บท
ตั้งค่า

Episode 04: ความเลวร้ายของโอเมก้า [2/2]

ถึงจะผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว เจเรมีก็ยังรับกับสภาพของตัวเองไม่ได้ ยิ่งรับรู้ว่ายาที่ตัวเองฉีดทุกวันเป็นยาเพื่ออะไร เขาก็รู้สึกไม่อยากทำอะไรขึ้นมา อยากจะขังตัวเองอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งวัน ไม่ต้องการพบปะผู้คนเลยแม้แต่น้อยเพราะช่วงนี้อารมณ์ไม่คงเส้นคงวาสุดกู่ ทว่าก็จำเป็นต้องกลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปกติด้วยไม่ต้องการให้ใครผิดสังเกตไปมากกว่านี้ตามความกังวลของเจอโรม หากแต่การควบคุมอารมณ์นั้นไม่ง่ายเลย แม้แต่อัลเบิร์ตเองก็ทำให้เจเรมีหงุดหงิดได้ สิ้นเสียงซักถามนั้น อีกฝ่ายก็โบกมือไล่เป็นเชิงให้อีกฝ่ายไปไกลๆ ด้วยไม่ต้องการระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนที่เป็นห่วงตัวเอง

หากแต่พอถูกอัลเบิร์ตถามย้ำอีกทีด้วยคำถามเดิมก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วแผดเสียงใส่ลั่น

“บอกให้ไปไกลๆ ไม่เข้าใจหรือไงวะ!”

คนถูกตะคอกสะดุ้ง ไม่เพียงแค่อัลเบิร์ตเท่านั้น คนอื่นๆ ที่อยู่ในคลาสก็พากันสะดุ้งไปตามๆ กัน เสียงคุยจอแจรอบข้างเงียบสนิทลงราวกับสุสานทันควัน ก่อนที่เจเรมีจะสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

“โทษที อากาศมันร้อนมากไปหน่อย”

อัลเบิร์ตไม่ถือสา ด้วยเข้าใจชัดเจนดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในภาวะวิตกกังวล การไปเซ้าซี้ถามอะไรคงไม่ใช่เรื่องดีนัก

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็แค่เป็นห่วง เอาเป็นว่าถ้านายอยากจะไปไหนก็บอกฉันแล้วกัน จะได้ไปเป็นเพื่อน...ถ้านายต้องการนะ” ปิดท้ายด้วยประโยคนี้สักหน่อยเผื่อว่าเจเรมีจะอยากไปคนเดียวมากกว่า

ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วพึมพำออกมา “ตอนนี้ฉันขออยู่เงียบๆ คนเดียวก็พอ เสียงของนายมันทำให้ฉันปวดหัว”

อัลเบิร์ตรับทราบ ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เสียงของอัลเบิร์ตหรอกที่ทำให้เจเรมีปวดศีรษะ เสียงอย่างอื่นรอบข้างก็เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาปวดศีรษะจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ กลับเป็นเสียงของผู้ชายตัวใหญ่ที่มีใบหน้าตกกระต่างหาก มันชวนให้ปวดประสาทจนเขาแทบอยากจะฆ่าทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ

“ก็นึกว่าไอ้บ้าที่ไหนมาตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ที่แท้ก็คุณเมอร์ซีผู้เลื่องชื่อนี่เอง หายหน้าไปนานเลยนะ ในที่สุดก็กลับมาแล้ว คิดถึงน่าดู”

เสียงของธีโอ...

เจเรมีเหลือบมอง เห็นอีกฝ่ายเดินกร่างเข้ามาหาพร้อมกับลูกสมุนก็แทบอดใจจะซัดคนตรงหน้าไม่ได้ แต่เพราะเสียงของบิดาดังก้องอยู่ในหัวว่าห้ามเขาไปสร้างเรื่องอะไรเด็ดขาดด้วยไม่ต้องการให้มีปัญหาจนกว่าเขาจะได้เข้าพิธีประทับตราอัลฟ่าตามธรรมเนียมปฏิบัติ อันที่จริงมันเป็นข้ออ้างให้เจเรมีไม่ไปก่อเรื่องมากกว่า ถึงจะประทับตราอัลฟ่าแล้วก็ต้องพยายามทำตัวให้ไม่เป็นปัญหา การถูกเพ่งเล็งไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยสักนิดเพราะมันจะทำให้ใครต่อใครจ้องจะหาเรื่องเขาและพยายามทำให้ตกต่ำได้ ด้วยเหตุนั้น คนถูกเรียกด้วยชื่อสกุลจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เมินเฉยใส่ ทว่าทำให้ธีโอได้ใจ พูดขึ้นมาอีก

“หายหน้าหายตาไปเพราะอะไรเหรอแกน่ะ บังเอิญฉันได้ยินข่าวลือมาว่าแกป่วย... ประมาณว่าร่างกายผิดปกติอะไรแบบนั้น” ธีโอตั้งใจจะพูดเรื่องที่เจเรมีมีอาการตอบสนองกับกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร

เจเรมีไม่อยากโต้ตอบแต่เห็นหน้าคนที่มาหาเรื่องแล้วมันก็อดโมโหไม่ได้จึงเลือกที่จะเดินหลบไปตรงอื่นแทน

ตอนแรกกะว่าจะทำตัวให้เป็นปกติเสียหน่อย ในเมื่อเจออย่างนี้แล้วก็ขอโดดเรียนไปเลยก็แล้วกัน

ร่างสูงลุกขึ้น ขยับตัวออกมาจากโต๊ะแล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ก็ถูกธีโอดักหน้า

“เอ้า จะไปไหน ยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยแท้ๆ” ว่าพลางหัวเราะในลำคอพลันยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ “ทำไมเหรอ หรือจะรับไม่ได้ที่ไอ้จ้อนของนายมันตื่นตัว แหม ใหม่ๆ ก็อยากนี้แหละน่าสาวน้อย เคยช่วยตัวเองหรือยังฮึ”

คำพูดดูถูกหลุดออกจากปากของธีโอมาเป็นพรวน อัลเบิร์ตมองด้วยสายตารังเกียจสุดชีวิต

เป็นคนประเภทไหนกันถึงได้พูดดูถูกเหยียดหยามคนอื่นได้ถึงขนาดนี้!

แต่จะไปว่าธีโอก็ไม่ได้ เจเรมีเองก็ใช่ย่อยที่ไหน ถ้าไม่ถูกสั่งห้ามมา ป่านนี้คงซัดอีกฝ่ายให้ล้มตึงไปแล้วด้วยซ้ำ เว้นก็แต่ครั้งนี้ที่เจเรมีไม่ตอบโต้ พยายามสะกดกลั้นแล้วว่าเสียงเรียบ

“ถอยไป”

ธีโอเลิกคิ้วสูง หลุดหัวเราะออกมาที่ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเหนือความคาดหมาย ปกติต้องตะบันหน้าเขาไปแล้วสิ ท่าทางจ๋อยไม่สู้คนอย่างนี้มันอะไรกัน?

“โถ แค่ไอ้จ้อนของนายมันถึงวัยสมควรโตแค่นี้ถึงกับช็อกไปเลยหรือไง ไม่เอาน่า อย่าซึมแบบนี้เลย ไม่สมกับเป็นแกเลยนะ”

ทั้งที่รู้ว่าในเวลาปกติ การมาพูดอย่างนี้ต้องถูกเจเรมีซัดหน้าหงายอยู่แล้วก็ยังจะเสนอหน้ามาพูด ยิ่งตอนนี้อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ก็ยิ่งได้ใจ เยาะเย้ยถากถางเป็นการใหญ่ หารู้ไม่ว่าเจเรมีอยากจะปล่อยหมัดกระแทกปากเสียเต็มแก่

ต้องใช้ความพยายามอดทนมากแค่ไหนในการระงับอารมณ์ รู้บ้างไหมน่ะ!

จะมีก็แต่อัลเบิร์ตเท่านั้นที่รู้ เห็นใบหน้าบูดบึ้งน่ากลัวและมือที่กำแน่นทั้งสองข้างของเพื่อนสนิทก็อยากจะปรามให้ธีโอสงบปากสงบคำ การทำให้เจเรมีเดือดดาลในเวลาอย่างนี้เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย ถ้าเกิดปะทุขึ้นมา รับรองว่าใครก็ฉุดเอาไว้ไม่อยู่แน่ หากแต่ช้าไปหน่อย พอตั้งท่าจะเตือน เจเรมีก็ออกเดินต่อแล้ว ทว่าธีโอกับพรรคพวกก็ยังจะมาขวางหน้าไว้อีก

“รีบไปเรียนรู้วิธีการปลดปล่อยเหรอคุณเมอร์ซี ก็อย่างว่า พวกชั้นต่ำอย่างโอเมก้าน่ะ เวลาอยู่บนเตียงมันดีอย่าบอกใคร” ปากก็ยังเยาะเย้ยไม่หยุด

เจเรมีแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอีกครั้ง ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะแค้นขึ้นมาเมื่อหูได้ยินสิ่งที่ธีโอพูดอีกรอบ

“แต่โอเมก้ามันก็มีดีแค่นอนถ่างขาให้พวกอัลฟ่าเท่านั้นแหละ แกอยากลองไหมล่ะ ฉันให้ยืมโอเมก้าที่บ้านเผื่อแกจะติดใจกลิ่นฟีโรโมนนั่น เราจะได้คุยกันได้มากกว่านี้ ฉันจะสอนแกฝึกปรือไอ้จ้อนให้ชำนาญเอง”

แค่ได้ยินธีโอพูดถึงโอเมก้าอย่างนั้น เจเรมีก็สั่นเทิ้มขึ้นมาด้วยความโกรธแล้ว ร้ายกว่าการพูดจาเยาะเย้ยถากถางคือการกระทำ เพราะเมื่อพูดจบก็ดันเอามือมาจับที่เป้ากางเกงของเขา ขยำเล็กน้อยกะจะให้โดนจุดสำคัญ ดีที่เจเรมีไหวตัวทันเสียก่อน ผละออกมาแล้วตามด้วยส่งกำปั้นหลุนๆ ไปปะทะเข้าเต็มๆ ดั้งจมูกโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย

เสียงกำปั้นกระแทกดังพลั่กก่อนเสียงร่างใหญ่ล้มตุ้บลงไปที่พื้นเรียกสายตาของทุกชีวิตให้หันมามองเป็นจุดเดียว พลันพากันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันทีที่เห็นว่าใบหน้าของธีโอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากจมูก ก่อนชายหนุ่มที่เพิ่งรู้สึกตัวจะโวยวายลั่น

“จะ...จมูกฉัน! โอ๊ย!” เลื่อนนิ้วขึ้นไปโดนดั้งเล็กน้อยก็ร้องลั่นออกมา

เพื่อนของเขารีบกรูเข้ามาดู เห็นสันดั้งที่บิดเบี้ยวไปก็ช่วยกันโวยวายตามมาอีกระลอก

“เฮ้ย! ดั้งหักเลยนี่หว่า เล่นแรงไปไหมวะเจเรมี หมอนี่ก็แค่ล้อเล่น!”

จะล้อเล่นหรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ๆ คือตอนนี้เจเรมีดูน่ากลัวชะมัด รังสีความอาฆาตมาดร้ายแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาราวกับหนังการ์ตูนอะไรอย่างนั้น และก็ยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้นไปอีกเมื่อจู่ๆ ริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มขึ้น

“งั้นฉันก็จะเล่นกับพวกแกหน่อยก็แล้วกัน!” จากนั้นก็พุ่งเข้าไปยกขาถีบเข้าเต็มๆ ใบหน้าของเจ้าของประโยคก่อนหน้า เลือดสดๆ กลบปากของอีกฝ่ายหลังจากถูกพื้นรองเท้าบูทหนักๆ กระแทกเข้าให้

การกระทำนั้นทำให้คนทั้งคลาสแตกตื่น ส่งเสียงโหวกเหวกกันลั่น อัลเบิร์ตเองยังเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ หันไปมองเจเรมีหมายจะห้ามแต่ก็ต้องชะงักกึก เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มหยันจากเพื่อนสนิท

รอยยิ้มนั่น...เป็นรอยยิ้มของพญามัจจุราชอย่างแท้จริง!

เพราะไม่ได้เอ่ยปากห้าม เจเรมีจึงทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ถลาเข้าไปถีบเพื่อนของธีโอให้ออกห่างคู่อริของเขาเป็นการเคลียร์พื้นที่ ก่อนจะหันกลับมาคว้าเก้าอี้นั่งที่มีขาเป็นเหล็กขึ้นในมือ

อัลเบิร์ตเห็นท่าไม่ดี ได้สติก็รีบร้องทันควัน “เจมี! อย่า...”

แต่ไม่ทันแล้วเมื่อเจเรมีแผดเสียงขึ้น

“ดีอย่าบอกใครงั้นเหรอ! ถ้าแกจมกองเลือดตายแทบเท้าฉันมันดีกว่าไปเสพสมกับโอเมก้าบนเตียงอีกเว้ย!”

ตามด้วยเหวี่ยงเก้าอี้ตัวนั้นใส่ร่างของธีโอเต็มกำลัง เสียงดังพลั่กเมื่อของแข็งกระทบผิวเนื้อสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว และตามมาอีกหลายต่อหลายครั้งท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยของคนถูกกระทำที่เปล่งออกมาไม่หยุด

ไม่แน่ใจนักว่าถูกกระหน่ำทุบตีไปกี่ครั้ง...

ไม่แน่ใจว่าธีโอร้องดังเท่าไหร่...

เสียงที่ดังให้ได้ยินนั้นเป็นเสียงของอะไรบ้าง...

เสียงเหล็กกระทบเนื้อ?

เสียงร้องของธีโอ?

เสียงกระดูกบางส่วนแตกหัก?

ไม่มีใครแน่ใจได้เลยนอกจากได้ยินเสียงหัวเราะของปีศาจคลุ้มคลั่งซึ่งอาละวาดตรงหน้า

มีเพียงอัลเบิร์ตคนเดียวที่กล้าเข้าไปรั้งเจเรมีโดยใช้แรงทั้งหมดที่มี หากแต่ก็ถูกสะบัดหลุดจนล้มคว่ำไปอีกทาง คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้ายื่นมือมาช่วยสักคน ยิ่งเห็นใบหน้าบอบช้ำและกองเลือดของธีโอด้วยแล้วก็พากันถอยกรูดไปหลบอยู่มุมห้อง มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่รีบวิ่งไปตามใครสักคนมาจัดการเรื่องนี้ให้ทันท่วงที ทว่าเหมือนจะช้าไปสักหน่อยสำหรับชะตากรรมของธีโอที่ใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ เขาถูกเก้าอี้ฟาดจนเกือบแน่นิ่งไปแล้ว หากแต่ยังมีสติอยู่ แน่นอนว่าเจเรมีไม่ยอมให้อีกฝ่ายสลบไปเร็วนัก โยนเก้าอี้ในมือทิ้งดังเคร้ง หอบหายใจออกมา ยืนดูผลงานของตัวเองครู่หนึ่ง พลันใบหน้าก็แสยะยิ้ม

“คนอย่างแกเวลานอนหมดท่าแทบเท้าฉันแบบนี้ก็ดีไม่ใช่น้อยเหมือนกัน”

ธีโอรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเจเรมีไม่หยุดแค่นี้แน่ ที่ผ่านมาเมื่อครู่มันก็แค่การเริ่มต้น ดูสายตาของวายร้ายคนนั้นสิ อยากจะฆ่าเขาเต็มแก่แล้ว และมันต้องเป็นวิธีที่ทรมานสุดๆ แน่ ทางที่ดีควรรีบทำให้เจเรมีใจเย็นลง

“พะ...พอแล้ว ฉะ...ฉันขอ...” ตั้งท่าจะขอโทษ หวังว่าเจเรมีจะบรรเทาความกรุ่นโกรธลง หากแต่พูดยังไม่ทันจบประโยค ใบหน้าก็ถูกเตะเสยจนฟันบนและล่างกระทบกันดังกึ้ก

“เก็บปากนายไว้เสวนาในนรกเถอะไอ้สวะ”

จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งคร่อมร่างของธีโอ มือหนึ่งกระชากคอเสื้อคนที่เกือบจะสลบขึ้นมา อีกมือกระหน่ำต่อยเข้าที่ใบหน้า ระบายความขุ่นแค้นออกมาโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจอะไรทั้งสิ้น

อัลเบิร์ตกระโจนเข้าไปกอดเจเรมีจากทางด้านหลัง ปากร้องห้ามลั่น

“เจมี! หยุด! พอได้แล้ว เดี๋ยวมันตายนะ!”

เจเรมีหยุด... หยุดจริงหากแต่เพียงเป็นการหยุดชั่วคราวแล้วหันมาเหยียดยิ้มให้กับอัลเบิร์ต

“ฉันจะฆ่ามันให้ตายคามือ นายไม่ต้องห่วง”

สาบานได้เลยว่าเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ขนลุกที่สุดเท่าที่เคยเห็นคนตรงหน้ายิ้มมา

“ไสหัวไปไกลๆ ถ้าไม่อยากให้ฉันอารมณ์เสียมากกว่าเดิม”

อัลเบิร์ตไม่กล้าห้ามอะไรโดยฉับพลัน ยิ่งมีคำสั่งหลุดออกจากริมฝีปากก็ปล่อยมือออก ทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง นั่งมองเพื่อนตัวเองที่หันไปจัดการกับธีโอต่อจนอีกฝ่ายสลบไป มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอของเจเรมีเท่านั้นที่ดังก้องไปทั่ว

ความเลวร้ายกว่าการที่เจเรมีรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโอเมก้าโดยไม่ได้ตั้งใจก็คือการที่เขาสติแตกแล้วแปรสภาพเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์

เจเรมี... จะเป็นคนเลวร้ายสุดกู่มากเกินไปแล้ว!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel