บท
ตั้งค่า

​สถานีที่สี่...เสนอตัว (2)

​สถานีที่สี่...เสนอตัว (2)

 

ตกเย็นแล้วฉันกับองศายังคงจัดบ้านอยู่เหมือนเดิม แต่รูปร่างความสำเร็จก็เริ่มใกล้ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ เหลือเพียงทำความสะอาดเท่านั้น เพราะหน้าที่ของฉันในวันนี้คือการช่วยองศาจัดบ้าน จัดระเบียบของเฟอร์นิเจอร์ไปไว้ในที่ต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าตั้งแต่ที่องศายอมตกลงให้ฉันเข้ามาช่วย เขาก็เห็นฉันเป็นเหมือนผู้ว่าจ้างไปเลยทันที!

“ขยับมาทางซ้ายหน่อย มันเอียง”

“ทางนี้เหรอ อ๊ะ...ได้ยังอ่า”

“ทางซ้าย! ไม่ใช่ทางขวา!”

“เอ้า! ก็ซ้ายไหนเล่า ซ้ายนายหรือซ้ายเรา”

“ซ้ายฉัน!”

น้ำเสียงดุดันเข้มขึ้นเมื่อฉันยังคงทำตามคำสั่งของเขาได้ไม่ตรงใจเสียที ตอนนี้ฉันกำลังปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟ และขั้นตอนสุดท้ายก็คือการใส่ฝาครอบ ซึ่งไม่ว่าฉันจะพยายามหมุนให้ตรงเกลียวเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นผลสักที

ก็นั่นแหละ...หลังจากที่องศาตอบตกลงให้ฉันเข้ามาช่วย ฉันก็กลายเป็นผู้ว่าจ้าง เอ่อ...ไม่สิ เป็นเบ๊รับใช้ของเขาไปแล้วต่างหาก!

“ได้ยัง ได้ยังเนี่ยเมื่อยแล้วนะ” ฉันตะโกนถามกลับไปทั้งที่สายตายังคงจดจ้องมองไปยังฝาครอบหลอดไฟอยู่ไม่ห่าง พยายามปรับ พยายามหมุนมานานหลายนาทีแล้วแต่มันก็ยังไม่ตรงล็อกของมันสักที

“ขยับอีกหน่อย อืม ตรงนี้แหละ แล้วก็หมุนได้เลย”

“โอ๊ะ...ได้แล้ว เฮ้อปวดแขนชะมัดเลย” สิ้นคำบ่นอุบฉันก็รีบเอาตัวเองลงมาจากที่สูงที่กำลังเหยียบบันไดในทันที

ความจริงแล้วหน้าที่นี้ฉันเป็นคนอาสาทำเองนั่นแหละ ฉันไม่ใช่คนกลัวความสูง แถมยังเปลี่ยนหลอดไฟในบ้านเองอยู่บ่อยครั้ง พอเห็นว่าองศากำลังจะใช้บันไดปีนขึ้นไปฉันเลยรีบออกปากเสนอตัวทำแทนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้นั่นแหละ

ก็นะ...ทำคะแนนให้คนหล่อเห็น มันก็ต้องลงทุนกันหน่อยแหละน่า!

“เธอก้าวผิดขั้น! เฮ้ย…ระวัง!” เสียงขององศาร้องขึ้นพลันทำให้ฉันหันขวับไปมองหน้าของเขา แต่แล้วจังหวะนั้นเองกลับเป็นร่างกายของฉันที่สะดุดกึกกับขั้นบันไดเหล็ก พานทำให้ฉันเสียหลักและเซถลาจากที่สูงลงมาสู่พื้นโดยไม่ทันตั้งตัว

จนกระทั่ง...

หมับ!

ตุ้บ!

“โอ๊ย!!!”

ฉันร้องโอดโอยขึ้นมาทันทีเมื่อร่างกายพบกับแรงปะทะบางอย่างที่อยู่เบื้องล่าง ดวงตาสองข้างหลับแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง หากแต่ว่าการเตรียมตัวเตรียมใจรับความเจ็บปวดยังเดินทางไม่ถึงความรู้สึกของฉันสักที

“ยัยบ้า! ลุกออกไปสักที!”

“เฮือก! อะ...องศา นาย...” หลังจากที่ได้ยินเสียงขององศาก็ทำให้ฉันเบิกตากว้างแทบจะทะลักล้น เพราะตอนนี้ร่างกายของฉันทาบทับอยู่บนร่างกายขององศา เรียกได้ว่าน้ำหนักทั้งตัวทับไปเต็ม ๆ กับตัวองศาเลยก็ว่าได้

“ฉันบอกให้ลุกออกไป!”

น้ำเสียงดุดันเหล่านั้นทำให้ฉันรีบดันตัวขึ้นพัลวัน หากแต่ความตกใจยังคงปรากฏอยู่ไม่จางหาย

การที่ฉันมาอยู่บนตัวขององศาได้มันก็เท่ากับว่าตอนที่ฉันกำลังร่วงลงมาจากบันได องศาเป็นคนมารับตัวของฉันไว้อย่างนั้นเหรอ!?

“ทำไมนายถึงช่วยเราไว้ล่ะ” คำแรกที่อยากถามก็คือคำนี้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมองศาถึงมาช่วยรับตัวของฉันเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วจังหวะนั้นแทบจะไม่มีใครตั้งสติได้เลย โดยเฉพาะตัวฉันเองที่คิดออกเพียงอย่างเดียวว่าร่างกายจะต้องจ้ำเบ้าราบไปกับพื้นบ้านเป็นแน่

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แบบนั้นนี่สิ...จ้ำเบ้ากับตัวองศาต่างหาก!

“เธอหนักเท่าไหร่เนี่ย กระดูกฉันจะหักหรือเปล่าวะเนี่ย”

“สะ...สี่สิบสี่ แหะ...ความจริงแล้วน้ำหนักเราต่ำกว่าค่าบีเอ็มไอเยอะเลยนะ นายยังคิดว่าหนักอยู่อีกเหรอ” ฉันส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกไปหรอก เพราะถึงฉันจะหนักแค่สี่สิบสี่กิโลฯ แต่การที่ใครคนหนึ่งถูกน้ำหนักนั้นกระแทกเข้าหาตัวมันย่อมทำให้เกิดความเจ็บปวดได้เป็นธรรมดา

“ยังจะถาม! ทำไมเวลาที่ฉันเจอเธอได้มีแต่เรื่องวะเนี่ย!”

“ฮือ เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจอ่า นายเจ็บมากไหม เดี๋ยวเราขอดู...”

“ไม่ต้อง! ห่วงตัวเองเถอะ ข้อเท้าก็เพิ่งจะหายไป แล้วล้มลงมาแบบนี้มันเป็นอีกหรือเปล่า ไหนดู” องศาปัดมือของฉันออกก่อนจะพลิกตัวและหันมาจับที่ข้อเท้าของฉันอย่างระมัดระวัง สายตาของเขาแข็งกร้าว แต่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ให้ตาย...ปากร้ายก็จริง แต่องศาน่ะเป็นคนดีโคตร ๆ นี่เขายังมาห่วงอาการของฉันอีก ถึงจะดูออกว่าเขาเป็นห่วงในฐานะคนที่มีจิตวิญญาณความเป็นแพทย์สูงก็ตาม แต่ยังไงฉันก็อดที่จะทึ่งกับความคิดของเขาไม่ได้อยู่ดี

“เราไม่เจ็บตรงไหนเลย ขอบคุณนะองศา นายช่วยเราไว้อีกแล้ว”

“ทีหน้าทีหลังก็หัดระวังไว้บ้าง” เสียงถอนหายใจดังออกมาก่อนที่ร่างสูงจะหยัดขึ้นยืนตามปกติ

ฉันจึงใช้จังหวะนั้นยื่นมือขึ้นไปหมายจะให้องศาช่วยดึงให้ลุกขึ้นตาม เผื่อว่าจะเนียน ๆ ได้รับความหวังดีจากเขาอีกหน

“ถ้าไม่ได้เจ็บมากก็ลุกขึ้นเอง ยัยบ้า!”

แป่ว…อดจับมือคนหล่อเลย!

ครืด...ครืด...

“อ๊ะ...องศา โทรศัพท์นายสั่น มีคนโทรมาน่ะ” แรงสั่นครืดกระทบใกล้หูจึงทำให้ฉันหันไปมองก็พบว่าเป็นโทรศัพท์ขององศาที่มีสายโทรเข้ามา

ร่างสูงเดินกลับมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปรับสาย เขาปรายตามองฉันเล็กน้อยและเดินเลี่ยงออกไปราว ๆ สองสามเมตร

“ว่าไง...เออ กำลังจัดบ้านอยู่...สนใจห่าไร มึงไม่ต้องหาผู้หญิงที่ไหนมาให้กูเลยนะไอ้ติณณ์ กูรำคาญ ถ้ากูจะมีแฟนจริง ๆ กูจะเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่มึงมาจัดหาประเคนให้แบบนี้!”

น้ำเสียงที่องศาใช้คุยกับเพื่อนค่อนข้างดังพอสมควรจึงทำให้ฉันได้ยินมันอย่างชัดเจน และมันก็ทำให้ฉันพอจับใจความได้ว่าเขากำลังหงุดหงิดเรื่องที่เพื่อนชอบหาคู่ให้เขาอะไรทำนองนั้น

“ไม่ต้องเลยนะไอ้ติณณ์ กูขอเตือนมึงตั้งแต่ตอนนี้เลย...เออ! กูไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายในชีวิตกู...มึงเองก็รู้ดีใช่ไหม ถ้ากูถึงที่สุดเมื่อไหร่ กูก็ไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน ต่อให้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็ตาม”

“อึก...” ฉันเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อได้ยินองศาพูดกับเพื่อน

พอรู้มาบ้างแหละว่านิสัยอย่างองศาไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย และยิ่งเพื่อนของเขาชอบจัดแจงให้แบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

และสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อครู่นี่แหละถึงทำให้ฉันตระหนักกับการกระทำของตัวเองได้ว่า ฉันเองก็กำลังล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวขององศามาแล้วเหมือนกัน ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามเข้าใกล้เขาในฐานะเพื่อนและเสนอหน้ามาเป็นคนช่วยจัดบ้านของเขาก็ตาม แต่จิตใต้สำนึกมันก็ตะโกนบอกดัง ๆ ว่าฉันเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่กำลังวุ่นวายในชีวิตของเขา

หรือว่าตอนนี้ฉันควรรีบปีนหน้าต่างหนีไปก่อนที่ตัวเองจะร้อนตัวแล้วทำให้ทุกอย่างเสียเรื่อง...

“นี่...ได้ยินหรือเปล่า เหม่ออะไร”

“อ๊ะ....ฮะ? นะ...นายเรียกเราเหรอ” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากองศา ซึ่งในตอนนี้ร่างของเขาก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของฉันโดยไม่ทันสังเกต

“ก็อยู่สองคนจะให้คุยกับใคร”

“แหะ...มีอะไรเหรอ”

“เธอร้อนเงินเหรอ”

“ฮะ?” คราวนี้ฉันถึงกับต้องเปล่งเสียงออกมาให้ดังขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำถามจากปากของเขา

ร้อนเงิน?

ฉันน่ะเหรอ?

“ก็เห็นวันนี้เธอมาช่วยฉัน เลยถามนี่ไงว่าร้อนเงินเหรอ”

เหอะ...ร้อนเงินกับผีน่ะสิ อยากเข้าใกล้คนหล่อต่างหากโว้ย!

ไอ้บ้านี่ก็ไม่รู้อะไรบ้างเล้ย!

“เอ่อ...”

“ว่าไง สรุปเธออยากหาเงินเหรอ”

จะพูดยังไงดีนะให้ตัวเองไม่กลายเป็นไอ้โรคจิต ตอนนี้ฉันอยากวิ่งหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด

“อื้ม ก็ประมาณนั้นแหละ ไม่อยากขอเงินพ่อแม่อย่างเดียวนี่นา เลยมารับจ็อบเสริมช่วยนายจัดบ้านนี่ไง แล้วมีอะไรให้ช่วยอีกไหมล่ะ” ฉันพยักหน้ารับตอบรับคำขององศาไปตามน้ำทั้งที่ไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยแม้แต่เศษเสี้ยว แต่จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อทางรอดมีแค่ช่องทางนี้ฉันก็ควรคว้ามันเอาไว้ก่อนที่องศาจะรู้ความจริงว่าฉันมันคิดไม่ซื่อกับคนหล่อ ๆ อย่างเขา

“รับงานแม่บ้านไหมล่ะ ให้เดือนละหมื่นห้า ทำแค่เสาร์อาทิตย์กับวันที่ฉันเรียกก็พอ”

“ฮะ!?”

“งานแม่บ้าน ทำความสะอาดบ้านไง พวกปัดกวาดเช็ดถู”

ตอนนี้เรียกได้ว่าร่างกายของฉันแน่นิ่งไปราวกับหิน คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าองศากำลังจะว่าจ้างฉันให้มาเป็นแม่บ้านของเขา!

“…” มันถึงกับพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่กะพริบตาปริบ ๆ และตั้งสติกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฉันไม่ค่อยไว้ใจใคร ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้านมากนัก ถ้าเธอตกลงฉันก็พร้อมจะทำสัญญาจ้างแล้วส่งให้เซ็นพรุ่งนี้เลย”

“แปลว่านายไว้ใจเรางั้นเหรอ” จากซึม ๆ ก็กระโดดเด้งเป็นหมาโกลเด้นเพียงเสี้ยววินาที อยู่ ๆ ความรู้สึกก็อิ่มฟูอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

หากแต่ว่าประโยคถัดมากลับทำให้ฉันหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน

“ตลก ที่ฉันถามเธอก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่มีประวัติให้ตามเช็กได้ เธอเป็นนักศึกษามอเดียวกับฉัน อยู่บ้านข้างฉัน ถ้าเธอขโมยของหรือว่าทำอะไรที่มันสร้างปัญหามาถึงฉัน ฉันก็จะได้ตามจับตัวเธอได้ง่าย ๆ ยังไงล่ะ!”

ค่ะ...ขอบคุณสำหรับคำตอบ แต่จะดีมากถ้าเขาไม่พูดมันออกมาอะนะ

“จะให้ฟินสักนิดก็ไม่ได้เลยสินะ”

“สรุปว่าไง ตกลงไหม” องศาไม่ได้ยินเสียงพึมพำคำบ่นของฉัน แต่เขากลับเร่งรัดถามหาคำตอบในการเป็นแม่บ้านของฉัน

ไอ้บ้านี่!

“ก็ได้ ตกลงก็ได้!”

“ฮึ...ดีล!”

ก็นั่นแหละค่ะ ฉันตอบตกลงในการเป็นแม่บ้านให้กับองศาไปแบบงง ๆ และไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเอกสารสัญญาการว่าจ้างก็ร่อนมาให้เซ็นถึงปลายนิ้ว

นับแต่นั้นฉันกับองศาเราก็ใกล้ชิดผูกพันภายใต้ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่คนรัก แต่กลับเป็นไปตามฉบับสัญญาของผู้ว่าจ้างต่างหากเล่า!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel