EP.7 | ตกหลุมรัก
เช้าวันต่อมาติณนภพรีบจับจันทร์เจ้าขาที่ยังตัวร้อนจี๋ แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วพาเธอไปโรงพยาบาลทันที
วันนี้เขารู้สึกตัวตื่นขึ้น เพราะสัมผัสได้ถึงไอความร้อนจากคนข้าง ๆ พอพลิกตัวหันกลับไปดู ก็พบว่าสีหน้าเธอซีดเผือดลงกว่าเดิมมาก
ระหว่างนั่งรถก็เอาแต่โทษตัวเองที่ลุ่มหลงในกามจนไม่ได้เช็ดตัวให้เธอจึงทำให้อาการแย่ลงกว่าตอนแรก
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ก็กังวลในใจตลอดเวลาที่รอกลุ่มแพทย์ทำการตรวจรักษา แต่ผลสรุปที่ออกมาก็ทำให้เขาโล่งใจไปได้มาก
เธอไม่ได้เป็นอะไรแค่มีไข้และอ่อนเพลีย แต่แพทย์ก็กำชับว่าหากครั้งหน้ามีอาการเช่นนี้อีก ให้รีบพามาส่งโรงพยาบาลทันที
อันที่จริงเธอก็เกือบแย่อยู่เหมือนกัน เพราะเขาพาเธอมาส่งโรงพยาบาลช้าไป
หลังตรวจเสร็จ จันทร์เจ้าขาก็ถูกย้ายตัวไปยังห้องพักฟื้นพิเศษที่ราคาแพงหูฉีก ข้างเตียงมีติณนภพนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เขารู้สึกผิดมากที่ทำให้กระต่ายน้อยต้องมีสภาพเป็นเช่นนี้
“คุณป๋า..คุณป๋า..” เส้นเสียงเล็กช่างอ่อนแรงและแหบพร่า แม้จะให้ยาและนอนพักมาครู่หนึ่งแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
“ฉันอยู่นี่ เจ้าขา” มือหนาวางลงบนมือเล็ก ออกแรงสะกิดแตะเบา ๆ เขาอยากให้เธอรีบฟื้นขึ้นมาสดใสอย่างเดิม
พอเธอเหี่ยวเฉา เขาก็อ่อนยวบตามไปด้วย
ติณนภพนึกสงสัยในตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครแม้แต่กับเอื้อมดาว
ราวกับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของเขา จันทร์เจ้าขาค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ แล้วปรับให้คุ้นชินกับการตื่นนอน
ชายหนุ่มพลันผลิยิ้มไม่รู้ตัว ประกายความดีใจปรากฏในดวงตาคม เขารีบลุกขึ้นสำรวจเธอทันที
“เจ้าขา เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม”
“จะ..เจ้าขาไม่เป็นไรค่ะ..แค่ยังมึน ๆ อยู่นิดหน่อย” เธอตอบพร้อมกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนเอ่ยถาม “เจ้าขาอยู่โรงพยาบาลเหรอคะ?”
“อื้ม” ติณนภพพยักหน้าตอบ
“ทำไมเจ้าขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้...” จันทร์เจ้าขานึกย้อนไปตอนวิ่งกลับมาถึงห้อง เธอจำได้ว่าเธอร้องไห้หนักมาก เพราะรู้สึกน้อยใจคนข้าง ๆ
เธอนอนรอแล้วรอเล่าเขาก็ยังไม่มาง้อ จึงเผลอหลับไปทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล
“เธอไม่สบาย มีไข้สูงมาก ตั้งแต่...เอ่อ..ตั้งแต่เมื่อคืน” ติณนภพเค้นคำพูดอย่างยากลำบาก เพราะมันทำให้เขาหวนนึกถึงความสุขและความเสียวที่ได้รับจากกายเธอ
จันทร์เจ้าขาก็ไม่ต่างกัน เธอนึกถึงสิ่งที่หลงคิดว่าเป็นแค่ฝันทั้งที่มันเกิดขึ้นจริง
เสียงครางชื่อเธอจากเขา การขยับทุกท่วงท่า ความหวามไหวและการไปถึงปลายสวรรค์..
พวงแก้มเธอแดงระเรื่อขึ้นด้วยความขัดเขิน
เมื่อเห็นคนป่วยคล้ายจะจำได้ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรเธอ ด้วยความหวาดหวั่นติณนภพจึงชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“จะ..จริงสิ..เมื่อวานเธอบอกฉันว่ามีผู้หญิงของฉันไปหาเรื่องเธอ ใครบอกได้ไหม?” เขาเริ่มฉุนเฉียวขึ้นตอนที่ถาม นึกแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ ใครกันที่กล้าล้ำเส้นเขามากขนาดนี้
“เธอชื่อ...” ขณะที่จันทร์เจ้าขากำลังจะตอบ ก็มีบางคนเปิดประตูห้องเข้ามาขัดจังหวะ
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดเปี๊ยะกล่าวทักทายพร้อมถอดแว่นกันแดดออก จันทร์เจ้าขาผงะด้วยความตกใจ เพราะหล่อนก็คือมิเชล ผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นตัวจริงของติณนภพ
“เธอ...”
จันทร์เจ้าขาจะเอ่ยถามว่าหล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร แต่มิเชลก็แทรกขึ้นเสียงอ่อนเสียงหวาน
“เจ้าขาเป็นยังไงบ้าง นี่พอมิลค์รู้ข่าวจากอาจารย์ก็รีบมาเยี่ยมเลยนะ” เจ้าหล่อนตรงเข้ามาทำท่าเป็นสำรวจเธอด้วยความห่วงใย ทว่าความจริง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเล่นละครตบตาติณนภพเท่านั้น
“อุ๊ย! สวัสดีค่ะคุณติณท์” มิเชลแสร้งทำเป็นเหมือนเพิ่งเห็นเขาแล้วกล่าวทักทายอย่างอ้อยอิ่ง
นาทีนั้นจันทร์เจ้าขาไม่รู้ตัวเลยว่านัยน์ตาของตัวเองกำลังฉายแววความไม่พอใจ
“สวัสดีครับ เป็นเพื่อนเจ้าขาเหรอ?” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย เพราะดูจากลักษณะนิสัยแล้ว คนอย่างหล่อนไม่น่าจะอยากมีเพื่อนแบบจันทร์เจ้าขา
ทั้งสองดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ใช่ค่ะ พอดีเมื่อวานเราไม่ต้องลงไปรับน้องเหมือนกัน เลยได้เรียนด้วยกันน่ะค่ะ ในห้องเรียนก็มีเรียนแค่ห้าคนเองนะคะ”
“อ๋อครับ” เขาตอบรับเสียงเรียบ
“เจ้าขา เมื่อวานเราต้องขอโทษด้วยนะที่เผลอพูดไม่ดีใส่เธอไป หวังว่าเธอจะไม่โกรธนะ” เมื่อเห็นว่าติณนภพละสายตาไปทางอื่น มิเชลก็หาเรื่องพูดเพื่อให้เขาหันกลับมาสนใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ก็เธอไม่ได้ตั้งใจนี่” แม้จะรู้สึกไม่สนิทใจกับการกระทำของหล่อน แต่เธอก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร หากสำนึกผิดจริงก็ให้อภัยได้เสมอ
“ขอบใจนะจ๊ะ” มิเชลโผเข้ากอดจันทร์เจ้าขาแน่น แล้วใช้จังหวะที่กำลังกอดนั้นเบ้ปากและกลอกตาด้วยความรังเกียจ ก่อนจะผละออก
ภายในห้องเริ่มปกคลุมด้วยความเงียบ มิเชลนับวินาทีในใจ รอให้ติณนภพชวนเธอคุยบ้าง
“แล้วนี่ไม่มีเรียนเหรอครับ” เขาจำต้องเอ่ยถามตามมารยาท ก็หล่อนอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยม
มิเชลร้อง Yes! ในใจ ก่อนตอบว่า
“มีค่ะ แต่พอดีเป็นห่วงเจ้าขาเลยแวะมาเยี่ยมก่อน”
“อ๋อ แล้วทานไรมาหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะ ก็กะว่าจะมาหาไรกินที่โรงพยาบาลนี่แหละ แล้วคุณติณท์ล่ะคะ?”
“ยังครับ”
คำตอบเขาเข้าทางหล่อนนักเชียว
“งั้น...เราไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ เมื่อกี้ตอนเข้ามา มิลค์เห็นพยาบาลกำลังเตรียมจะเข้ามาตรวจอาการเจ้าขา” เธอเอ่ยปากชวนด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊า
ติณนภพยังไม่ได้ตอบกลับ เขาเหลือบไปมองจันทร์เจ้าขาที่บัดนี้กลายเป็นอากาศธาตุ ราวกับกำลังขออนุญาตเธอทางสายตา
อันที่จริง รูปร่างและหน้าตาของมิเชลนั้นถูกใจเขาอย่างจัง แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ไม่กล้าเล่นลิ้นหรือแสดงท่าทีพอใจหล่อนต่อหน้าจันทร์เจ้าขา
“ว่าไงคะ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบ มิเชลก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าคุณป๋ายังไม่ได้ทานอะไรก็ลงไปทานเถอะค่ะ เจ้าขาอยู่ได้” เธอเลือกตอบไปเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงห้าวห้วน ยอมรับว่าไม่อยากให้เขาไป แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขานี่
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ เดี๋ยวฉันมานะเจ้าขา” เขาผายมือเชื้อเชิญมิเชล แล้วหันไปบอกคนบนเตียง ก่อนจะเดินนำออกไป
“ไปก่อนนะจ๊ะเจ้าขา” หล่อนแสยะยิ้มเยาะเย้ยจันทร์เจ้าขา แล้วรีบสะบัดก้นเดินตามชายหนุ่มไปหน้าระรื่น
“เฮ้อ..” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พยายามข่มความน้อยใจไว้ในอก ทั้งหงุดหงิดและคันยุบยิบใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จันทร์เจ้าขาไม่อยากเป็นแบบนี้ ไม่อยากรู้สึกอะไรเวลาเห็นเขาให้ความสำคัญกับผู้หญิงอื่น ปกติแล้วเธอก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยนี่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ?
หญิงสาวถามตัวเองซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังตกหลุมรักเขาเข้าให้เต็มเปาแล้ว
