สถานีที่สี่...เสนอตัว (1)
สถานีที่สี่...เสนอตัว (1)
แสงแดดช่วงสายร้อนแรงแผดเผาไม่ต่างจากเที่ยงวันเลยสักนิด ฉันยืนปาดเหงื่อที่ผุดตามกรอบหน้า ขณะที่มืออีกข้างก็ถือร่มกางกำบังยูวีเอาไว้ ส่วนสายตาสองข้างก็ทอดมองเข้าไปในบ้านขององศาที่ตอนนี้มีเสียงดังตึงตังให้ได้ยินมาเป็นระยะ
พอตัดสินใจลองมองสอดส่องเข้าไปก็เห็นว่าองศาอยู่ด้านใน เขาสวมชุดลำลองอยู่บ้าน ในขณะที่ตอนนี้ก็กำลังวุ่นวายกับเหล่าเฟรอ์นิเจอร์ที่กำลังหาที่อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้
อืม...องศาน่าจะกำลังจัดบ้านอยู่แน่ ๆ
ฉันฉีกยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหันไปกดกริ่งหน้าตัวบ้านและกลับมาจดจ่อยังคนด้านในด้วยความตื่นเต้นดีใจ
สภาพของฉันตอนนี้เรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากเจ้าหมาโกลเด้นที่กำลังเกาะขอบรั้วรอเจ้าของกลับบ้านเลยสักนิด หากแต่ว่าตัวฉันไม่ใช่หมาและองศาไม่ใช่เจ้าของฉันเท่านั้นแหละ
“มีอะไร” เสียงเข้มที่ได้ยินมาเป็นประโยคแรกของวันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
หลังจากที่ฉันกดกริ่งที่หน้าบ้านขององศา เขาเองก็เปิดประตูและเดินออกมา แต่ทว่าหน้าตาและอารมณ์บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขากำลังรำคาญฉันอยู่นี่สิ!
ให้ตาย...ไม่เคยเห็นไอ้หนุ่มคนนี้ยิ้มเลยสักครั้ง
“มาทักทายคุณเพื่อนบ้านไง นายกำลังจัดบ้านอยู่เหรอ เราได้ยินเสียงตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว จัดไปถึงไหนแล้วล่ะ” ไม่ถามเปล่า ใบหน้าของฉันยังชะโงกเข้าไปมองด้านในตัวบ้านของเขาอย่างถือวิสาสะอีกด้วย แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องหดคอกลับมาดังเดิม เหตุผลเพราะถูกสายตาคมเชือดเฉือนส่งผ่านมาในระยะไม่กี่เมตร ฉันจึงทำได้เพียงยิ้มและหัวเราะเบา ๆ กลับไปเท่านั้น
“เธอมีอะไร” องศาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนที่เขาจะถามฉันอีกครั้งถึงการมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของเขาในเวลายุ่งวุ่นวายแบบนี้
“ก็บอกว่ามาทักทายไง แล้วสรุปว่านายทำไปถึงไหนแล้ว ต้องการคนช่วยไหม เราว่างพอดีเลย วันนี้ก็ไม่มีเรียน”
“ไม่จำเป็น”
“สองแรงดีกว่าแรงเดียวนะ เรายินดีช่วย อย่างน้อย ๆ เราก็เป็นเพื่อนกันนะ ถึงจะรู้จักกันได้เพียงแค่สิบเอ็ดวันก็เถอะ” ฉันยังคงเสนอหน้าเสนอตัวต่อ แอบชอบคนหล่ออยู่ก็จริง แต่จะให้โพล่งพูดออกไปว่าอยากได้เป็นแฟนไปตรง ๆ มีหวังโดนไล่ตะเพิดแหงแก๋
“ไม่ต้อง ฉันทำคนเดียวได้ เธอจะไปไหนก็ไป” สิ้นประโยคร่างสูงก็หมุนตัวหมายจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ท่าทางเย็นชาหยิ่งผยองนั่นกลับทำให้ฉันยิ่งรู้สึกคันยุบยิบหงุดหงิดอยู่ในส่วนลึก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับองศาได้มากนอกจากทำหน้าบึ้ง ๆ อยู่เบื้องหลังของเขาเท่านั้น
“เย็นชาชะมัดเลยน้า คนหล่อใจร้าย!”
“อะไรของเธอวะเนี่ย นี่มันบ้านฉัน ฉันจัดการเองได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้คนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวาย!” องศาหันกลับมาพร้อมกับกอดอกมองหน้าฉันด้วยความโกรธ คำพูดเหล่านั้นตอกหน้าฉันเต็มเปา แต่แรงสั่นครืดของโทรศัพท์ที่ถือในมือกลับเรียกความสนใจไปแทน
ครืด...ครืด...
“สวัสดีค่ะ...อ๋อ! ใช่ค่ะพี่ ขับเข้ามาได้เลยค่ะ ตอนนี้หนูอยู่หน้าบ้านพอดีเลย...ค่า ได้เลยค่ะ” ฉันกดรับสายจากไรเดอร์ส่งอาหาร ขณะที่สายตาก็ยังกดมององศาที่ยังคงยืนด่าฉันผ่านสายตา
“ทางนี้ค่ะพี่ ขับมาเลย” เมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์ขับแล่นมาก็ทำให้ฉันรีบโบกไหวเรียก
ความจริงแล้วฉันเองก็เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน วันนี้เลยตั้งใจว่าจะสั่งอาหารจากแอปพลิเคชันมาแทนการทำกับข้าวกินเอง และที่สำคัญอาหารมื้อนี้ฉันเองก็กดสั่งเพิ่มสองเท่า เพราะเผื่อแผ่ไปให้องศาอีกคนนั่นแหละ
“อาหารครับ ส่วนถุงนี้เป็นชาเขียวปั่น”
“ขอบคุณค่ะพี่” ฉันส่งยิ้มกว้างพร้อมกับรับอาหารมาถือไว้ในมือทั้งสองข้างอย่างทุลักทุเล เพราะนอกจากจะมีอาหารมากมายแล้ว ในมือของฉันก็ยังมีร่มคันใหญ่ที่ถือไว้มาตั้งแต่ต้น
“ขอบคุณครับ” คนส่งอาหารกล่าวเท่านั้นก่อนจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป ทำให้ในตอนนี้หลงเหลือเพียงแค่ฉันและองศาสองคนเท่านั้น
“อะ รับไปสิ เราซื้อมาฝาก” ฉันส่งยื่นอาหารกล่องและแก้วชาเขียวปั่นให้กับองศาที่ยังคงยืนกดสายตามองฉันผ่านนอกรั้วบ้าน เขายังคงใช้ความเงียบได้สิ้นเปลืองจริง ๆ นั่นแหละ
ขนาดที่สายตาเขามันแสดงออกว่ารำคาญแต่เขายังไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักนิด
“ฉันไม่...”
“รับไปเถอะน่า จัดบ้านมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ นี่ยังไม่กินข้าวล่ะสิ เราอุตส่าห์ซื้อมาฝากอ่า รับไว้หน่อยเถอะนะ อย่างน้อยก็ถือว่าเติมพลังก่อนจะไปเหนื่อยกับของหนัก ๆ พวกนั้นแล้วกัน” เมื่อเห็นว่าองศาจะปฏิเสธก็ทำให้ฉันรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “รับไว้เถอะ ให้โดยเสน่หาไม่ได้มีสิ่งอื่นใดแอบแฝง”
“เธอนี่มัน...! ถ้ารับแล้วเธอจะกลับไปใช่ไหม” องศาทำท่าเหมือนกับว่าจะดึงฉันเข้าไปเขย่าตัวเรียกสติอะไรทำนองนั้น หากแต่ว่าฉันกลับหัวเราะยกใหญ่ที่เห็นเขาแสดงอารมณ์ออกมานอกเหนือจากความนิ่งเรียบเฉยชาอย่างที่ชอบทำ
“แน่นอน หรือนายจะเชิญเราเข้าบ้านก็ได้นะ เราเต็มใจและพร้อม...”
โครม!
“เฮ้ย!”
เสียงของบางอย่างในบ้านขององศาล้มลงทำให้เจ้าตัวรีบวิ่งเข้าไป ส่วนฉันเองก็เบิกตากว้างตกใจ เพราะจากที่สังเกตมองเข้าไปนั้นเหมือนว่ามันจะเป็นตู้สีขาวที่ล้มถล่มลงมา ไม่รอช้าฉันเองก็รีบวิ่งตามเข้าไปเพราะคิดว่าอย่างน้อย ๆ ฉันก็คงจะช่วยอะไรองศาได้บ้าง
จังหวะที่สายตากวาดมองรอบ ๆ ก็พบว่าตอนนี้บ้านขององศาถูกวางไปด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมายที่กำลังรอจัดเรียง และบริเวณที่ตู้ล้มลงมานั้นคือกลางบ้าน ซึ่งห่างจากชั้นวางโทรทัศน์และโซฟาหนังตัวยาวเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
“มันล้มลงมาได้ยังไง...” ฉันเอ่ยเสียงแผ่ว ยังคงตกใจกับภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้น
มันคือตู้เล็ก ๆ สำหรับใส่ของ หากลองเดาเล่น ๆ ฉันเองก็คาดว่าในตอนแรกมันคงวางไว้ด้านบนในส่วนไหนสักแห่ง จนมันร่วงหล่นลงมาที่พื้นนี่แหละ
“ฉันน่าจะวางหมิ่นไป มันเลยร่วงลงมามั้ง” องศาเท้าเอวขณะที่สายตาก็จดจ้องมองซากไม้ที่หักพังด้วยความเคร่งเครียด
นี่ยังโชคดีนะที่องศาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น แถมยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนได้รับความเสียหาย แต่มันจะเหนื่อยก็ตรงเก็บกวาดซากพวกนี้นี่แหละ
“แม่ง...เหนื่อยคูณสอง!” คำสบถจากปากองศาทำเอาฉันหลุดหัวเราะออกมา ฉันชอบจริง ๆ เวลาที่องศาแสดงออกถึงความรู้สึกที่เป็น เพราะปกติมักจะเห็นเขาในมุมนิ่ง ๆ เย็นชาทั้งนั้น
“ว่าไง ยังต้องการคนช่วยอยู่มะ โมนาว่างเสนอน้า” ฉันหันไปมองพร้อมกับยกแก้วชาเขียวขึ้นมาแนบข้างแก้ม
อีกหนึ่งวิธีที่จะได้ใกล้ชิดกับคนหล่ออย่างองศา นอกจากการเข้าค่ายอาสาแล้วก็คงเป็นคนช่วยจัดบ้านของเขาอย่างเดียวแหละมั้งเนี่ย
“เฮ้อ...อืม จะคิดค่าจ้างเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย!”
