บท
ตั้งค่า

CHAPTER 6

“สีผมเฮียนี่แหละจุดสร้างความสนใจเลยโว้ย”

สีเขียวออกฟ้าๆ มันเด่นขนาดนั้นเลย?

“ไปแล้ว”

“ไม่ทันอ่ะเฮีย มาแล้วเดินตรงมาแล้ว” ไม่ยังไงก็ไม่ ไม่มีทางที่ผมจะเจอกับเธออีก ทุกความรู้สึกสั่งให้ผมหลีกเลี่ยงหนีให้รอดจากนั้นพอให้พร้อมก็ค่อยเผชิญทีเดียว “เฮียๆ”

ปึก!

รู้ไหมสุดท้ายผมก็หันหน้าซุกลงตรงอกไอ้กานต์ราวกับว่าเมานักหนาเหมือนหมาไม่มีผิดแล้วยิ่งไปกว่านั้นไอ้กานต์ก็เล่นด้วย มันโอบกอดผมแล้วสร้างสถานการณ์ขึ้น

“พากูออกไปให้ไกลที่สุด” เสียงกระซิบจากผม

“อ่อนว่ะ แค่นี้เมา มึงโดนกูล้อยันลูกบวชแน่ไอ้กุน!”

เออดี ท้ายสุดผมก็เปลี่ยนชื่อเป็นไอ้กุนซะ

ให้ตายเถอะ...

“เอ้าหนักฉิบหาย ไม่เมาก็ไม่ต้องทิ้งตัวเฮียลงมาให้ผมทั้งลากทั้งแบกขนาดนี้ก็ได้”

“...”

ไอ้น้องเวร

“แล้วถ้าไม่อยากเด่นอยากทำผมสีนี้อีก ห่าเอ้ยโคตรหนัก”

“เอ้า” ท้ายสุดพอผมเห็นว่าปลอดภัยจึงล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาก่อนหยิบใบสีเทาส่งๆ ออกมา 4-5 ใบส่งให้ไอ้กานต์ที่ออกมาเอาแต่บ่นห่าเหวอะไรไม่รู้ “แล้วก็หุบปากมึงซะ”

“ชอบจังผู้ชายนิสัยรวย”

“เออ ปากบอกชอบกูกระทำโคตรต่างเห็นหน้าเป็นธนาคารเหรอ”

“ก็เฮียรวยโว้ย”

“รวยแต่กูก็ใช้เงินเป็น คนแรกที่อย่าหวังก็คือมึงไอ้สัส”

“เหยด... ด่าน้องด่านุ้งอีกแล้วรู้แบบนี้ไม่ช่วยดีกว่าว่ะ” กวนตีนสุดๆ กวนจนผมยกเท้าขึ้นมาเตรียมถีบถ้ามันไม่ไหวตัวออกห่างก่อน “อย่าใช้กำลังเลยมีอะไรคุยๆ กันได้มั้ยเฮีย”

“หึ”

“แล้วจะหนีไปตลอดเลยหรือไง”

“ยังไม่อยากเจอมากกว่าไม่ได้คิดหนีตลอดหน่า แค่ระหว่างนี้เฉยๆ” ทำไมทุกคนถึงคิดว่าผมขี้ขลาดขนาดนั้นกันอีกอย่างผมขอตั้งตัวนิดๆ หน่อยๆ พออะไรมันลงตัวกว่านี้ก็กลับมาสู้แล้ว “ต่อจากนี้ถ้าเห็นก็เลี่ยงก่อน มึงต้องช่วยกูด้วย”

“ดีลถ้าช่วยแล้วได้เงิน ผมเต็มที่”

“แบบนี้ทุกทีงั้นแยกย้าย”

แค่นี้ทั้งผมและมันแยกย้ายกันไปตามทางของใครของมัน ผมขับรถกดเปิดประทุนเพื่อรับอากาศเย็นในตอนกลางคืนกระทบใบหน้าของตัวเองไปเรื่อยๆ ไร้จุดมุ่งหมายเพราะว่ามันเป็นตอนกลางคืนเป็นเวลาที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ กลางคืนที่เป็นเวลาของจันทราไม่ใช่ดวงอาทิตย์เหมือนที่ชื่อตะวันของผมชอบนักหนาแปลกนะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยตั้งแต่แรก เลยเลี่ยงไม่ใช้ดีกว่าตั้งแต่แรก

ไม่ชอบดวงอาทิตย์ ไม่ชอบดอกไม้ ไม่ชอบความหวานและก็ไม่ชอบความรัก

แต่ชอบดวงจันทร์ ชอบความแข็งแกร่ง ชอบความขม ชอบความเยือกเย็น

ตรงกันข้ามกับแม่หมดเลย

ไงละ... ลูกที่ไม่เหมือนแม่ เป็นผมคนเดียวเลย

ท้ายสุดผมก็เหยียบเบรกจอดริมแม่น้ำใหญ่ในที่หนึ่งก่อนลงจากรถมองผู้คนที่เดินสวนกันไปมาตามความมุ่งหมายของแต่ละคนที่ปรารถนาจะไปก่อนก้าวเท้าเดินไปตามเส้นทางหนึ่ง เส้นทางนี้ขึ้นสู่สะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ของเมืองท่ามกลางความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นยังมีที่สงบแบบนี้อยู่จริง

การยืนนิ่งให้ลมตีใบหน้าอยู่แบบนั้นพักหนึ่งเพื่อให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านไม่นานสายตาผมก็เงยขึ้นไปค้างตรึงไว้ที่ดวงจันทร์โตส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดทั้งหลาย แสงของมันกลบหมู่ดาวดวงเล็กดวงน้อยไปหมดดูแล้วโคตรเย็นชาไม่มีใครเทียบเทียมได้แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็เถอะ

อย่าเทียบกันเลยเพราะต่างคนต่างเป็นใหญ่ในที่ของตัวเอง

พอเงยหน้ามองดวงจันทร์แบบเต็มที่ก็ก้มทอดมองแสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบกับผิวน้ำพลิ้วไปตามแรงของคลื่นที่เกิดจากเรือแล่นบนน้ำขนาดใหญ่พึ่งพาไปไม่นาน

สีสันเมืองไทยไม่แพ้เมืองนอกสักนิด

“ตะวันทางนี้ๆ ดูสิคืนนี้พระจันทร์สวย”

“อืม”

“ตอบแค่นี้เหรอ ตกลงสวยหรือไม่สวยอ่า...” ความงอแงเกิดขึ้นเพราะผมตอบแค่นี้ละมั้งอีกคนถึงหน้าบู้ไม่ประสบอารมณ์หน่อยๆ ไม่มากหรอกถ้าผมแก้ไขประโยคของตัวเอง “ยังไงๆ”

“สวยครับ สวยมาก”

“เราชอบมากเลย อยากเห็นทุกวัน”

“ขนาดนั้นเลย”

“ใช่ ถ้ามีโอกาสอยากเก็บรูปพระจันทร์ทั่วโลกเลย”

“มันก็เหมือนกัน ดวงเดียวกัน”

“ไม่เหมือนแค่มุมองศาการขึ้นก็แตกต่างแล้วพอสภาพอากาศและภูมิประเทศเข้าไปก็ยิ่งแตกต่างกัน” รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้นเมื่อดวงตาคู่นั้นเงยจดจ้องมองดูไอ้ทรงกลมบนฟ้า “อยากไปดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนด้วย”

“อันนั้นไม่สวยหรอกพระจันทร์ดีกว่า”

“ไม่ชอบเหรอ”

“เปล่า”

ผมโกหกเธอ...

โกหกในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ชอบเป็นชอบเพื่อให้เธอสบายใจ คำตอบแรกของคนอย่างผมถ้าสังเกตมันมักเป็นความจริงทุกครั้งทว่าพอแก้ไขเป็นประโยคที่สองมันจะไม่มีความจริงเลย

“งั้นถ้ามีโอกาสไปดูดวงจันทร์กันนะตะวัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel