บท
ตั้งค่า

CHAPTER 6

นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ

แต่ทำไมมันถึงไม่รู้สึกดีเลยนะ

แต่ก็ช่างแม่งเถอะ

หลายวันถัดมาชีวิตความเป็นอยู่ของฉันมันก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรให้น่าหวือหวาหรือว่าน่าสนใจเท่าไหร่ ทามไลน์ก็ไม่มีอะไรมากไม่อยู่ในมหาลัยก็อยู่บ้านน้อยครั้งนับได้เลยว่าออกไปไหนบ้างอย่างเช่นวันนี้ฉันอยู่ในมหาลัยกำลังเรียนเสร็จแยกออกจากเพื่อนก็พร้อมไปยังรถตัวเองที่จอดเอาไว้ระหว่างตึกในทันที

ช่วงนี้ไม่มีงานอะไรมากแล้วแต่ละวิชาอาจารย์ก็ปิดคอร์สเกือบทั้งหมดรอก็แค่เคลียร์งานกับสอบเท่านั้นฉะนั้นจึงไม่มีอะไรมากเท่าไหร่

ด้วยระยะทางจากตึกเรียนมายังลานจอดรถระหว่างคณะนั้นฉันต้องเดินลัดเลาะตัวอาคารขนาดใหญ่จากหน้าตึกไปยังหลังตึกผ่านนักศึกษาคนอื่นๆ กระทั่งจังหวะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าไปยังด้านหลังซึ่งเป็นเลี้ยวแบบหักศอกนั้นเท้าของฉันมันก็หยุดกึกไม่เดินต่อไป

สายตาของฉันจับจ้องไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนข้างหลังจ้องมันอย่างไม่ละสายตาเลยกับหญิงชายคู่หนึ่งกำลังยิ้มให้กัน

ชายคนนั้นเผยรอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยกว้างมาก่อนให้ได้เห็นส่วนผู้หญิงนั้นฉันรู้จักดีว่าเป็นใคร ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกันแต่มือใหญ่ของผู้ชายยื่นมากอบกุมมือเล็กเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน

ความอ่อนโยนที่หาจากที่ไหนไม่ได้

รอยยิ้มที่หาจากที่ไหนไม่ได้

ทุกอย่างที่แสดงออกมาหาจากไหนไม่ได้

รู้ว่าฉันควรทำอย่างไรต่อไป...

การเดินของฉันไม่มีวันถอยหลังกลับไปใช้อีกเส้นทางหนึ่งแน่มีแต่ก้าวพุ่งชนเข้าไปกับสิ่งที่เห็นทันทีที่ได้ยินเสียงปลายส้นสูงกระทบหนักกับพื้นจนเกิดเสียงสายตาทั้งสองคู่นั้นก็หันมามองราวกับได้นัดหมายกันเอาไว้ก่อน

ทุกคนรู้ว่าฉันชอบความเงียบไม่สนใจใครแต่แค่กำลังจะเดินผ่านกับมีเสียงเอ่ยเรียกฉันก่อน

“คุณเหมย...”

“…”

ชื่อฉันเป็นที่ชื่นชอบเอ่ยเรียกนักเหรอ

“คุณเหมยจะทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ทับทิมจะได้ซื้อเข้าไปให้”

“…”

คงเพราะฉันยังยืนไม่เดินไปไหนและเงียบอยู่มั้งทุกอย่างเหมือนหยุดการเคลื่อนไหวแต่เปล่าเลยทุกอย่างมันเคลื่อนไหวซึ่งบอกเลยว่ามันน่ารำคาญเพราะตอนนี้ร่างของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานสาวของแม่บ้านของฉันสาระแนมายืนตรงหน้าทำท่าทางน่าสงสาร

“คุณมะ...”

“ยุ่งอะไรนักหนา”

มันใช่ไหมละ

ไม่ใช่เรื่องของอีนี่

มันเป็นเรื่องของแม่บ้านแต่อีนี่มันไม่ใช่

มันต้องการแค่เสนอหน้าต่อหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้น

“ทับทิมกลัวคุณเหมยจะเบื่อเอาค่ะ”

“…”

“ก็ตอบดีๆ ไม่ได้เหรอไง” แต่แล้วทุกอย่างก็ยุ่งยากขึ้นตอนนี้มันคนนั้นเข้ามาในวงสนทนาอีกคนหนึ่งแถมมายืนจ้องหน้าฉันราวกับว่าผิดอะไรนักหนา นัยน์ตาคู่นั้นมีแต่ความราบเรียบไร้ความแวววาวต่างจากก่อนหน้าราวฟ้ากับเหว “ทับทิมก็ถามดีๆ”

“แล้วเสือกอะไรด้วย” ด้วยความขี้รำคาญและความเอาแต่ใจของตัวเองอารมณ์ของฉันจึงพุ่งสูงขึ้นเท่าตัว “ฉันก็เดินมาดีๆ ไม่ได้สนใจหมาตัวไหนแล้วจะมาสนใจทำไมปล่อยไปสิ ไม่ชอบให้คนมายุ่งก็ไม่ต้องเสือกยุ่งเรื่องของคนอื่นก่อนจำเอาไว้ทั้งสองคนเลยนะ อยู่ดีๆ มันจะตายให้ได้หรือไง!”

“…”

“ส่วนหล่อนอย่าเยอะกับเรื่องของฉัน”

“…”

“มัดรวมกันเลยนะทั้งสองจะยุ่งอะไรนักหนาวะ!”

การระเบิดอารมณ์ของฉันสาดใส่ในครั้งแรกฉันรู้ว่าคนตรงหน้าตัวเองนั้นอึ้งแค่ไหนแต่ก็ไม่สนใจรีบปรี่เดินออกมาก่อนที่มันจะหนักหน่วงไปมากกว่านี้เพราะถ้าฉันกักเก็บทุกอย่างไม่อยู่คำว่าทำลายเท่านั้นที่สองคนนั้นจะได้รับแต่แล้วความวุ่นวายยังเกิดขึ้นอีกทั้งๆ ที่เกือบถึงรถของฉันอยู่แล้ว แรงกระชากจากข้อมือทำให้ร่างกายเหวี่ยงหันกับไปเผชิญหน้ากับบุคคลเดิมในตอนนี้มาคนเดียว

ด้วยแรงจับกุมข้อมือของฉันนั้นมันถูกเพิ่มแรงบีบจับมากขึ้นเรื่อยๆ อาการต่อมาคือความเจ็บปวดเข้าเล่นงานตรงข้อมือของฉันแต่บอกไว้เลยว่ามันไร้เสียงหรือว่าอาการเจ็บปวดเพราะไม่แสดงออกไปเพียงแค่ยกข้อมือนั้นขึ้นสบสายตาคู่เดิมไม่แพ้ที่มันจ้องมาแป๊บเดียวมือใหญ่ก็ละทิ้งมือของฉัน

“อย่าทำนิสัยแบบนั้นอีกนะเหมย”

“สอนฉันเหรอ เป็นใครถึงมาสั่งสอนฉัน”

“มารยาทพื้นฐานเธอสมควรหัดเรียนเอาไว้บ้าง”

“เอาไปสอนอีทับทิมเถอะ” แค่นี้ดวงตาก็ฉายความแข็งกร้าวออกมาชัดกว่าเดิมสองกรามเรียวบดแน่นบ่งบอกว่ามันต้องระงับอารมณ์มากแค่ไหนแต่ถ้าถามว่ากลัวไหมบอกเลยว่าไม่ มีอะไรให้น่ากลัวจากไอ้คนนี้จะทำสีหน้าท่าทางน่ากลัวมากแค่ไหนมันก็แค่นั้นในเมื่อท้ายสุดก็ทำอะไรฉันไม่ได้ “อีนั่นมารยาทควรมีมากกว่าฉันเสียอีก”

“อย่าว่าให้ทับทิมนะเหมย”

“เพราะแบบนี้ไงไอ้คนอย่างนายก็ไม่มีสิทธิมาว่าให้ฉัน”

“…”

“ถ้าสั่งสอนอีทับทิมไม่ได้อย่าเที่ยวหัดสั่งสอนคนอื่น มันน่าสงสาร”

“หึ... ใครกันแน่ที่น่าสงสารตัวเธอเองหรือเปล่า”

ฉันนะเหรอที่น่าสงสารพอได้ยินแบบนี้รู้ไหมว่าเสียงหัวเราะออกมาจากฉันเลยแหละตบท้ายด้วยรอยยิ้มเหยียดเยาะเย้ยเอาไว้แทน

“แน่ใจเหรอว่าเป็นฉัน... ที่น่าสงสาร”

“…”

“ก่อนพูดคิดหรือยัง?”

“…”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel