สถานีที่ห้า...ไม้กันหมา (1)
สถานีที่ห้า...ไม้กันหมา (1)
ปัจจุบัน
เย็นวันเสาร์คือเวลาที่ฉันรอคอยมาตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม เพราะตารางการเรียนของฉันในชั้นปีที่สามนั้น เรียกได้ว่าหนักหน่วงที่สุดของการอัดเนื้อหาเข้าสู่สมองเลยก็ว่าได้ ตารางเรียนของฉันในหนึ่งสัปดาห์จะมีเรียนห้าวัน ซึ่งวันหยุดจะเป็นวันพุธและวันอาทิตย์ เนื่องจากการจัดตารางการสอนของทางคณะมีเซคให้ลงตามที่กำหนดไว้
ฉันเดินออกจากห้องเรียนในเวลาห้าโมงเย็นพร้อม ๆ กับเพื่อนสนิทอย่างกวินและพั้นซ์ สภาพการเยื้องย่างนั้นเรียกได้ว่าสติและจิตวิญญาณหลุดล่องลอยเลยก็ว่าได้ เพราะวิชาที่เรียนคาบเมื่อครู่นั้นสาหัสกับหัวสมองเป็นที่สุด
“พรุ่งนี้จะได้หยุดแล้วโว้ย! พรุ่งนี้ฉันจะตื่นสักบ่ายสามเลยคอยดู!” ฉันทำเสียงขึงขังพร้อมกับสีหน้าแน่วแน่และเด็ดขาดมากที่สุด
“เออ ฉันด้วย จะนอนจนถึงเย็นเลยคอยดู!”
“งั้นเย็นนี้เราไปตี้กันดีไหม ปลดปล่อยสักหน่อย พรุ่งนี้จะได้พักยาว ๆ” เป็นกวินที่เสนอความคิดเห็นหลังเลิกเรียนวิชาโหด โดยปกติแล้วทุกคืนวันเสาร์พวกเราสามคนก็จะไปนั่งดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเพื่อปลดปล่อยความเครียดนี่แหละ
“ดีเหมือนกัน นายมารับฉันได้ไหมกวิน กลัวเมาแล้วจะขับรถกลับไม่ไหวอ่า” ฉันตอบรับเป็นคนแรก เรื่องแบบนี้ฉันแทบไม่เคยพลาด เพราะถือว่าคืนวันเสาร์คือวันปล่อยผีบ้าในร่างกายออกไป
แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันก็ไม่ใช่สายปาร์ตี้ขนาดนั้นหรอกนะ ฉันแค่ชอบสังคมในนั้น ชอบที่จะได้สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน แต่เรื่องดื่มฉันเองก็ต้องขอออกตัวก่อนว่าเป็นอันดับโหล่เลยทีเดียว
“ได้ดิ เดี๋ยวไปรับ แล้วแกอะพั้นซ์ ให้ฉันไปรับด้วยไหม”
“วันนี้ฉันขอบายก่อนนะ เดี๋ยวผู้น้อยใจอะ”
พอได้ยินประโยคนั้นของพั้นซ์ก็ทำเอาฉันและกวินถึงกับกลอกสายตาวนเวียนเป็นเลขแปดในทันที ในกลุ่มสามคนก็มีแค่พั้นซ์นี่แหละที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน กวินเองก็เป็นเจ้าหนุ่มเพลย์บอยที่ไม่จริงจังกับใคร ส่วนฉันก็เงียบกริบชนิดที่ไม่มีคนให้คุย เลยทำให้เวลาที่พั้นซ์พูดถึงแฟนหนุ่มทีไรเป็นต้องออกอาการหมั่นไส้อยู่ทุกที
“รำคาญว่ะ กับเพื่อนกับฝูงไม่เคยสนใจอะ แกมันให้ความสำคัญแค่กับผู้ชายเท่านั้นแหละ”
“ไอ้กวิน! ปากแกนี่มัน...! ก็ฉันรับปากไปแล้วนี่หว่าว่าเย็นนี้จะไปกินปิ้งย่างเกาหลี ฉันแค่ไม่ไปตี้กับพวกแกแค่วันเดียวมันคงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง”
“จ้า! เข้าใจแล้วจ้า งั้นก็แยกย้ายเถอะ ฉันจะกลับไปกินข้าวแล้วก็แต่งหน้า ไปก่อนนะ กวินนายอย่าลืมมารับฉันด้วยนะ บาย!” ฉันตัดบทฉับพลันก่อนจะรีบวิ่งไปยังรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกเรียน เพราะตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว กว่าฉันจะหาข้าวกินและอาบน้ำแต่งหน้าก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง รีบสับขากลับบ้านไปซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า
ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีก็มาถึงหน้าตัวบ้านของตัวเอง ฉันจอดรถไว้ในบ้านก่อนจะรีบกดสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันในทันที แต่ทว่าจังหวะนั้นกลับมีข้อความที่รัวส่งเข้ามานับสิบ
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ติ๊ง!
MESSAGE - สุดหล่อองศา >W<
: มื้อเย็นขอเป็นสุกี้แห้ง
: ไม่ใส่ผักกาด ใส่แค่ผักบุ้ง
: น้ำจิ้มสุกี้ใส่แค่นิดเดียวพอ
: เนื้อสัตว์ที่ใส่ขอเป็นอกไก่
: ฉันกลับถึงบ้านน่าจะประมาณสองทุ่ม เธอค่อยทำตอนใกล้ถึงเวลาก็ได้
: ลืมบอกว่าพวกไอ้ติณณ์กับไอ้เมฆก็จะมาด้วย ทำเผื่อพวกมันด้วยนะ
: เท่านี้แหละ
ฉันอ่านข้อความที่องศาส่งมาพลางยกมือขึ้นทึ้งเรือนผมด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านภายในใจ ปากก็ขมุบขมิบราวกับท่องคาถาเวทมนตร์ใส่หน้าจอโทรศัพท์ หากแต่นิ้วมือกลับรัวแป้นพิมพ์ตอบรับกลับไปด้วยการตกลง ตามด้วยสติ๊กเกอร์หวานแหววที่มันแตกต่างจากอารมณ์ของฉันในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
เป็นเวลาสองปีกว่าแล้วที่ฉันยังคงทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้กับองศา จากการจรดเซ็นสัญญาว่าจ้างในวันนั้น เวียนวนมาสู่การเป็นแม่บ้านตลอดสองปี แต่ฉันเองก็คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่เลยสักนิด
เพราะงานที่องศาให้ทำนั้นน้อยนิดมาก เขาแค่ต้องการคนคอยทำความสะอาด ซึ่งเขาจะเรียกใช้ในวันเสาร์อาทิตย์หรือวันที่จำเป็นเท่านั้น เมื่อเห็นว่าภาระหน้าที่ที่ฉันได้รับมันค่อนข้างจะสบายและได้รับเงินเยอะเกินกว่าแรงที่ใช้ ฉันจึงอาสาที่จะทำอาหารมื้อเย็นให้กับเขาไปด้วยยังไงล่ะ
ส่วนเรื่องเพื่อนของเขาก็รับรู้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้วว่าฉันอยู่ข้างบ้านขององศา แถมยังเป็นแม่บ้านคอยทำความสะอาดให้อีก เช่นเดียวกับเพื่อนของฉันที่ฉันปริปากบอกตั้งแต่วันแรกที่เซ็นสัญญาเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าพั้นซ์ดีใจยิ่งกว่าฉันที่อยู่ใกล้ชิดซะอีก แต่ส่วนกวินน่ะเหรอ...รายนั้นแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่พอใจสุด ๆ!
“ไอ้คนหล่อเรื่องมาก กินก็ยาก แล้วนี่ฉันจะมีเวลาแต่งหน้าไหมล่ะเนี่ย!” ฉันบ่นอุบก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในบ้านเพื่อวางกระเป๋าและเตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฉันตั้งใจว่าจะอาบน้ำแต่งตัวและแต่งหน้าให้เสร็จสรรพ หลังจากนั้นก็ค่อยไปทำอาหารให้กับองศาทีหลัง เพราะถ้าหากรีบทำตั้งแต่ตอนนี้อาหารที่ทำก็คงจะเย็นชืดและไม่อร่อยจนเขาหงุดหงิดเป็นแน่
ทน ๆ ยอมตัวเหม็นกลิ่นครัวก่อนไปร้านเหล้าแล้วกัน!
สองชั่วโมงผ่านไป
เวลาสองทุ่มกว่าแล้วฉันเพิ่งจะประโคมแต่งหน้าแต่งตัวให้กับตัวเองเสร็จ ฉันรีบเดินลงมาจากชั้นบนและรับบทเป็นแม่ครัวจับตะหลิวแทบจะทันที
ชุดที่ฉันสวมใส่ในคือเสื้อครอปเอวลอยสีดำ มีลูกเล่นเว้าบริเวณหน้าอกและมีเชือกผูกปมที่ชายเสื้อ ส่วนกางเกงก็เป็นกางเกงขายีนขาสั้นสีดำ เรียกได้ว่าออลแบล็คตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยล่ะ หากแต่ว่าตอนนี้กลับมีผ้ากันเปื้อนสีชมพูสวมทับเอาไว้อีกชั้น จนมันบังกลบเสื้อผ้าแหวกเว้าของฉันไปจนหมด
“สุกี้แห้งอกไก่ ใส่น้ำจิ้มน้อย ๆ แล้วก็ต้องทำสำหรับสามที่ เหอะ...คุณชายองศาขา ทำไมเรื่องมากแบบนี้คะเนี่ย” ระหว่างที่กำลังจัดเตรียมพวกเนื้อสัตว์และผักออกจากตู้เย็น ปากก็บ่นถึงคุณชายจอมนิ่งที่กินยากอยู่ยากระดับร้อย
หลังจากที่รับหน้าที่เป็นแม่บ้านและแม่ครัวมื้อเย็นให้กับองศาแล้ว ตู้เย็นที่บ้านของฉันก็เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์และผักมากมาย ไม่ว่าองศาจะอยากกินเมนูไหนฉันก็สามารถรังสรรค์ออกมาได้โดยไม่ต้องเพิ่งร้านอาหาร
ไม่นานสุกี้แห้งอกไก่สูตรเด็ดก็เสร็จสมบูรณ์ ฉันตักมันใส่จาน จากนั้นก็หันไปหยิบมือถือเพื่อที่จะกดส่งข้อความหาองศา
แต่ทว่า...
ติ๊ง!
ติ๊ง!
MESSAGE - สุดหล่อองศา >W<
: ไม่ต้องทำอาหารแล้วนะ
: ฉันไม่ได้กลับบ้านแล้ว
: มีธุระ
จังหวะที่ฉันหยิบโทรศัพท์และกดเข้าแอปพลิเคชัน ข้อความจากองศาก็ส่งเข้ามาพอดิบพอดี แต่เนื้อหาข้อความของเขากลับเป็นการบอกว่าสุกี้แห้งที่ฉันตั้งใจทำนั้นกำลังจะเป็นหม้ายยังไงเล่า!
ฉันไม่รู้จะบ่นองศาด้วยคำไหนดี ไอ้คนหล่อนี่มันจริง ๆ!
แถมคำตอบที่เขาตอบกลับมาก็เป็นคำสั้น ๆ ว่า ‘มีธุระ’ เพียงเท่านั้น
ใช่...เท่านั้นจริง ๆ ที่เขาพิมพ์บอกมา!
ให้ตายเถอะ รู้แบบนี้น่าจะนั่งคัดเบ้าเฉดแก้มต่อก็ดี ไม่น่ารีบแต่งหน้าเจียดเวลาเพื่อมาทำอาหารให้กับคนเย็นชาคนนี้เลย
ไอ้โมนาเซ็ง!
