CHAPTER 4
ทุกอย่างเลอะเปรอะเปื้อนคงสภาพการใช้ไม่ได้อีกทั้งยังถูกทำลายไปเกือบครึ่งเช่นนั้นฉันจึงกวาดสายตามองไปจุดๆ หนึ่งแล้วหันกลับมาโดยไร้เสียงพูดเช่นเดิม
“ถาดนี้ป้าขึ้นไปทำความสะอาดแล้วเจอเป็นแบบนี้เลยค่ะคุณหนู”
“ไม่เป็นไร ซื้อใหม่พอดีเป็นคนที่เศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ก็ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่” นี่คือการจำใจบอกและไม่แสดงอาการทุกข์ร้อนให้ใครเห็น ฝีมือใครทำไมคนฉลาดอย่างฉันจะไม่รู้ล่ะแต่ต้องเงียบไว้รอเหยียบทีหลังแต่ในนาทีนี้ฉันยื่นมือออกไปหยิบจับเครื่องสำอางในถาดนั้นก่อนวางมันลงอย่างไม่เสียดายพร้อมกับใช้อีกมือหนึ่งยกถุงแบรนด์หนึ่งซึ่งเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่พึ่งซื้อมาโชว์ “ในถาดน่าเบื่อแล้วแต่ในถุงนี้น่าลองกว่าเยอะเลย ว่ามั้ยทับทิม?”
“…”
ได้แค่ความเงียบจากมัน
แต่ได้เห็นความเจ็บใจผ่านสายตา
แค่นี้ก็รู้สึกชนะเป็นบ้าแล้วแหละเล่นกับคนประสาทนับรอเลยจะประสาทยิ่งกว่าว่าแล้วฉันก็เล่นเดินออกมาทิ้งให้ป้าหลานเขาอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่หันไปสนใจอะไรอีกเลย ปกติแล้วการเข้ามาทำความสะอาดในห้องฉันนั้นมักเป็นป้าของอีทับทิมนั้นแหละส่วนคนอื่นไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก
ฉันไม่เหมือนคนอื่น
ฉันไม่ได้ใจดีหรืออารมณ์ดีอยู่เสมอ
และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของตัวเองเว้นแค่ว่าคนๆ นั้นมันเสล่อรนหาที่เองทั้งนั้นถึงได้กิริยาที่ไม่ดีเป็นอันโต้ตอบแทนจากฉันไป เครื่องสำอางพวกนั้นก็เช่นกันมันจะไม่ได้เสียไปฟรีๆ หรอกและสิ่งที่ต้องได้กลับคืนมันต้องมีเพื่อกำลังใจที่จะเดินหน้าซื้อเครื่องสำอางใหม่ฉะนั้นฉันต้องตอบโต้ว่าแล้วก็เปิดถุงที่พึ่งช้อปมาในวันนี้ด้วยความร่าเริงส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัยไม่มีใครรับรู้ส่วนอีกส่วนหนึ่งเอามาวางเรียงกันไว้ตรงหน้า ใบหน้าของฉันสะท้อนกับกระจกนัยน์ตาฉายแววชั่วร้ายออกมากระทั่งหลุบมองต่ำลงไปยังเครื่องสำอางอีกรอบหนึ่ง
เข้ามาลองดีนักใช่ไหม โอเคจัดให้
เล็บยาวสีแดงสดคว้าถุงมือสีขาวมาสวมใส่ทั้งสองข้างพอเสร็จแล้วก็คว้าแมสขึ้นมาปิดจมูกจากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบจับแคปซูนยาวเม็ดหนึ่งออกมาก่อนจะค่อยเทลงบนเครื่องสำอางพวกนั้นอย่างใจเย็นและก็บรรจงมากที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ การเอาคืนของฉันมันเริ่มต้นจากใครเข้ามาทำให้เจ็บแสบก่อนต่างหากถ้าอยู่ในที่ของตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกันคิดเหรอว่าจะมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้แต่ยังไงมันก็เป็นแบบนี้มาแล้วอยากกลับไปแก้ไขก็ต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้
‘มึงเอาของแบบนี้มาทำไมอีเหมย อี๋คันยุบยิบเลยนะ’
‘เอาไว้แก้คันกระหรี่’
เสร็จเรียบร้อยยิ่งนึกถึงประโยคคำถามแล้วประโยคคำตอบของฉันกับเอมมี่ก็ยิ่งรู้สึกอยากให้ถึงวันนั้นจริงๆ อยากรู้นักว่าอาการของการแอบมาทำลายและแอบมาใช้ของๆ ฉันผลมันจะเป็นแบบไหนแต่วันนี้สบายใจแล้วแหละถัดมาอีกวันซึ่งเป็นวัยหยุดที่ฉันยังอยู่ในชุดนอนกำลังจะลงไปทานอาหารเที่ยงจึงแกล้งออกไปนั่งเชิดหน้าอยู่ในห้องอาหารคนเดียว
“วันนี้เป็นสุกี้ปลาตามที่คุณหนูสั่งเอาไว้นะคะ”
“อ้อ... อืม”
สายตาของฉันมองไปที่ป้าแม่บ้านคนนั้นแล้วหันมานั่งทานอาหารอย่างสบายใจไม่นานนักเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นให้ได้ยินออกมาจากทางห้องครัวด้านหลังซึ่งเป็นครัวไทยอีกห้องหนึ่ง เสียงนั้นครวญออกมาด้วยอาการเจ็บปวดเพราะคันอย่างรุนแรงทิ้งห่างไปสักพักเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยแล้วก็ใกล้ตัวฉันมาก
แล้วฉันควรรู้สึกยังไงกัน หัวเราะหรือว่าฉีกยิ้มดีใจ?
“คุณหนูค่ะ”
“ว่า” ฉันตอบรับในขณะที่ส้อมจิ้มเข้าเนื้อปลาใส่ปากไม่มองคนพูดด้วยซ้ำ
“ป้าขอลางานไปส่งนังทับทิมไปหาหมอก่อนนะคะ”
“…”
“มันแดงเถือกไปทั้งหน้าเลยค่ะไม่รู้ไปทำอะไรมา ใบหน้าบวมมีรอยจากการเกาหนักหน่วงจริงๆ”
“ป้าจะขอมันทำไม เพราะมันนั้นแหละที่ทำฉัน!” และแล้วเจ้าตัวก็เข้ามากะจะทำร้ายฉันแต่โดนป้าตัวเองฉุดรั้งไว้พร้อมกับแม่บ้านอีกคนหนึ่งพอเป็นแบบนี้ฉันจึงวางส้อมลงกระทบภาชนะดังลั่นก่อนลุกขึ้นเต็มความสูงแถมยิ้มเหยียดมองอีทับทิมคนที่มีสภาพไม่ต่างกับเครื่องสำอางของฉันเมื่อวาน “มึงมองทำไมอีเหมย มองกูทำไม!”
“นังทับทิมหุบปากแกนะ ขอโทษคุณหนูด้วย”
“ไม่จำเป็นหรอก หมามีปากก็ปล่อยมันเห่าไปยังไงมันก็ได้แค่เห่า” ฉันบอกป้าอีทับทิมแล้วเลื่อนมองมัน “ไม่คิดว่าเป็นเวรกรรมบ้างหรือไงที่ทำให้หล่อนน่าสมเพชขนาดนี้”
หมามุ้ยนี่ดีเนาะทำให้หน้าดอกเปลี่ยนเป็นหน้าผีได้ขนาดนี้
