บทที่ 5 : โรงแรม... แหล่งชุมนุมผี
"คิดดีแล้วงั้นเหรอครับ"
คิมเอ่ยถามอย่างไม่ไว้วางใจขณะทองไตรวิชญ์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกางเกงสีดำ ทรงผมฟูเล็กน้อยเพราะไม่ได้จัดทรงแค่เอามือสางอย่างลวกๆ ดวงตาที่ตอนนี้กลับมาเป็นสีดำทั้งสองข้างด้วยคอนแทคเลนส์แล้วปรายมอง
"จะไปมีปัญหาอะไรล่ะ แค่พาปู่ไปเปิดหูเปิดตาเอง"
"แต่ถ้าพาเขาไปตะพดก็..."
"ปู่น่าจะอยู่ห่างจากตะพดได้อยู่มั้ง"
ไตรวิชญ์หันไปทางชายหนุ่มในชุดไทยตัวใหม่ที่คิมออกไปซื้อมาเผาส่งให้ ชุดไทยสีขาวโจงกระเบนสีเหลืองทองเป็นประกายระยิบระยับ รวมกับท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนราวกับเทวดานั้นแล้ว...
เอาผ้าสามสีมาผูกนี่จะเหมือนเลย... เจ้าที่ชัดๆ
"อยู่ห่างได้ไม่เกินสิบโยชน์น่ะ" ปู่ไอยตอบ พี่หมอขมวดคิ้วเอ่ยปากถามทันที
"โยชน์นี่กี่เมตรปู่"
"หนึ่งโยชน์เท่ากับสิบหกกิโลเมตร" คนที่ตอบคำถามคือเซียร์ที่เพิ่งเดินออกมา "เราว่าควรให้คุณไอย์เรียบรู้เรื่องโลกภายนอกบ้างก็ดีนะ เพราะเขาใช้คำที่บางครั้งเราก็ตีความกันยาก ถ้าปรับให้ทันสมัยหน่อยน่าจะดี"
"ก็ว่างั้นแหละ เลยจะพาออกไปข้างนอกด้วย" ไตรวิชญ์ไหวไหล่ ถ้าเป็นผีอื่นๆ ไม่ได้สิทธิ์ออกจากพื้นที่บ้านหลังนี้ง่ายๆ หรอกนะเนี่ย
"น่าจะให้อยู่ศึกษาภายในบ้านก่อนนะครับ"
"แหม งั้นเข้าโรงแรมด้วยกันไหมล่ะ เดี๋ยวป๋าจะพาไปกินไอติมแบบบุฟเฟ่ต์"
"งั้นผมไปด้วยก็ได้ครับ---"
"ทำงานที่โรงแรมไหนถึงมีไอติมบุฟเฟ่ต์เหรอ" เซียร์มองหน้าพี่หมอและคิมอย่างสงสัย "แต่เราจำได้ว่าโรงแรมที่ไตรจะไปไม่ได้มีร้านไอติมบุฟเฟ่ต์ ร้านใกล้ๆ ก็ไม่มีนี่"
เขาศึกษาสถานที่ที่ไตรวิชญ์จะไปทำงานมาแล้วอย่างทะลุปรุโปร่ง มีกระทั่งภาพถ่ายดาวเทียมยันโครงสร้างพิมพ์เขียวโรงแรม เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่ามันไม่มีร้ายไอศกรีมแน่
"เออช่างเถอะ ก็ว่าอยู่แล้วว่าเซียร์คงไม่ทันมุกไตวายแบบนี้หรอก"
"???" ผีหน้าหล่อยังคงทำหน้างุนงง แต่เมื่อไม่มีใครอธิบายก็ไม่คิดจะใส่ใจนัก จากนั้นก็หันไปกำชับไอยรินทร์อีกครั้ง "คุณไอยอยู่ข้างนอกคุณต้องฟังไตรนะ ห้ามสร้างความเดือดร้อนให้เขาจนบาดเจ็บ ห้ามรบกวนเวลางาน และไม่ว่ายังไงก็ห้ามปรากฏตัวออกมาให้คนอื่นเห็นเด็ดขาดหากไม่จำเป็น ถ้าคุณทำได้อย่างไม่มีปัญหา หลังจากนี้ไม่ว่าคุณจะอยากได้อะไรเราจะซื้อให้หมดทุกสิ่งเพื่อเป็นรางวัล"
"อืม... คิดว่าวัตถุนิยมสมัยนี้จะถูกตาต้องใจข้าหรือเซียร์" ไอยรินทร์เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่แยแส
"หืม? เซียร์เป็นคนเดียวที่ปู่เรียกชื่อเหรอเนี่ย" ไตรวิชญ์กระซิบกับคิมเสียงเบา แวมไพร์คนสวยหน้างอพยักหน้ารับอย่างหงุดหงิด
"ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นครับ น้อยคนที่เขาจะเรียกชื่อ"
"คือปู่ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์แต่กวนทีนสินะ"
"ก็เห็นๆ อยู่ไม่ใช่เหรอครับ"
"นั่นสิ แม้แต่นายก็เป็นสาวน้อยไปด้วยเลยเนอะ"
"คุณไตรก็เป็นเจ้าหนุ่มหมอผีตาแดงข้างเดียวเหมือนกัน"
"ฉันจำได้ว่าชื่อเรียกไม่ยาวขนาดนั้นนะคิม"
ตั้งแต่เมื่อคืนไอยรินทร์ไม่เคยเรียกชื่อเขาก็จริงแต่ชื่อเรียกมันก็มีแค่เจ้าหนุ่ม เจ้าหนุ่มตาแดงข้างเดียวกับเจ้าหนุ่มหมอผี... อ้าว กลายเป็นมีหลายชื่อแทนซะงั้น
นี่เขาเป็นคนหลากหลายหรือปู่แค่จำชื่อเรียกไม่ได้ฟะ
"แล้วคุณคิมสรุปว่าไปด้วยใช่ไหม" เซียร์หันมาถาม แวมไพร์คนสวยพยักหน้ารับ
"ครับ มีอะไรจะฝากหรือเปล่าครับ?"
"จะฝากซื้อของหน่อยน่ะ อยากได้อุปกรณ์ใหม่กับหนังสืออีกสิบกว่าเล่ม"
"ซื้อหนังสืออีกแล้วเหรอ ห้องหนังสือจะไม่มีที่เก็บแล้วนะเซียร์"
ไตรวิชญ์พูดด้วยใบหน้าห่อเหี่ยว เรื่องเงินซื้อไม่มีปัญหาถ้าเขาอยากได้ แต่ซื้อทีก็เป็นสิบเล่มแล้วซื้อถี่ทุกอาทิตย์ หนังสือเต็มสองห้องใหญ่ไปแล้ว แทบไม่เหลือที่เก็บแล้วนะ
"ถ้าไม่มีที่แล้วก็ต่อเติมบ้านได้นี่ไตร เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง ยังไงก็เงินไตรจ่าย"
"อ่อก!"
พี่หมอรู้สึกเลือดขึ้นมาจุกคอ อยากจะพ่นเลือดอัดหน้าคนพูดเหลือเกินแต่ก็อดกลั้นไว้ ดวงตาสีดำมองค้อนใส่ผีหล่อเย็นชาที่ตอนนี้ยกมุมปากขึ้นเสริมเสน่ห์ตัวเองได้อย่างน่าตี
แต่เขาก็ตีไม่ลง เพราะนี่คือคนหาเงินหลักๆ ของบ้าน และเงินที่เซียร์หามาทั้งหมดล้วนเป็นชื่อของเขา ไม่ว่าจะเงินจากบัญชีไหนทั่วโลกล้วนมีชื่อของเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งสิ้น ฉะนั้นการบอกว่าเขาจ่ายก็ถูกต้องแล้ว...
แต่แค่คิดว่าเงินกำลังจะปลิวมันก็อดกระอักเลือดไม่ได้
"หึๆ คุณไตรครับไปกันเถอะ"
คิมที่ไม่รู้ว่าไปเปลี่ยนเครื่องแต่ตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่สะกิดเรียกสติของพี่หมอให้กลับมา ปู่ไอยมองแวมไพร์คนสวยตาปริบๆ เครื่องแต่งกายโทนสีเข้มที่บังมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า มองไม่เห็นหน้าค่าตา ขนาดแววตายังมีแว่นกันแดดบังเอาไว้เลย
นี่จะออกไปทำงานหรือจะไปปล้นธนาคารกันแน่ฮึ?
"โอเค ไปกันเถอะ"
ไตรวิชญ์เดินอย่างเสียศูนย์ออกจากบ้าน ไม่ได้สนใจการแต่งตัวของคิมเลยสักนิดเดียว ไอยรินทร์ทำท่าพ่นลมหายใจออกมาแล้วแล้วเดินตามทั้งสองคนไปด้วยท่าทางที่กระตือรือร้นเล็กน้อย
โรงแรมที่ไตรวิชญ์ไปนั้นเป็นโรงแรมใหญ่ มีพนักงานยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้มอยู่ไม่ขาด ลูกค้าเดินเข้าออกโรงแรมบ้างประปราย พวกเขานั้นยังไม่ทันเดินเข้าโรงแรมก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยดักหน้าซะแล้ว
"มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ"
เขาถามแล้วก็เหลือบมองไปยังคิมที่สวมชุดมิดชิด พี่หมอมองตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มขันออกมา
"มาหาผู้จัดการครับ ผมไตรวิชญ์นัดเขาเอาไว้แล้ว"
"แล้วคุณคนนี้"
"ผู้ช่วยผมครับ พอดีเขากลัวดำเลยใส่เสื้อผ้ามิดชิดหน่อย... คิมเปิดหน้าสักหน่อยสิจะได้สบายใจ"
"ผมไม่ได้กลัวแดดสักหน่อย"
แวมไพร์คนสวยบ่นเล็กน้อยเดินเข้ามาในร่มก่อนจะยอดถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามชวนตะลึง เหมือนสติของผู้คนที่เห็นจะหลุดลอยออกจากร่าง คิมยกมือสางผมเล็กน้อยแล้วหันไปทางพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรม
"เท่านี้พอใจหรือยังครับ?"
"สักครู่นะครับ คุณผู้หญิง"
พนักงานพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคิม ก่อนนั้นก็วิ่งตารีตาเหลือเข้าไปภายในโรงแรมทิ้งให้พวกพี่หมอยืนงงมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังจากภายในโรงแรม
"พี่ๆ ดารามาโรงแรมเรา! โคตรสวย!!"
"..."
ไตรวิชญ์หันขวับไปมองคิมทันที ก่อนทั้งคู่จะยกยิ้มขบขันตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าหลุดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าป่วยๆ ของแวมไพร์คนสวย
ไอยรินทร์ยิ้มกว้างออกมาสีหน้ายังคงอ่อนโยนแต่ดูกวนประสาทในสายตาคิมอย่างมา เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลคล้ายจะปลอบโยน
"งานนี้คงมีคนตาย..."
แต่เปล่า เขากำลังนึกสงสารเจ้าหนุ่มคนเมื่อครู่ เพราะคิมไม่ชอบให้ใครชมว่าสวย ตั้งแต่เด็กๆ เขาหยอกล้อหน่อยก็กัด... ดุร้ายปานนี้เชียวนะ นี่ยังนับว่าใจเย็นที่แค่จิกตามองตามหลังไป...
พลั่ก!
เสียงของบางอย่างร่วงลงกระแทกพื้นด้วยความเร็วสูง สายตาของพวกเขาทั้งสามหันไปมองอย่างรวดเร็ว กลิ่นเลือดโชยมาทำให้คิมถอยห่างออกไปแล้วหันไปจิกตามองใส่ไอยรินทร์ที่ยิ้มอ่อนกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
"สมพรปากจริงๆ เลยนะคุณ!"
"ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เลยนะจ๊ะสาวน้อย"
ปู่เป็นผู้บริสุทธิ์นะ อีกอย่างปู่ไม่ได้หมายถึงไอ้คนที่ร่วงลงมาด้วย เห็นหน้าสักครั้งก็ยังไม่เคยเลย จะไปแช่งให้เขาตายได้อย่างไรกัน
ถึงจะเหมือนเจ้าที่แต่ก็ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์นะครับ
"คิมไหวไหม?" พี่หมอหันไปทางแวมไพร์คนสวย "หลบก่อนก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
"ใช่ ไม่เป็นไรหรอก สาวน้อยคงไม่หิวเพราะเมื่อคืนกัดข้าไปแล้ว"
"พูดมากครับ!"
"หืม?"
ไตรวิชญ์เลิกคิ้วสูงมองปู่ที่โดนคิมตีศอกใส่อย่างเกรี้ยวกราด นึกสงสัยว่าวิญญาณอย่างไอยรินทร์นี่กัดไปมันมีเลือดให้กินเหรอ แต่ช่างเถอะ... พี่หมอหันกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องของพวกเขาเคลียร์กันเอาเองเถอะ
เพราะเหตุการณ์คนตกตื่นเกิดขึ้นทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่ที่หน้าโรงแรม มีจำนวนไทยมุงและต่างชาติมุงอยู่เป็นจำนวนมาก รอจนกระทั่งตำรวจและรถมูลนิธิมาถึงก็กั้นพื้นที่ไม่ให้คนเข้าไป เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์และพนักงานโรงแรมต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บหลักฐานและพยาน
แต่พอเหล่าตำรวจเห็นหน้าไตรวิชญ์เท่านั้นล่ะ รอยยิ้มดูบิดเบี้ยวใบหน้าซีดเผือดกันอย่างฉับพลัน ตัวสั่นไหวกันไม่น้อยเกี่ยงกันเดินเข้ามาใกล้ ถึงแม้จะมีแวมไพร์คนสวยอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ช่วยให้นายตำรวจคนไหนอยากเดินเข้าหา
"อะ... เอ่อ... พี่หมอครับ ผะ... ผม..."
"อะไรคุณตำรวจ"
"คือว่า... เรื่องคดี..."
"อ้ำอึ้งทำไมกันล่ะนั่น" ไตรวิชญ์ยิ้มอย่างร้ายกาจมองตำรวจขี้กลัวพลางหรี่ตาลง "หรือว่ากลัวว่าฉันจะบอกว่าเห็นอะไร? อย่างเช่นตรงที่เกิดเหตุนั้นมี..."
"พอเถอะครับ! ผมไหว้ละพี่หมอ ขออะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์เถอะครับ!!"
นายตำรวจยกมือไหวพี่หมอจริงๆ หน้าตาเหมือนโดนรังแกอย่างร้ายกาจ ยิ่งหน้าตาของคนรังแกหล่อชั่วร้ายด้วยแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนเจ้าพ่อกำลังข่มขู่ชนชั้นล่างไม่มีผิด
แน่นอนว่า... เขายังไม่หยุดแกล้งง่ายๆ หรอก
"ไม่เอาน่า วิทยาศาสตร์มันจะไปสนุกเท่ากับไสยศาสตร์ได้ไง ยิ่งกับคดีแบบนี้วิทยาศาสตร์มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ มาๆ จะแนะนำให้อย่างรวดเร็ว..."
"ยอมช้าครับ! ช้าๆ ก็ได้ผมไม่ถือ!"
"บ๊ะ! อุตส่าห์เสนอทางเลือกให้ ไม่รู้จักของดี"
"พี่หมอ อย่าแกล้งลูกน้องผม" ชายวัยกลางเดินเข้ามาขัดจังหวะการกลั่นแกล้งของหมอผีหน้าตาชั่วร้าย "แล้วทำไมถึงมาที่โรงแรมได้ล่ะ หรือว่า..." สายตาของอีกฝ่ายหันไปมองแวมไพร์คนสวยก่อนจะยิ้มกริ่ม "นี่คงเป็นเมียพี่หมอล่ะสิ สวยนะ"
"สาวน้อยใจเย็นไว้ ถึงหน้าตาจะสวยจริง ก็ต้องใจเย็นไว้นะ ยังมี เอ่อ... เมีย--"
"คุณน่ะหุบปากได้แล้ว!"
คิมพูดเสียงรอดไรฟันจิกตามองปู่ชุดขาวอย่างขุ่นเคือง คนอื่นพูดยังไม่โกรธเท่าเขาพูดเลย ถ้าไม่ติดว่าสายตาคนมองมากมาย เขาจะทุบให้บี้แบนเลยคอยดูสิ
คนหาเรื่องยิ้มอ่อนแต่ตัวสั่นเทิ้มอย่างคนกลั้นหัวเราะไม่แนบเนียนอย่างเคย ไอยรินทร์ไม่พูดอะไรอีก หันไปมองทางไตรวิชญ์ที่กำลังคุยกับนายตำรวจด้วยท่าทางเหมือนนักเลงกำลังรีดไถ่ทรัพย์ชาวบ้าน ท่าทางผู้ดีไม่มีให้เห็นสักเศษเสี้ยว
"เรื่องก็เป็นอย่างที่เล่า ฉันยังไม่ได้ทำพิธีอะไรสักอย่าง" ไตรวิชญ์พูดอย่างเบื่อหน่าย "แล้วที่มาโรงแรมก็ไม่ได้รู้ว่าจะมีคนตายด้วย ฉันมาไล่ผีต่างหาก"
"ไล่ผีในโรงแรม แปลว่าโรงแรมนี้ก็เคยมีคนตายมาก่อนสินะ ฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย?"
"จะรู้เรอะ สัมภเวสีพวกนั้นมาจากที่ไหนบ้างก็ยังไม่รู้เลยเถอะ"
"อ้าว แล้วเขาเชิญมาไล่ทำไมล่ะ"
"นี่นายไม่รู้เหรอ โรงแรมคือแหล่งชุมนุมผีนะ"
"ห๊า!?" นายตำรวจร้องอย่างตกใจ ก่อนจะรีบยกมือตะครุบปากตัวเองไว้ มองซ้ายมองขาแล้วกระซิบถามอย่างกับเป็นความลับสุดยอด "จริงเหรอพี่หมอ โรงแรมที่นี่อ่ะนะ?"
"ไม่ใช่แค่ที่นี่ มันมีทุกที่ที่มีการเปลี่ยนคนอยู่อาศัยจำนวนมาก ต่อให้เป็นเจ้าที่เจ้าทางก็ใช่ว่าจะพอใจปกป้องผู้อยู่อาศัยชั่วคราวหรอกนะ"
พูดจบก็เหลือบตาไปมองเจ้าที่ตัวจริงของโรงแรมที่ยืนกอดอกพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
การผู้ที่เดินทางเข้าออกไปมาก็เป็นเพียงแขก แล้วแขกพาอะไรเข้ามาบ้างถึงเจ้าที่จะรับรู้แต่ก็สกัดกั้นออกไปให้หมดไม่ได้ ต้องรู้ว่าเจ้าที่ประจำผืนดินแต่ละแห่งมีฤทธิ์ไม่เท่ากันด้วย ฉะนั้นที่พวกเขาจะปกป้องก็มีเพียงเจ้าของที่แท้จริงกับเหล่าพนักงานเท่านั้นเอง
"มิ... มิน่าเวลาไปโรงแรมที่ไหนก็มีแต่เรื่องเล่าผี" นายตำรวจกลัวใจสั่นไปหมดแล้ว "แล้ว... แล้วตอนนี้วิญญาณของผู้เสียชีวิตยังอยู่ไหมพี่หมอ"
"อยู่ในรถมูลนิธิแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงเขาสบายดี"
"..."
ใครห่วงผีกัน เอ๊ย! ตายเป็นผีแล้วยังสบายดีอีกเหรอ!
พี่หมอไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแต่ยิ้มอย่างลึกลับ ดวงตามีประกายสีแดงระเรื่อแวบหนึ่งเมื่อมองไปยังพื้นที่ที่ตำรวจล้อมไว้ เห็นเงาสีดำวูบไหวแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว เขาหลับตาลงผ่อนลงหายใจก่อนจะเดินไปทางคิมและไอยรินทร์
"ดูเหมือนว่างานนี้อาจจะยุ่งยากกว่าที่คิดนิดหน่อยล่ะนะ"
"เรื่องอะไรหรือเจ้าหนุ่ม"
"ก็เรื่อง..."
"โอ้ พี่หมออยู่ที่นี่เอง" เสียงค่อนข้างแหลมของชายคนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งสามให้หันมอง รอยยิ้มตามมารยาทปรากฏบนใบหน้าทันที "ขอโทษด้วยครับที่วุ่นวายแบบนี้ทั้งที่ผมของให้คุณมาช่วยไล่ผีแท้ๆ แต่ดันเกิดเหตุซะได้"
"ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ไม่วุ่นวายหรือรบกวนงานอะไร ฉันสามารถจัดการทำพิธีได้อย่างไม่มีปัญหา"
"งั้นก็รบกวนด้วยครับ..."
"ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม"
"เอ่อ พี่หมอจะช่วยไขคดีหรือเปล่าครับ"
"เอานี่"
"ยื่นนามบัตรมาทำไมน่ะ" นามบัตรนี้เขาก็เคยเห็นมาก่อนแล้วเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ไตรวิชญ์เบ้ปากแล้วใช้นิ้วชี้ที่ตำแหน่งงาน
"นายไม่เห็นเหรอ อาชีพฉันเป็นคนขายประกันนะไม่ใช่ตำรวจหรือนักสืบ จะได้ไปช่วยไขคดี"
"โอ้ ยึดมั่นในอาชีพสินะครับ"
"เปล่า ไม่จ่ายตังค์ใครจะไปช่วยให้ฟรีๆ กันล่ะฟะ!"
ขอแค่มีเงินพอจ่ายเขาจะเปลี่ยนอาชีพไปช่วยงานให้ทุกสายตามต้องการเลย ตั้งแต่คนเก็บขยะยันรัฐมนตรีนู่น เอกชนหรือภาครัฐเขาก็ไม่เกี่ยงงานหรอกนะ
คิมและไอยรินทร์กลอกตาไปมากับคำตอบของพี่หมอ ถึงจะคาดไว้แล้วว่าเป็นคนที่ศีลธรรมเสื่อมแต่ก็ไม่คิดว่าจะเสื่อมอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้
แต่คดีแบบนี้ใครจะกล้าจ้างหมอผีมาไขคดี
"พอดีเลยพี่หมอ ทางกรมจะจ่ายให้เอง!"
นายตำรวจคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไตรวิชญ์ฉีกยิ้มกว้าง เดินไปจับมือเขาด้วยใบหน้าระรื่นทันที
"OK Deal!"
อ้าวฉิบ! มีคนจ่ายจริงๆ ด้วย
"งั้นก็ตามคิดงานนะทุกท่าน เริ่มจากไล่ผีแล้วก็สืบคดี ตำรวจเก็บหลักฐานไปก่อน อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน"
นายตำรวจพยักหน้ารับก่อนจะหันไปจัดการเคลียร์พื้นที่ ขณะที่ผู้จัดการโรงแรม คิมและไอยรินทร์ตามหลังไปติดๆ
"ต้องเตรียมตั้งพิธีไหมครับพี่หมอ" ผู้จัดการหนุ่มถาม "ทางเราเตรียมของทำพิธีไว้แล้วครับ"
"อ้อ ขอบใจ ก็จัดตั้งโต๊ะแบบที่แล้วๆ มาก็แล้วกัน ฉันขอเดินไปทั่วๆ โรงแรมก็พอ คุณก็ไปจัดการควบคุมสถานการณ์เถอะ ที่เหลือผมจัดการเองได้"
"เอ่อ ถ้างั้นขอตัวนะครับ"
ไตรวิชญ์มองตามหลังผู้จัดการไปแวบหนึ่งแล้วเดินไปกดลิฟต์ขึ้นไปเพื่อชั้นบนสุดของโรงแรม แต่ก่อนหน้านั้น...
"ตอนนี้มีแค่พวกฉันแล้ว... ไม่ต้องซ่อน ออกมา!"
