CHAPTER 5
และนี่มันก็คือการเอาคืนของฉัน
การเอาคืนที่มีผลระยาวมาจากเรื่องเมื่อ 2 เดือนกว่าและยังมีทีท่าทำต่ออีกเรื่อยๆ ไม่จบสิ้นหรอก รางสังหรณ์ที่มีอยู่ในตัวมักเกิดขึ้นจริงทุกครั้ง
14/ก.พ/XX ago
“ได้หรือยัง”
“เห็นมั้ย เห็นหรือยังว่าต่อแถวรออยู่เนี่ย”
“…”
สายตาของฉันตวัดมองคนที่พึ่งลงจากรถมายืนข้างกายเรียกสายตาลูกค้าที่กำลังยืนต่อคิวในร้านเครปฝรั่งเศสหน้ามอนี้ให้หันมาสนใจไม่น้อย รู้และเข้าใจว่าจุดดึงดูดพื้นฐานทางสายตาของคนเรามักโฟกัสอะไรที่มันสวยงามเตะต้องสายตาก่อนเสมอเป็นอันดับแรกซึ่งก็ไม่แปลกใจอะไรนักเพราะไอ้คนตัวสูงข้างกายมันไม่มีอะไรไม่โดดเด่น
มันตรงตามที่คนชอบมากกว่าไม่ชอบ
มันดูดีไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดตีน
พอมันเห็นสายตาของฉันที่มองมริมฝีปากยักก็ยกยิ้มร้ายออกมาพร้อมกับสายตาแวววาวเลื่อนที่สอดส่องไปทั่วพอสมใจก็มาหยุดมองฉันที่ยังทำหน้าไม่ประสบอารมณ์อยู่ เอาจริงนะนี่ต้องหงุดหงิดกับคิวเครปแล้วต้องมาหงุดหงิดกับไอ้ผู้ชายคนนี้อีกเหรออีกทั้งเครปนี่อีก ถ้าไม่อร่อยจริงไม่รอยืนอยู่แบบนี้หรอกมั่นใจในความคิดฉันได้เลย
“เมื่อไหร่จะได้ยุงเยอะกัดตัวกัดขาแดงหมดแล้ว”
และประโยคสุดท้ายนั้นฉันพำพร่ำกับตัวเองโดยไม่สนใจไอ้คนที่ยืนข้างกายว่ามันจะมองนมมองขาใครหรือว่าทอดสะพานพาใครไปกกด้วยในคืนนี้ ความไม่ประสบอารมณ์อย่างแรงนั้นเกิดขึ้นผสมกันเรื่อยๆ จนฉันรู้ตัวว่าใบหน้าของตัวเองปรับเปลี่ยนไปใครเข้าหน้าไม่ติดแน่ทว่ากลับมีประโยคบ้าบอเข้ามาให้ได้ยิน
“มองเข้าไปแฟนเขาทำหน้าจะพุ่งแทงแล้ว”
“เออกูก็ว่าแต่ถ้าผัวหล่อขนาดนี้เป็นกูกูก็หงุดหงิดนะ มองแทบอยากจะกินแบบนั้น”
“กูจะม้วนเป็นก้อนกลมๆ ยัดท้องเลย ผัวหล่อ”
“เหอะ...” พอได้ยินอะไรแบบนี้ฉันก็เป่าลมถอนหายใจออกมาอย่างแรงนอกจากนั้นยังกรอกตาบนขึ้นเพื่อแสดงอาการเบื่อหน่ายถึงขั้นสุดของความเบื่อหน่ายจริงๆ ทุกครั้งมักเป็นแบบนี้เสมอมา “ก้อนกลมๆ คืออะไรขนแมวมันน่ารักกว่าอย่าเปรียบเลยต่างกันมาก ไอ้ผู้ชายคนนี้ขี้ต่างหาก”
“ขนาดนั้นเลย เปรียบได้ดีนะ”
“จัดระเบียบความคิดได้ดีนะนายน่ะ เห็นคำด่าเป็นคำชม”
สุดยอดไม่รู้ว่าในหัวจะมีสมองไหมถึงได้เห็นคำด่าจากฉันเป็นคำเปรียบคำชม
“ยุ่งว่ะเหมย”
“นี่!”
“ไม่ต้องไล่ ไม่ไป”
“ยุงกัด” แต่แล้วเสียงของมันก็เข้ามาขัดจังหวะโดยไม่สนใจสิ่งที่ฉันเอ่ยด่าพูดออกไปและก็ยังไม่ขยับไปไหนด้วยจึงโดนสายตาจิกกัดจากฉันจ้องอย่างเต็มเหนี่ยว “ขึ้นมารอบนรถเดี๋ยวลงไปรอให้”
“…”
“ไปรอที่รถ”
มันย้ำอีกครั้งแถมฉวยโอกาสจับหมับลงตรงข้อมือออกแรงดึงฉันออกจากแถวแล้วเอาตัวแทรกแทนทันทีที่มือใหญ่ปล่อยจากการจับกุมข้อมือฉันนั้นใบหน้าที่ใครๆ ต่างว่าหล่อพยักหน้าไล่ฉันติดหลายครั้งแล้วหันไปสนใจมองป้าที่กำลังทำเครปเมื่อเป็นแบบนี้ได้การเดินออกมานั่งรอตากแอร์ในรถเย็นไร้สิ่งกวนใจและก็ไม่เสียเงินสักบาทมันก็ดี
ทุกคนคงสงสัยว่าไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใครมันชื่อว่า ‘กานต์’ อายุเท่าฉัน เรียนมอเดียวกันแต่คนละคณะ การเจอกันที่ไม่ได้เป็นความบังเอิญแต่เป็นการบังคับจากเฮียโจหรือชื่อเต็ม 'โจเนส' ญาติของฉันเองแหละ ญาติที่มองว่าไม่ใช่ญาติทุกครั้งมันเพราะว่าฉันคิดกับเฮียโจเกินคำว่าญาติไงทว่าทุกอย่างมันมาอยู่ในจุดหนึ่งที่ไม่สามารถทำอะไรได้ จุดที่ฉันแทบบ้าคลั่งเมื่อเป็นอีโง่ให้เพื่อนสนิทหลอก จุดที่รู้ว่าเฮียโจสงสัยว่าฉันเป็นคนทำร้ายคนรักของเขา จุดที่เพื่อนสนิททำให้ทุกคนมองฉันร้ายมากกว่าดีและจุดที่ส่งกานต์เข้ามาตามดูความประพฤติฉัน
ฟ้าลิขิตหรือนรกตีนถีบกันนะ
ที่มาเจอผู้ชายคนนี้
ทุกอย่างที่จากคำว่าอิสระกลับกลายเป็นถูกจำกัดไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม การกระทำของฉันมักอยู่ในสายตาของคนอื่นเสมอซึ่งไม่เคยเป็นของตัวเองจวบจนเวลาล่วงเลยมาเกือบปีพอเรื่องพวกนั้นจบลงฉันกลายเป็นคนบริสุทธิ์ต่างจากเพื่อนสนิทคนนั้นที่เราตัดขาดกันฉะนั้นฉันคิดว่าตัวเองควรได้รับอิสระกลับคืนทุกอย่างแต่ความเป็นจริงมันช่างต่างกันลิบลับ
ไอ้ผู้ชายชื่อกานต์มันอยู่ต่อโดยที่คนจ้างเป็นพ่อ
ไอ้บ้านั่นมันไม่ออกจากชีวิตของฉัน
มันทำเหมือนเป็นเงาตามตัวฉันในทุกเรื่องแส่จนน่ารำคาญพอโดนฉันทั้งวีนเหวี่ยงหายเรื่องสารพัดมาทำทุกอย่างก็ไม่คืบหน้าเพราะผลสุดท้ายมันไม่ไปไหน มันเอาแต่ทำตามที่พ่อสั่งเหตุผลแค่นี้คงพอนะสำหรับการไม่ชอบขี้หน้า
ก๊อกๆ
“เครปได้แล้ว”
ประโยคนั้นฉันอ่านริมฝีปากออกและไม่เปิดประจกรถแต่เลือกเบี่ยงใบหน้าไปอีกทางเพื่อหลบเลี่ยงมันส่วนอีกคนที่อยู่ด้านนอกจะทำหน้ายังไงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาสนใจเพราะสุดท้ายมันก็เข้ามาในรถด้านฝั่งของคนขับแล้วก็ยื่นวางเครปนั้นไว้บนตักฉันเสร็จแล้วก็ออกรถโลดแล่นสู่ท้องถนนอย่างเงียบเฉียบ ทั้งฉันแล้วมันไม่มีช่วงเวลาสนทนากันแม้สักประโยคเดียวมีแต่ความเงียบสาดใส่กัน
นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ
