเรมีย่นคิ้วยู่ทันทีที่ถูกขู่ เขากับธีโอเป็นคู่กัดกันจึงพอจะรู้ว่าเดร็กเองก็ไม่ชอบหน้าพ่อเขาอยู่เช่นเดียวกับที่เขาไม่ชอบหน้าธีโอ ได้ยินบิดากับแมทธิวหารือกันบ่อยครั้งว่ามีปัญหาขัดแย้งกับตระกูลผู้นำอื่นๆ ด้วยต้นเหตุมาจากเดร็กที่มักเสนอนโยบายเข้าข้างผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเอง
และการที่เดร็กพูดกับลูกชายเขาอย่างนี้ทำให้เจอโรมต้องออกปาก
“ต้องการเท่าไหร่ล่ะคุณแฮร์ริสัน”
คงจะใช้วิธีเจรจาต่อรองแบบแบบธรรมดาไม่ได้แล้ว คงต้องพูดไปตามตรง ดูท่าเดร็กจะไม่ยอมง่ายๆ มัวแต่อ้อยอิ่งไม่มีข้อแลกเปลี่ยนที่ดึงดูดใจ เห็นทีอีกฝ่ายคงจะหาทางเล่นงานเจเรมีทุกวิถีทางแน่
ทว่าการโพล่งไปตามตรงทำเอาสายตาขุ่นเคืองของเดร็กตวัดไปมองยังผู้พูดทันที
“ว่าอะไรนะ”
“อย่าอ้อมค้อมเลยดีกว่า คุณก็รู้ว่าปัญหาพวกนี้มันจัดการได้ด้วยวิธีไหน อยากได้เท่าไหร่ล่ะ ลองเรียกมาสิ” เจอโรมย้ำอีกที ทำเอาเดร็กกำมือแน่น
“ผมไม่ต้องการเงิน”
“ล่าสุดผมเพิ่งเห็นร่างโครงการของคุณยื่นมาขอให้ผมเซ็นอนุมัติงบประมาณอยู่นะ ผมว่าโครงการนี้ไม่น่าจะใช้งบประมาณเยอะขนาดนี้ แต่คิดว่าพวกของคุณคงจะหิว ผมจะเซ็นให้ก็ได้ถ้าคุณยอมจบเรื่อง”
วิธีแก้ปัญหาตามแบบฉบับของนักการเมือง... เป็นวิธีที่สกปรก เจอโรมรู้ดีแต่ในแวดวงสังคมที่เขาอยู่ ในขั้นตอนแรกของการแก้ปัญหาทุกอย่างคือการใช้เงินเป็นตัวต่อรอง เขาก็แค่เสนอสิ่งที่ดูแล้วเดร็กน่าจะต้องการมากที่สุดไปเพื่อให้คนตรงหน้ารู้สึกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับมันคุ้มค่าจนพอจะลืมเรื่องราวบางอย่างที่ขุ่นข้องใจกันไปได้
ทว่าไม่ใช่ในครั้งนี้ เจอโรมคงลืมไปว่านายพลคนนี้ก็รักลูกชายคนเดียวของตนมากพอๆ กับที่เขารักเจเรมี การถูกเสนอข้อเสนอนี้มันเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายมากทีเดียว
คิดว่าเขาจะยอมขายชีวิตลูกชายแลกกับเงินอย่างนั้นเหรอ! สิ่งที่เขาต้องการมันไม่ใช่เงิน เขาต้องการเห็นไอ้เด็กเหลือขอตรงหน้านั่นได้รับผลจากการกระทำของมันต่างหาก!
“หรือถ้าไม่สะดวกจะบอกตอนนี้ ผมจะให้คุณติดต่อผ่านเลขา...”
“ผมไม่ต้องการเงินคุณเมอร์ซี! ผมต้องการให้ลูกคุณรับผิดชอบการกระทำนี้!”
พอได้ยินเจอโรมว่าขึ้นมาอีก เดร็กก็อดเดือดดาลไม่ได้ เขาชะงักไป เดาได้รางๆ ว่าเรื่องคงไม่ง่ายเสียแล้วเมื่อเห็นสีหน้ากรุ่นโกรธของนายพลที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จริงดังคาดเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นงานเจเรมีที่ยืนอยู่ไม่ไกลแทน
“แกจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม เจเรมี!” แผดเสียงเรียกชื่อชายหนุ่มในตอนท้าย พลันถลาเข้ามาคว้าคอเสื้อ
เจเรมีเคลื่อนไหวไปตามแรงกระชากเล็กน้อย มองหน้าอีกฝ่ายที่ใกล้เพียงเอื้อมก็กลอกตา เขาอยากจะต่อยหน้าคนอายุรุ่นราวคราวพ่อที่มาตะคอกใส่นัก ยิ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับคนที่เขาเกลียดขี้หน้าด้วยแล้วก็แทบอดใจไม่ไหว หากเจอโรมไม่เข้ามาแทรกกลางเสียก่อนด้วยการเอื้อมมือมาจับข้อมือของเดร็กเป็นการห้าม เขาคงไม่รอช้า ส่งเดร็กเข้าห้องไอซียูไปอีกคนแน่
“ไปตีกับเด็กอย่างนั้นไม่สมเป็นคุณเลยนายพลแฮร์ริสัน เอาเป็นว่ามีอะไรก็มาเจรจากับผมดีกว่า”
เดร็กเหลือบมอง มือยังไม่ยอมปล่อยจากคอเสื้อของเจเรมี กระทั่งเจอโรมออกแรงบีบมากขึ้น ความเจ็บปวดที่แล่นพล่านเข้ามาทำให้เขาจำเป็นต้องปล่อยมือออก
พอเห็นว่าเขาปล่อยมือจากลูกชายตน เจอโรมก็ยกยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มของผู้ชนะในสายตาของเดร็ก รอยยิ้มเย็นที่อ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร รู้เพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่อยู่ในใจของคงตรงหน้าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือซื่อตรงเท่าไหร่ คนอย่างเจอโรมน่ะ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์และคิดถึงแต่ประโยชน์ของมวลชนเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่ขาวสะอาดอะไรขนาดนั้น ถ้ามีอะไรที่เอื้อต่อผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองก็พร้อมจะใช้อำนาจครอบครองสิ่งนั้นโดยไม่สนใจอะไรเหมือนกัน
เหมือนกับนักการเมืองทั่วไป เพียงแต่ไม่ได้ดำสนิทอะไรขนาดนั้น... และนั่นก็ทำให้เดร็กเดาได้ตั้งแต่ก่อนมาเจอหน้าอยู่แล้วว่าเจอโรมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกชายตัวเองแน่ ซึ่งเขาเองก็เตรียมการมาไว้แล้วเหมือนกัน
เรื่องอะไรต้องยอมปล่อยให้ธีโอเจ็บตัวฟรี เขาจะทำให้สองพ่อลูกคู่นี้พังพินาศเลยทีเดียว!
“ลูกคุณจะได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย” เดร็กว่าอย่างนั้น
เจอโรมพยักหน้ารับน้อยๆ เขาเข้าใจ ถึงขั้นนี้แล้ว เดร็กคงไม่โง่ยอมรับข้อเสนอของเขา...แน่นอนว่าไม่เล่นตามกฎหมายอย่างที่ปากพูดด้วยเช่นกัน
หากแต่ทั้งสองไม่เผยแผนการของตัวเองหลังจากนั้น ได้แต่ยุติเรื่องเอาง่ายๆ
“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรก็ติดต่อผ่านเลขาผมแล้วกัน ผมพร้อมรับผิดชอบเต็มที่ ส่วนเรื่องที่เหลือก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน วันหลังจะมาเยี่ยมลูกชายคุณใหม่ ต้องจัดการหาทนายให้เจเรมีก่อน” แล้วก็หันไปพยักหน้าเรียกลูกชายให้เดินตามไป
เจเรมีเหลือบมองเดร็กที่จ้องเขาเขม็งเล็กน้อย พลันก้าวตามบิดาที่เดินนำหน้าไป หากแต่ขณะที่เดินผ่านเดร็ก หูทั้งสองก็ได้ยินเสียงพึมพำจากนายพลคนนั้น
“ฉันจะทำให้แกไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย ไอ้เด็กเหลือขอ”
เจเรมีทำเพียงแสยะยิ้มให้พลางหัวเราะหึในลำคอคล้ายกับท้าทายว่า ‘คิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ’ ก่อนจะออกเดินต่อ ปล่อยให้เดร็กได้เข้าไปเยี่ยมลูกชายหลังจากมองสองพ่อลูกนั่นเดินหายไปจนลับสายตา
ความนิ่งเงียบของเจอโรมทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อมาถึงยังลานจอดรถของโรงพยาบาล อย่างที่บอกว่าเขารู้ว่าเดร็กคงไม่เล่นตามกฎหมายอย่างที่ปากพูดแน่ คนอย่างนั้นมาพร้อมด้วยโทสะเดือดดาลคงจะขุดคุ้ยทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจเรมีมาเล่นงานอย่างแน่นอน คิดอย่างนี้แล้วมันทำให้อดหวั่นใจไม่ได้ สิ่งที่เขากลัวมากที่สุด...
...การที่เจเรมีถูกเปิดโปงว่าเป็นโอเมก้า
พลันก็รู้สึกว่าคิดผิดเหลือเกินที่พยายามให้เจเรมีใช้ชีวิตตามปกติ เขาน่าจะกักตัวลูกชายไว้ไม่ให้ออกไปไหนสักระยะหนึ่ง หากแต่ตอนนั้นคิดเพียงอย่างเดียวว่าทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามปกติเพื่อไม่ให้มีพิรุธ แต่ใครมันจะรู้กันล่ะว่าลูกชายตัวดีของเขาจะไปก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกที่โผล่หน้าไปยังสถาบันอย่างนั้น
“ติดต่อหาทีมทนายที่ไว้ใจได้แล้วให้ไปรอฉันที่บ้าน” เดินมาถึงรถได้ก็ออกปากสั่งกับเลขาซึ่งรออยู่ข้างรถพร้อมกับคนขับ
เจเรมีได้ยินก็เบ้หน้า พึมพำออกมา “ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยน่าพ่อ ก็แค่สั่งสอนเฉยๆ”
เจอโรมหันขวับ สีหน้าเรียบนิ่งที่ควบคุมอารมณ์ตลอดเวลาดูดุดันขึ้นมาทันที
“ถ้าแค่สั่งสอน ธีโอคงไม่ไปนอนเป็นซากอย่างนั้นหรอก”
“ก็มันบอบบางเอง ช่วยไม่ได้” เจเรมียังคงไม่สำนึก พูดอย่างกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล่นๆ
แต่ไม่ใช่เลย เรื่องนี้มันเข้าข่ายอาชญากรรมเลยนะ!
“แกอย่ามาทำเป็นพูดดี ถ้ามันเป็นเรื่องเล่นๆ ฉันคงไม่มาตามเก็บตามเช็ดให้อย่างนี้หรอก”
ฟังที่ลูกชายพูด เจอโรมก็พลันหงุดหงิดหากแต่ไม่ได้โวยวาย เป็นการพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าฟังดูน่ากลัวเหลือเกิน เลขากับคนขับรถสัมผัสได้ว่าเจอโรมเริ่มเดือดดาลเต็มทีแล้ว และก็ทวีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกเจเรมีสวนกลับ
“งั้นพ่อก็อยู่เฉยๆ นั่งจิบชา คุยเรื่องจิปาถะกับเพื่อนๆ ไป ปล่อยผมไว้อย่างนี้แหละ ไม่ต้องมาสนใจ ที่เรื่องมันยุ่งยากเป็นเพราะพ่อนั่นแหละที่มายุ่งกับชีวิตผมมากเกินไป เป็นโอเมก้าแล้วยังไง ถ้าพ่อไม่มาเจ้ากี้เจ้าการ บงการให้ผมต้องฉีดยาแถมหลอกว่าป่วยอะไรนั่น มันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
โทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย แต่ไม่ยอมโทษตัวเองเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เจอโรมทำ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นการปกป้องเจเรมีชัดๆ ทว่าในสายตาของคนถูกปกป้อง กลับรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกลวงมาโดยตลอด และความจริงที่ได้รับรู้มันทำให้เขารับไม่ได้จนก่อเหตุอย่างนี้
“แกจะหาว่าทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน?”
“ถ้าพ่อฆ่าผมให้ตายตั้งแต่ตอนเกิดหรือปล่อยขายตลาดทาส ผมคงจะไม่ต้องเป็นบ้าอยู่อย่างนี้ หึ อัลฟ่าเหรอ อัลฟ่าบ้าบออะไร จริงๆ พ่อแค่ไม่อยากให้ศักดิ์ศรีของตระกูลที่พ่อภูมิใจนักหนาถูกพูดถึงว่ามีสมาชิกในตระกูลเป็นโอเมก้าที่มีหน้าที่แค่ถ่างขาให้อัลฟ่าเอาใช่ไหมล่ะ”
คำพูดร้ายกาจหลุดออกจากริมฝีปากหนา เจอโรมได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูดแล้วก็บันดาลโทสะขึ้นมา ตะคอกเสียงดังลั่น
