บท
ตั้งค่า

​สถานีที่ห้า...ไม้กันหมา (2)

​สถานีที่ห้า...ไม้กันหมา (2)

 

เหล้าเรียนเพียรวิชา

ช่วงเวลาสามทุ่มคนในร้านเริ่มแออัดและเคล้าคลอไปด้วยเสียงเพลงดนตรีสด หลังจากที่กวินมารับฉันที่บ้าน เราสองคนก็ตรงมานี่ในทันที ร้านเหล้าเรียนเพียรวิชาเป็นร้านที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่มากนัก ฐานลูกค้าส่วนมากก็ล้วนแต่เป็นเหล่านักศึกษาวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่ ร้านนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นร้านประจำของฉันและกลุ่มเพื่อนในคณะเลยทีเดียว

“เพื่อนนั่งอยู่กันโต๊ะไหนเหรอ” ฉันขยับเข้าไปใกล้กวินพลางเปล่งเสียงให้ดังขึ้นอีกระดับ เนื่องจากในตอนนี้ภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งเสียงเพลงที่ดังออกมาจากลำโพงก็ทำให้การสนทนาเป็นไปได้ยากขึ้น

“ทางนั้น แต่วันนี้ไอ้เกมมันเอาแฟนมานั่งด้วยนะ” กวินชี้ไปยังโต๊ะที่ตั้งเยื้องจากเวที ซึ่งพอลองเพ่งสายตามองไปก็พบว่ามีเพื่อนที่คณะที่มักจะชอบรวมกลุ่มสังสรรค์ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นด้วย

“ทางนี้จ้าหญิงโม! ทางนี้จ้ะสาว!”

เสียงตะโกนร้องเรียกมาแต่ไกลทำเอาฉันถึงกับหัวเราะออกมา ฉันรีบก้าวฉับตรงไปยังโต๊ะก่อนจะหย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ กวินที่เพิ่งเดินตามหลังมา

“ไอ้โม ฉันมีเรื่องจะบอกแกด้วย” เพื่อนชายใจหญิงที่นั่งอยู่ก่อนหน้าสะกิดฉันยกใหญ่พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ราวกับว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

“อะไรเหรอ”

“ฉันแอบรู้มาว่าแกชอบองศาคณะแพทย์ใช่ป้ะ”

ประโยคที่ได้ยินทำเอาฉันเบิกตากว้าง สิ่งที่เพื่อนพูดมันไม่ได้เบาบางที่คนในโต๊ะจะไม่ได้ยิน ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ฉันจะไม่ได้ปิดบังก็เถอะ แต่การถูกถามกลางวงสนทนาแบบนี้ก็ทำให้ขัดเขินอยู่เหมือนกัน

“องศานั่งอยู่ข้างหลังแกอะ แต่แกอย่าเพิ่ง...”

“โอ๊ะ องศา!” ฉันหันขวับไปมองทางด้านหลังจนคอแทบเคล็ด พอเห็นคนที่คิดไว้ก็ทำเอาเบิกตากว้างดีใจ เสียงเรียกที่เอ่ยก็ดังพอที่จะทำให้องศาและเพื่อนอีกสองคนในโต๊ะของเขาได้ยินมันอย่างชัดเจน

“อีโม! อีนังชะนีโว้ย! กำลังจะพูดเลยว่าอย่าเพิ่งหันไป แกนี่มัน...!”

“ฉันไปหาองศาก่อนนะ เดี๋ยวมา”

ฉันลุกพรึ่บและรีบสาวเท้าเข้าไปยังโต๊ะขององศาในทันที องศากำลังมองฉันราวกับว่าตกใจ ผิดกับเพื่อนของเขาสองคนที่มองฉันด้วยสายตาเป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งผ่านมา

“ที่แท้ก็แอบมาปาร์ตี้กันนี่เอง เราอุตส่าห์ทำสุกี้ไว้รอแท้ ๆ” คำทักทายแรกคือการบ่น หลังจากนั้นก็ถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวว่าง ซึ่งตั้งวางอยู่ข้างกายขององศาพอดี

“ก็พิมพ์บอกไปแล้วนี่ว่าไม่ต้องทำ”

“นายมาบอกเอาป่านนั้นแล้วมันจะไปทันอะไรเล่า! ตอนนั้นเราตักใส่จานเรียบร้อยแล้วเถอะย่ะ นี่รู้ไหมว่าเรารีบแต่งหน้าสุด ๆ เพื่อที่จะได้รีบมาทำอาหารให้นายเลยนะ นี่ดูสิเนื้อตัวมีกลิ่นสุกี้ ไอ้คนหล่อใจร้าย!”

“ฮ่า ๆ โทษทีนะโมนา พอดีมันกะทันหันน่ะ ไอ้เมฆมันมาตามสาวน่ะ พอดีว่าเด็กมันหนีเที่ยว มันเลย...”

“ไอ้ติณณ์ หุบปากมึง!”

คำพูดของม่านเมฆทำเอาทั้งฉันและติณณ์รีบนั่งหลังตรงเม้มปากแน่นในทันที เหมือนกำลังโดนครูดุยังไงก็ไม่รู้ ถึงม่านเมฆจะไม่ได้ดูเข้าถึงยากเท่ากับองศาก็เถอะ แต่เขานิ่งมากเลยล่ะ นิ่งซะจนฉันเดาอารมณ์และความคิดของเขาไม่ออกเลย

“ขอโทษทีนะโมนา จริง ๆ ก็ตั้งใจว่าจะไปที่บ้านไอ้องศามันนั่นแหละ แต่พอดีว่ามีธุระนิดหน่อย” คราวนี้ม่านเมฆหันมาเอ่ยกับฉัน ใบหน้าดุ ๆ เคร่งขรึมแบบเมื่อครู่หายลับไปเพียงเสี้ยววินาที

“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้โกรธจริงจังอะไร”

“เฮ้ย ไอ้องศา มึงจะไปไหนวะ!”

อยู่ ๆ องศาก็ลุกขึ้นทำให้ฉันรีบหันไปมอง เขาถูกเสียงของติณณ์เรียกรั้งไว้ แต่เขาเพียงปรายสายตามองกลับมาด้วยความเรียบนิ่งเท่านั้น

“จะลุกไปไหน ไปสูบบุหรี่?” ติณณ์เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง แต่คำพูดของเขากลับทำให้ฉันตาโตด้วยความตกใจ

นี่องศาสูบบุหรี่ด้วยงั้นเหรอ?

“จะไปเข้าห้องน้ำ”

“โอ๊ะ ฉันไปด้วยสิ ปวดฉี่พอดีเลย” ฉันกระโดดหยองเข้าไปใกล้ แต่องศากลับถอยหลังไปมากกว่าสองก้าว

“อะไรของเธอ เธอเป็นผู้หญิงแล้ว...”

“ไม่ได้ขอให้เข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนสักหน่อย แค่จะเดินไปด้วยกันเนี่ย ผิดตรงไหน” ฉันพูดแทรกพลางทำหน้ามุ่ย ถึงเพศต่างกันแล้วมันทำไม ในเมื่อทางไปห้องน้ำมันก็คือทางเดียวกัน จะแตกต่างก็แค่เข้ากันคนละห้องเท่านั้น ฉันขอเดินไปด้วยมันไม่ได้เลยหรือยังไง

“เธอนี่มัน...”

“ไปเร็ว ปวดฉี่จะราดแล้ว” ฉันไม่สนใจกับคำบ่น จากนั้นก็หันไปดึงแขนเสื้อขององศาก่อนจะออกแรงให้เขาเดินตามมายังทางไปห้องน้ำ โดยที่ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจจากเขาดังมาเป็นระยะ

ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องน้ำ สายตาของสาว ๆ แทบจะทุกโต๊ะหันมองเป็นตาเดียว บ้างก็ขยิบตาทำหวานเชื่อม บ้างก็พูดเสียงดังเรียกร้องความสนใจ แต่เมื่อสิ่งเหล่านั้นมากระทบกับคนเย็นชาอย่างองศาแล้วแทบจะไม่ต่างกับกระจก เพราะเจ้าตัวเอาแต่ก้าวฉับ ๆ ไม่ชายตาแลหันซ้ายปรายขวาเลยสักนิด

“หล่ออะแก คนนี้ใช่ไหมที่ชื่อองศาอะ เห็นว่าเรียนหมอด้วย ออร่าพุ่งมาก!”

“โต๊ะนี้ว่างนะองศา หรือจะนั่งตักเราก็ได้ค่ะยินดี”

“เรียนแพทย์ได้เป็นหมอ แล้วเรียนอะไรหนอถึงได้เธอเป็นแฟน ฮิ้วววว”

นี่แค่บางส่วนที่ฉันได้ยินเท่านั้นนะ จะบอกว่าองศาฮอตในหมู่บรรดาสาว ๆ และเหล่าทรานซ์จริง ๆ นั่นแหละ

แต่ที่เด็ดสุด ๆ ก็เห็นจะเป็นเจ้าหล่อนโต๊ะข้างหน้าที่ตอนนี้กำลังลุกพรึ่บและมุ่งหน้าตรงปรี่มายังองศาด้วยความแน่วแน่ ฉันจึงตัดสินใจเดินนำองศาเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันร่างของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“โทษทีจ้ะ คนนี้ไม่ได้ และก็ไม่อนุญาตด้วย เชิญป้ายหน้าเลยนะ” ฉันยกมือทำท่าปางห้ามญาติเป็นการห้ามในทันที ซึ่งการกระทำของฉันทำให้เธอคนนั้นเดินสะบัดหน้าจนผมปลิวไหวกลับไป

จากที่คิดว่ามีแค่คนเดียวที่พยายามพุ่งเข้าหากลายเป็นว่าฉันคิดผิด เพราะยิ่งเดินเข้าไปใกล้กับห้องน้ำก็พบว่าที่ตรงนั้นเป็นแหล่งรวมผู้คนเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะกำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือว่ากำลังเติมหน้าเติมปาก ทันทีที่องศาปรากฏตัวก็เหมือนเป็นการเรียกเชื้อเชิญหลายต่อหลายคนให้เข้าหาเขากันแทบจะเป็นหนึ่งเดียว

นั่นจึงทำให้ฉันต้องรีบกางปีกปกป้องคนหล่อที่แอบชอบ แถมยังพ่วงอีกหนึ่งสถานะนั่นก็คือผู้ว่าจ้าง เพื่อให้องศารอดพ้นจากเงื้อมมือของคนพวกนั้น

“โอ๊ะ ไม่ได้ค่ะ ห้ามแตะห้ามล้วง เก็บมือด้วยจ๊ะ”

“อ๊ะ ๆ ห้ามลูบคลำนะคะ ของต้องห้ามค่ะคนนี้”

คำพูดเหล่านั้นของฉันทำให้ผู้หญิงคนนั้นรีบหันขวับเดินสะบัดออกไป พลันเมื่อฉันหันไปมององศาก็พบว่าเขากำลังทำท่าตกใจกับการกระทำของฉันอย่างเห็นได้ชัด

“เจ๋งอะดิ วันนี้เรายอมเป็นบอดี้การ์ดให้เลยนะเนี่ย” ฉันหันไปยักคิ้วกวน ๆ ใส่ ซึ่งองศาเองก็ถึงกับสั่นหน้าไหวไหล่ราวกับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“ก็ดี อย่าให้ใครมาใกล้ฉันแล้วกัน อยู่ใกล้ ๆ ฉันไว้” ไม่ว่าเปล่า มือหนายังจับไหล่ของฉันให้มาอยู่แนบข้างกับชิดใกล้กับร่างกายของเขา หรืออีกอย่างหนึ่งที่เรียกได้มันก็ไม่ต่างกับการถูกองศาโอบไหล่เลยสักนิด!

ตึกตัก...ตึกตัก...

ให้ตาย...เสียงหัวใจของฉันมันเต้นดังกว่าเสียงเพลงที่ส่งผ่านมาจากลำโพงซะอีก

“นี่ เป็นอะไร ทำไมไม่ยอมเดิน”

ฉันเชยใบหน้าขึ้นมองพลางข่มอารมณ์ไม่ให้แสดงออก จะบอกว่าตอนนี้หน้าของฉันมันแดงเป็นลูกมะเขือเทศอยู่แล้ว อยู่ ๆ องศาก็มาโอบกันแบบนี้จะไม่ให้หวั่นไหวได้ยังไง ถึงแม้ว่าเจตนาของเขาจะทำไปเพราะอยากให้ฉันขัดขวางคนอื่น ๆ ที่พยายามเข้าหาก็เถอะ

“ปะ...เปล่า เดินสิ ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันคุ้มกันให้เองไม่ต้องห่วง!”

“ฮึ...ขอบคุณ” องศาแค่นหัวเราะก่อนที่คำพูดท้ายประโยคจะเปล่งออกมาบางเบา แต่มันกลับทำให้ฉันได้ยินมันเต็มสองหู

“ฮะ?”

เมื่อกี้องศาขอบคุณฉันงั้นเหรอ?

“ขอบคุณมาก เธอเป็นบอดี้การ์ดได้ยอดเยี่ยมมาก หรืออีกอย่างหนึ่งมันก็คือไม้กันหมาใช่ป้ะ นั่นแหละ เธอสุดยอดมาก!”

ค่ะ...ขอบคุณมากที่อย่างน้อย ๆ เขาก็ยังเห็นความสำคัญของไม้กันหมาแหละวะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel