บทที่ 8 : ข่าวลือ
"กว่าจะปิดคดีกันได้ก็ใช้เวลาตั้งเกือบอาทิตย์ พวกตำรวจที่ต้องใช้หลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดคนร้ายเนี่ย มันยุ่งยากจังเลยนะ"
ไอยรินทร์ที่เลื่อนอ่านข่าวในแท็บเล็ตอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้โยกที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เขาเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วถึงขนาดใช้แท็บเล็ตได้แล้ว เพียงแต่ก็ยังมีบ้างที่ติดขัดไม่เหมือนกับคนนั่งข้างๆ ที่กดอย่างชำนาญด้วยความเร็วมืออันเป็นสุดยอด
เซียร์ที่นั่งกดโน๊ตบุ๊กอยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่หันมอง
"ก็ธรรมดา หากไม่มีหลักฐานเอาผิดที่แน่นหนา คนร้ายก็ลอยนวลได้และอาจถูกฟ้องกลับ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ดิ้นหนีก็จำเป็นต้องเก็บหลักฐาน แต่ในบางครั้งก็มีการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อยัดความผิดด้วย"
"หืม ทำแบบนั้นก็ได้หรือเซียร์?"
"ได้สิคุณไอย มันก็มีหลายครั้งที่เกิดขึ้นจากการยัดความผิดให้คนร้ายจริงๆ และยัดให้ผู้บริสุทธิ์เป็นแพะรับบาป ถ้าคนที่กระทำการเตรียมพร้อมมาดีสร้างหลักฐานให้ตัวเองบริสุทธิ์ด้วยจะยิ่งได้เปรียบ บวกอำนาจเงินเข้าไปอีกนิดหน่อยก็ไม่มีทางถูกกฎหมายจับแล้ว"
"โอ้... เซียร์ดูชำนาญเรื่องพวกนี้จังนะ"
"ก็เคยทำมาบ้างน่ะ"
"..."
ปู่ไอยมองหน้าเซียร์อย่างอ่อนโยนแต่คิ้วกระตุกไม่หาย รู้สึกเชื่อไม่ค่อยได้ว่าหน้าหล่อใสๆ อย่างนี้จะเคยทำอะไรที่ดำมืดมาก่อน และดูไม่ออกด้วยว่าผ่านโลกมืดมาโชกโชนแค่ไหน
อืม... บ้านหลังนี้มีแต่ผีไม่ปกติสินะ?
"ว่าแต่อากาศช่วงนี้อบอ้าวจังเลยนะครับ" คิมถือคุกกี้เดินออกมา "ท่าทางคืนนี้ฝนจะตกด้วย"
"นั่นสินะ"
เซียร์เงยหน้ามองออกไปนอกหน้าตา ท้องฟ้าสีม่วงแดงหม่นๆ เพราะมีเมฆฝนเข้ามาบดบังจนแทบไม่เห็นแสงแดดยามเย็น
อากาศวันนี้จะหนาวหรือร้อนวิญญาณอย่างเขาไม่รู้สึกเลยสักนิด แวมไพร์ที่มีกายเนื้ออย่างคิมก็ไม่ได้รู้สึกรู้สากับสภาพอากาศเช่นกัน เพียงแต่เขายังสามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้เท่านั้นเอง
"หวังว่าไตรจะกลับมาก่อนฝนตกนะ"
"จะว่าไปแล้วคุณไตรก็กลับช้าจังนะครับวันนี้"
"ไม่ใช่ว่ารับงานอื่นเพิ่มหรอกหรือ" ไอยรินทร์วางแท็บเล็ตลงดวงตาสีทองมีประกายดูแคนเบาบาง "ยิ่งเป็นประเภททางไหนได้เงินดีก็รับงานนั้น ไม่เลือกเวลาเสียด้วย"
จากการที่อยู่ด้วยกันมาทั้งอาทิตย์ทำให้ไอยรินทร์เข้าใจไตรวิชญ์ขึ้นมาก เขาเป็นมนุษย์ประเภทเห็นแก่เงินอย่างยิ่ง Need Money อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นขอเพียงมีเงินจ่ายเขายินดีเข้าไปร่วมด้วย
"แต่ถ้าคุณเซียร์โทรตามเขาก็คงรีบกลับมานะครับ"
คิมเสนอพลางยิ้มให้อย่างนุ่มนวล
นอกจากเรื่องเงินแล้วเรื่องที่พี่หมอให้ความสำคัญรองลงมาอย่างไม่มีเงื่อนไขคือเรื่องของเซียร์ ถึงจะชอบบ่นเรื่องการใช้เงินที่เรียกได้ว่าโคตรฟุ่มเฟือยแต่ก็ไม่เคยห้ามเขาใช้เงินสักครั้ง
แน่ล่ะ ก็เซียร์เป็นคนหาเงินหลักเข้าบ้านนี่นา
"ไม่หรอกเราไม่สำคัญขนาดนั้น โทรไปไตรก็ไม่รีบ..."
"กลับมาแล้ว!"
เสียงทุ้มเฉยชาเอ่ย พร้อมกับชายหนุ่มในชุดสูทไม่เรียบร้อย ผมสีดำขลับยุ่งเหยิงและมีเศษใบไม้ติดอยู่เล็กน้อยเดินเข้ามาภายในบ้าน โบกมือทักทายเหล่าผีที่ตื่นขึ้นมาทักทายยามเย็นอย่างทุกที
คิมยิ้มบางๆ แล้วออกไปต้อนรับแทนผีหน้าหล่อที่นั่งกะพริบตาปริบๆ
"กลับมาแล้วเหรอครับคุณไตร ทุกทีกลับเร็วกว่านี้นะครับ"
"หา? ช้าที่ไหนก็เวลาปกติ" พี่หมอก้มมองนาฬิกาข้อมือ "อ้าวชิบ ช้ากว่าเวลาปกติไปเกือบชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย!?"
"นี่ไม่ได้ดูนาฬิกาเลยหรือไงครับ"
"ทุกทีก็ดูแต่สีท้องฟ้าน่ะ ก็ลืมไปว่าฤดูร้อนฟ้ามันมืดช้ากว่าปกติ... ไงเซียร์ ปู่ อ่านข่าวหุ้นกันอยู่เหรอ?"
"ข้าอ่านข่าวทั่วไป เรื่องหุ้นนี่ก็ยังศึกษาจากเซียร์อยู่" ปู่ไอยหัวเราะเบาๆ ส่วนเซียร์ก็ยิ้มนิดๆ ไม่ตอบอะไร "แต่เรื่องคดีโรงแรมนี่จบช้าจริงๆ"
"ถ้าอยากไขคดีไวๆ ก็ต้องสร้างหลักฐานเท็จมาใส่ร้ายป้ายสี ไม่ก็จับแพะซะก็สิ้นเรื่อง"
"พูดเหมือนเซียร์เลยนะเจ้าหนุ่ม แต่ทำไมแลดูชั่วร้ายกว่า"
"เพราะหน้าตา ชั่ว ครับ" คิมรีบแทรกขึ้นมาทันที
"อ้อ เพราะ ชั่ว นี่เองสินะ"
"ใช่ครับ ชั่ว..."
"เฮ้ย! ใครหน้าตาชั่ว เขาเรียกหล่อแบดบอยเว้ย! แวมไพร์สวยกับหน้าหลอกลวงอย่างปู่น่ะไม่มีทางเข้าใจเทรนด์สมัยนี้หรอก! ...แล้วเซียร์ก็ห้ามหัวเราะนะ!!"
"เรายังไม่ทันได้ขยับเลยนะ"
คนถูกห้ามเพียงยมยิ้มขบขันเบาบางเท่านั้นก่อนจะก้มลงมองจอโน๊ตบุ๊กต่อไปโดยปล่อยให้ชายหนุ่ม แวมไพร์และผีตะพดทะเลาะกันไป จ้องมองหน้าจออยู่ครู่หนึ่งเขาก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดกับสิ่งที่แสดงตรงหน้า
กราฟหุ้นสีแดงและเขียวขึ้นลงอย่างไม่เป็นระบบเลย ไม่ว่าจะดูกี่ช่องก็มีการขึ้นลงอย่างแปลกประหลาดไม่มีนัยสำคัญ
"อืม กราฟหุ้นผันผวนจังนะ... มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่"
...รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
"เซียร์กินอะไรรึยัง หิวจังแฮะ วันนี้กินหมูกระทะกันไหม?"
อยู่ๆ ก็ถูกเรียกทำให้เขาหลุดจากภวังค์ เซียร์ยิ้มก่อนจะตอบไปอย่างนุ่มนวลและตามใจ
"เอาสิ ไตรอยากกินอะไรเราก็กินอันนั้นแหละ"
"ตามใจเจ้าหนุ่มนี่มากไปแล้วเซียร์"
"ก็อย่างนี้ทุกทีไม่ใช่เหรอ?" คิมมองเซียร์ที่ยิ้มตอบกลับมาแต่ไม่พูดอะไร "แต่ถ้ากินหมูกระทะต้องออกไปกินข้างนอกนี่สิครับ ฝนก็จะตกแล้วด้วย..."
"ออกไปทำไม เดี๋ยวนี้มีบริการดีลิเวอรี่!"
ไตรวิชญ์หยิบใบปลิวออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นไปตรงหน้าเหล่าผี คิมและไอยรินทร์มองกระดาษแผ่นนั้นอย่างทึ่งเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างถอดถอนใจ
"โลกมันไปเร็วจังเลยนะครับ"
"นั่นสิ บริการส่งถึงที่มีทุกอย่างจริงๆ"
"งั้นก็โทรสั่งมาหลายๆ ชุดหน่อยแล้วกัน คืนนี้ก็ให้พวกผีตามพื้นบ้านกินด้วยนะ"
เซียร์เอ่ยแล้วหันไปมองเหล่าผีมุงที่หลังจากได้ยินว่าจะมีหมูกระทะก็รีบมาส่งสายตาออดอ้อนใส่เซียร์กันอย่างฉับพลัน คนถือเงินของบ้านเลยต้องยอมซื้อมาเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้เหล่าผีทั้งหลายดีดดิ้นงอแง ซึ่งผลที่ได้คือ...
"ขอบคุณครับคุณพ่อออ!"
"คุณเซียร์จงเจริญ! หมูกระทะจงเจริญ!"
"คุณพ่อเซียร์ใจดีที่สุดเลยยย!!!"
"คุณพ่อจงเจริญ! หมูกระทะจงเจริญ!!!"
และอีกหลายคำสรรเสริญที่ทำให้ใบหน้าหล่อเย็นชาต้องมุมปากกระตุกถี่ๆ และคนที่มุมปากกระตุกไปพร้อมกับคิ้วกระตุกก็คือหมอผีที่เสนอการกินหมูกระทะนั่นเอง
"เฮ้ย! ฉันไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงพวกนายเลยนะเจ้าผีขี้ข้า!"
"แต่คุณเซียร์บอกว่าจะเลี้ยงนะพี่หมอ!!!"
เหล่าผีประสานเสียงกันตอบโต้ เสียงกระหึ่มทำเอาไตรวิชญ์หูอื้อไปชั่วขณะ แต่เขาก็ไม่ได้ยอมรับง่ายๆ หรอก
"ไม่! ใครจะไปสั่งหมูกระทะมาเป็นร้อยชุดเพื่อพวกแกกัน ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่จ่าย!!"
"ไม่ต้องห่วงครับเพราะผมจ่ายเอง"
คิมตอบด้วยร้อยยิ้มก่อนจะชูบัตรเครดิตและธนบัตรพร้อมใช้แล้วกรีดธนบัตรพันบาทหลายสิบใบโชว์ความรวยกันซึ่งๆ หน้า
และไอ้เงินในมือกับบัตรเครดิตนั่นของเขาทั้งนั้น
"เฮ้ยคิม ทำงี้ได้ไง"
ไตรวิชญ์มองเงินแล้วตาเหลือก อยากกระอักเลือดอัดหน้าแวมไพร์ขึ้นมาตงิดๆ
"ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะครับ นี่นับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน หรือคุณไตรไม่คิดอย่างนั้น"
"นั่นมัน..."
เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนนั่นแล้วไตรก็พูดอะไรไม่ออก จะห้ามก็ห้ามไม่ได้เพราะเงินนั่นเขาให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน... และค่าหมูกระทะที่กำลังโทรสั่งนั่นก็นับเป็น 'ค่าใช้จ่าย' ในบ้านจริงๆ ซะด้วยสิ
ให้ตายเหอะ เขาแพ้แล้ว...
ร่างสูงของหมอผีทรุดลงกับพื้นทำท่าเหมือนวิญญาณจะหลุดจากร่างไปเสียเดี๋ยวนั้น ปู่และคิมหัวเราะอย่างขบขันกับท่าทางของพี่หมอก่อนจะโทรสั่งหมูกระทะอย่างเบิกบาน พร้อมกับเสียงวี๊ดว้ายของเหล่าผีที่ไม่เกรงใจเจ้าของบ้านกันสักนิด
"คุณแม่ดีที่สุดเลย!!"
สายฝนที่สาดกระทบหน้าต่างทำให้เกิดเสียงดังและกระจกสั่นไหว เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านไปเกิดเป็นเสียงหลอนหู ท้องฟ้ามืดครึ้มมีประกายแสงวาบวามเพียงชั่วพริบตาเกิดเป็นเสียงฟ้าร้องดังทั่วพื้นที่
ภายในห้องที่มืดมิดที่มีเพียงแสงจากสายฟ้าให้ความสว่างเพียงชั่วครั้งชั่วคราว มีเสียงลมหายใจแผ่วๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนและฟ้าร้อง เงาร่างหนึ่งหยุดยืนอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาสีแดงสดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเรียบเฉย
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาเพิ่มแสงสว่างให้มากขึ้น ภายในห้องที่มืดมิดมีเงาร่างหนึ่งดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางอากาศอย่างอ่อนแรงก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด เงาร่างนั้นทิ้งแขนลงกับพื้น ร่างกายไหวเบาๆ และหมุนไปอย่างช้าๆ เสียงของไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดชวนขวัญผวา ร่างที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างหันกลับไปมองแล้วแย้มยิ้มอย่างใสซื่อ
"เห~ ตายซะแล้วเหรอ เร็วจังน้า~"
ร่างนั้นขยับเข้าไปใกล้อีกร่างที่ยังคงหมุนคว้าง
"คนที่สี่... ฮ่าๆ ส่งมาตายเปล่าชัดๆ เลยนะ"
เมื่อร่างเงาเจ้าของนัยน์ตาสีแดงโบกมือ ร่างที่ลอยคว้างก็เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่างนั้นเดินกลับไปยังหน้าต่างอีกครั้งแล้วฉีกยิ้มกว้าง
"แต่ช่วงนี้ก็พอดีเลย ฝนตกแบบนี้ล้างเลือดและกลบกลิ่นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ"
อยู่ๆ แสงของหน้าจอสมาร์ทโฟนก็สว่างขึ้น บนนั้นปรากฏข้อความบางอย่างขึ้นมาเป็นรหัสลับ นัยน์ตาสีแดงเลื่อนไปมองมันแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างต่ออย่างพอใจ
"เอาล่ะ การเล่นสนุก... เริ่ม ณ บัดนี้"
ร่างสูงในชุดสีชมพูอ่อนลายจุดนั่งดื่มชามองฝนเม็ดเล็กโปรยปรายลงมาช้าๆ ดวงตาสีดำขลับเหม่อมองออกไปบนเมฆที่มืดครึ้มติดต่อกันมาทั้งสัปดาห์แล้ว หูก็ฟังเสียงของเหล่าขี้ข้าบ่นไปพลางๆ อย่างเหนื่อยหน่าย
"ช่วงนี้ดาราที่ตามอยู่มีข่าวลือเสียๆ หายๆ ออกมาอีกแล้วล่ะ"
"ใช่ๆ แล้วยังมีนักร้องอีกหลายคนด้วยนะ"
"ไม่ใช่แค่ในประเทศนะ ต่างประเทศเองก็ด้วย"
"ได้ยินว่านักการเมืองท้องถิ่นก็มีข่าวลือเหมือนกัน"
"ถึงกระทั่งมีคลิปออกมาแน่ะ"
"ฉันตามวงการกีฬานะไม่เห็นมีข่าวเสียหาย"
"สงสัยจะเป็นแคข่าวการเมืองกับข่าวบันเทิงล่ะมั้ง"
"นั่นสิ..."
"นี่! เจ้าผีติดสื่อทั้งหลาย จะซุบซิบอะไรก็ไปคุยห่างๆ บ้านหน่อยได้ไหม" ไตรวิชญ์อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกการสนทนาอย่างได้อรรถรสของเหล่าผีขี้ข้าทั้งหลาย แต่ว่า... "นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วว้อย! คนจะหลับจะนอนก็ไม่ได้นอนเพราะพวกแกนั่งคุยกันติดริมหน้าต่างบ้านเนี่ย ตอนกลางวันทำไมไม่คุยกันล่ะฟะ"
"โธ่พี่หมอ กลางวันพวกเราก็นอน กลางคืนก็เวลาลั้นล้าปกติของพวกเราน้า"
"ใช่ๆ จะให้นอนกลางคืนก็ไม่ได้หรอก"
พวกผีร้องบอกเพื่อขอความเห็นใจ ตอนกลางวันแดดมันแรง พลังของพวกมันมีน้อยและผีบาปหนาอย่างพวกมันต้านทานแสงเจิดจ้าไม่ไหวหรอก ต้องนอนเพื่อรักษาพลัง กลางคืนนี่แหละถึงจะอยู่ได้อย่างสบายใจที่สุด
แต่ดูเหมือนพวกมันจะลืม ผีที่ไหนเขานอนกันเล่า อยู่เฉยๆ พลังก็ฟื้น!
"ถึงจะอย่างนั้นก็ไปคุยกันที่อื่นสิวะ ไม่ก็ไปชุมนุมหน้าทีวี 110 นิ้วที่ตั้งไว้อีกด้านของสวนบ้านนู่นจะได้ไม่มารบกวนการนอนของฉัน พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปทำงานอีกนะเว้ย!"
โทรทัศน์ใหญ่เท่าฝาบ้านนั่นต่อให้มุงกันเป็นร้อยๆ รอบพื้นที่ก็ยังมองเห็น จะคุยกันก็ไปแถวๆ นั้น คุยด้วยดูด้วย น่าจะได้อรรถรสมากกว่ามาคุยข้างหน้าต่างคนจะนอนเป็นไหนๆ
"แต่ฝนตกอ่ะ"
"ฝนตกฟ้าร้องแต่ทีวีก็ยังใช้ได้ เซียร์สร้างเป็นศาลากระจกกันแดดกันฝนให้แล้วนี่ แล้วผีอย่างพวกแกก็ไม่โดนฝนไม่มีไข้ด้วยจะกลัวกันทำไม"
"แต่ว่า..."
"ถ้ายังแหกปากเถียงอีกพ่อจะออกไปตื้บแล้วเอาทีวีไปขายแล้วนะโว้ย!"
ใจดีเตือนเฉยๆ ไม่ชอบ ต้องให้ออกแรงใช่ไหม?
เหล่าผีทั้งหลายที่ซุบซิบอยู่รีบเผ่นออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่พี่หมอจะออกมาตื้บพวกเขาจริงๆ อย่างที่พูด เมื่อเห็นว่าไปหมดแล้วก็พ่นลมหายใจออกอย่างคุกรุ่น
"ยังไม่นอนอีกเหรอไตร"
เซียร์ในชุดนอนสีกรมเดินเข้ามาพร้อมกับแท็บเล็ตสำหรับทำงาน ดวงตาสีฟ้าใสจับจ้องไปที่แก้วชาของอีกฝ่าย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหมอผีหนุ่มที่แสดงสีหน้าหงุดหงิดอยู่
"ก็ว่าจะนอนนั่นแหละ แต่ผีนี่ซุบซิบไม่เลิกสักที ช่วงนี้มันอะไรกัน"
"นั่นสิ ช่วงนี้มันอะไรกัน"
"หืม มีอะไรเหรอเซียร์ เกิดอะไรขึ้น?"
ไตรวิชญ์หันไปมองผีหน้าหล่อที่ยืนขมวดคิ้ว นานมากแล้วที่ไม่เห็นเซียร์บ่น ปกติจะแค่ตอบคำถามและแสดงความห่วงใยต่อเขาเท่านั้น เรื่องอื่นแทบไม่ออกจากปาก
"ช่วงนี้เศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างมีปัญหาน่ะ ขึ้นลงผันผวนมาก แล้วยังมีข่าวเสียหายของนักการเมืองอีก ทำให้ตลาดหุ้นผกผันจนควบคุมไม่ได้"
เซียร์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยขณะอธิบาย ดูท่าว่าเศรษฐกิจมีปัญหาก็ไม่ได้เขาสะทกสะท้านสักเท่าไหร่ เพียงแค่ประหลาดใจเท่านั้น พี่หมอเปลี่ยนจากนั่งดื่มชาแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียง เขาเอียงหน้านิดๆ มาทางประตู ดวงตาสีดำข้างสีแดงข้างปรายมองเขาอย่างวางใจ
"แล้วเซียร์จัดการได้ใช่ไหม"
"หากไตรต้องการ เราจะจัดการให้"
"ถ้าเศรษฐกิจพังแล้วเราไม่เดือดร้อนก็ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นไป เขาไม่น่าเล็งเป้ามาที่เราหรอก" พี่หมอพลิกตัวมานอนหงาย เสื้อยับยู่ยี่เลื่อนขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันและผิวขาวเนียนจนน่ากัด "แต่ตักเตือนไปหน่อยก็ดี ให้เขารีบจบเรื่องไวๆ ยังไงซะ เศรษฐกิจพังถึงไม่เดือดร้อนระยะสั้นแต่ระยะยาวมันก็ส่งผลอยู่"
"เราเข้าใจแล้ว แต่ว่า..."
"อะไร?"
"ไตรนอนให้มันเรียบร้อยๆ หน่อย ผีหื่นนอกบ้านมองตาเป็นมันแล้ว"
"หื่นแล้วไง ทำได้แค่มอง มาซุกไซ้ย่ำยีไม่ได้ซะหน่อย"
"..."
เออ เอาที่สบายใจเลยพี่หมอ
"ไม่มีอะไรแล้วนะ? งั้นก็... ราตรีสวัสดิ์เซียร์"
"ราตรีสวัสดิ์ไตร..."
ผีหน้าหล่อปิดไฟในห้องในเขาแล้วเดินออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดูเยือกเย็นมากขึ้น บรรยากาศรอบตัวมืดมนได้ไม่แพ้ยมทูตที่ไตรวิชญ์เจอเลยสักนิด นัยน์ตาสีฟ้าใสเรืองรองท่ามกลางความมืด
"น่าสนุก..." เสียงหัวเราะต่ำเย็นยะเยือกผสานกับเสียงสายฝน ร่างสูงสง่างามก้าวกลับไปยังห้องของตัวเองช้าๆ "ในเมื่อไตรอนุญาต เราก็อยากจะดูเหมือนกันว่า... คนก่อเรื่องจะไปได้ไกลแค่ไหน"
จะเล่นเป็นเพื่อนก็ได้...
แต่อย่าทำให้เราผิดหวังล่ะ เจ้าหนูตัวน้อย
