บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4

สายตาของฉันเบิกกว้างกว่าปกติมากถึงมากที่สุดก็ว่าได้ ไม่นึกว่าไอ้ประโยคนี้แบบนี้จะออกมาจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนเก่า

คนที่ชื่อว่าเกมส์...

ทั้งน้ำเสียงบวกกับท่าทางที่ดูง่ายๆ ของเกมส์นั้นทำเอาฉันอึ้งไม่น้อย แต่สิ่งต่อมามันก็คือความคิดในแง่ลบต่างๆ นานาตามกันมาเป็นขบวนราวกับถูกกำหนดเอาไว้แล้วเป็นฉากๆ จากสมองของตัวเองที่กำลังขบคิดอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีผู้ชายคนไหนชวนผู้หญิงไปอยู่ด้วยโดยไม่คิดอะไรชั่วๆ

ไม่มีผู้ชายคนไหนชวนผู้หญิงไปอยู่ด้วยโดยไม่มีแผนสำรองใดๆ อยู่ในหัวสมอง

ถึงแม้จะเคยเป็นเพื่อนกันมาก็ตาม เพราะนั่นมันก็เนินนานมาแล้ว ข่าวก็ออกกันโครมๆ ว่าสมัยนี้จะไว้ใจใครได้ยากแม้แต่คนในครอบครัวก็ตาม

“ไม่”

แน่นอนว่าการปฏิเสธเป็นทางเดียวที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองภายในตอนนี้ พอเกมส์ออกไปค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อไป

ให้ตายยังไงก็ไม่ไปกับเขาแน่

“อ๋อ... จะนอนที่นี่งั้นสิ?”

สายตาของเกมส์หันไปมองรอบๆ ป้ายรถเมล์แบบสำรวจด้วยแววตาแกมสมเพชมากกว่าที่เห็นฉันไม่มีที่ไป

“จะนอนที่ไหนก็เป็นเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนายสักนิด”

เป็นนาทีเดียวกับที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเกมส์สั่นไหว เขาล้วงเข้าออกมาก่อนกดรับอย่างไม่รีรอ นิ้วชี้เรียวขาวชี้มาทางฉันเป็นเชิงบอกว่าให้ ‘รอ’ เขาก่อน

“อืม ว่าไง...”

จากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจว่าคนตรงหน้าจะกรอกน้ำเสียงแบบไหน พูดอะไรบ้างทั้งที่นัยน์ตาสีนิลจับจ้องมาทางตัวเองไม่เคลื่อนสายตาไปไหน ไม่ก้าวเท้าขยับด้วยซ้ำ

ทำไมความซวยซ้ำซวยซ้อนถึงมาเยือนตัวเอง ความตกต่ำของชีวิตถึงอยู่ในรูปแบบนี้ด้วย ฉันรู้ตัวเองดีว่า....

อวดดีทั้งที่ไม่มีดีให้อวด

อวดเก่งทั้งที่ในใจกลัวแทบตาย

“เออ แล้วกูจะเข้าไปให้มึง” จบประโยคเกมส์ก็เก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ริมฝีปากคล้ำขยับพูดนิ่งๆ ไม่ยินดียินร้ายอะไรเหมือนเดิม “จะเอายังไงขิม?”

นี่เขาไม่ได้ยินฉันปฏิเสธอย่างงั้นเหรอหรือว่าตั้งใจกวนเพื่อให้ฉันเกิดความโมโหขึ้นมาบ้าง

“ไม่ไป”

ได้ยินชัดหรือเปล่า

คงได้ยินนะ

“ตามใจแต่ถ้าพวกนั้นย้อนกลับมาเธอไม่ใช่คนโง่คงรู้นะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง”

เกมส์พูดทิ้งท้ายเพียงแค่นี้ก่อนเดินจากไปทิ้งฉันเอาไว้เพียงลำพังกับป้ายรถเมล์ บรรยากาศในตอนกลางคืนเย็นลงจนฉันห่อตัวกอดกับตัวเองก่อนย่อตัวนั่งพิงเสา

ฉันไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ นะ

ไม่มีบ้าน

ไม่มีญาติ

ไม่มีคนช่วยเหลือ

แม้แต่คนสุดท้ายที่ดีกับตัวเองเขาก็ยังไป

นัยน์ตาสีนิลอันแสนคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก มือคู่นั้นที่คอยปกป้องตัวเองจากคนรังแกบ่อยๆ แต่พอมาเจอะเจออีกครั้งกลับกลายเป็นความเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง

เขาไม่ใช่คนเดิม...

นิสัย การกระทำก็ไม่ใช่แบบเดิม...

เกมส์ไม่ใช่คนเดิมเหมือนหลายปีมากก่อนและในตอนนี้เขาต้องเกลียดฉันมาก

เกลียดที่ตอนนั้นกล้าปฏิเสธการการสารภาพรักของเขา เกลียดที่ดูเหมือนดูถูกความรักของเขา เกลียดที่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหน แก้ตัวแบบไหนก็ไม่ดีขึ้นมาได้

ก็อย่างว่าแหละใครมันจะเป็นเหมือนเดิมได้ตลอดกัน

“ขิม จบมอหกแล้วแต่งงานกันมั้ย?”

น้อยนักที่จะมีใครพูดต่อหน้าผู้หญิงทั้งทีตัวเองยังแต่งชุดนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย วันที่เกือบสุดท้ายของปลายภาคการศึกษา ที่ทั้งฉันและเขากำลังจะจบมอหก

แต่ผู้ชายตรงหน้าฉันเลือกทำ

ไม่มีการลุกเข่าโชว์แหวนขอแต่งงานใดๆ ให้เป็นพิธีทั้งสิ้น มีเพียงแค่นัยน์ตาสีนิลสวยคู่นั้นที่จับจ้องมายังใบหน้าของฉันด้วยความจริงจัง ด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม

“เรายังเด็ก”

“พูดแบบนี้ไม่แต่งสินะ” เกมส์ประชดฉัน แววตาของเขาดูสลดลงเด็กน้อยทั้งท่าทางก็เหมือนดูห่อเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัดเจน “งั้นเป็นแฟนกันได้มั้ย?”

“...”

“คบๆ กันไปถึงเวลาแล้วค่อยแต่ง เราไม่อยากให้ขิมโดนทำร้ายอีกแล้วนะ เราจะปกป้องขิมจากคนพวกนั้นเอง”

“ขิมอยากมีแค่แม่...”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายในอดีตที่ฉันเลือกทำ...

คำพูดที่โคตรเห็นแก่ตัว

ไม่ผิดอะไรถ้าในตอนนี้เกมส์จะทำแบบนี้กับตัวเอง

ขายาวก้าวเดินไปไม่เท่าไหร่เขาก็เข้าไปอยู่ในรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้มคันหรูเพียงเสี้ยววินาทีที่หางตาคู่นั้นจะเบี่ยงมามองฉันผ่านกระจกรถที่กำลังถูกเลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ หางตานั้นช่างว่างเปล่ายิ่งกว่าอะไรดีกระทั่งกระจกเลื่อนขึ้นปิด

รถหรูก็ออกตัวไปจากตรงนี้

ตรงที่ฉันนั่งมอง... จนไฟท้ายรถลับสายตาไป

ทำไมอีกฝากหนึ่งของจิตใจฉันยังเผลออยากให้เขากลับมาหานะ กลับมายืนนิ่งดั่งรูปปั้นจะเย็นชาแค่ไหนถึงจะไม่ถามอะไรสักประโยคก็ยังอุ่นใจมากกว่าที่ไม่มีเขาอยู่ด้วยแบบนี้

กลับมาถามอีกครั้งหนึ่งก็ยังดี

เพราะถ้าเขากลับมาถาม คำตอบมันอาจเปลี่ยนไปจากเดิมแน่

ฉันจะตกลงไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น

แต่คำว่า ‘สายไป’ คอยตอกย้ำฉันอยู่เนืองๆ

หนูจะทำยังไงดีค่ะแม่... ขิมจะทำยังไงดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel