บท
ตั้งค่า

สถานีแรก...เพียงพบ (2)

สถานีแรก...เพียงพบ (2)

“อ้าวโม ขาไปโดนอะไรมา ทำไมถึงมีผ้ายืดพันไว้แบบนั้นล่ะ” เสียงเรียกจาก ‘กวิน’ ทำให้ฉันที่กำลังก้าวเดินอย่างทุลักทุเลหันไปมอง เขาเดินเข้ามาก่อนจะรีบตรงเข้ามาประคองร่างของฉัน ขณะที่สายตาก็ขมวดมุ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยคำตาม

“เอ่อ...พอดีว่าเรา...”

“ไอ้โม! ตายแล้ว แกไปโดนไปอะไรเนี่ย ขาแกหักเหรอ ไม่นะ กระดูกหักหรือว่าอะไร ใครทำแก!”

ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามอะไรกลับมีเสียงกรีดร้องโวยวายดังมาแต่ไกล กระทั่งมันมาหยุดอยู่ที่ข้างตัวของฉันจนถึงกับต้องรีบยกมือปิดหูในทันที

‘พั้นซ์’ คือเจ้าของเสียงโวยวายนั่น แถมท่าทางตื่นตกใจที่แสดงออกก็ยิ่งทำให้สายตาของคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างหันมามองฉันเป็นตาเดียว

“โอ๊ย! แกก็เวอร์นะพั้นซ์ ฉันแค่ขาพลิก มันเลยปวดบวมอย่างที่เห็นนี่แหละ ฉันเลยต้องหาผ้ามีพันไว้เพื่อไม่ให้ข้อเท้าขยับมากยังไงล่ะ ไม่ได้ขาหักกระดูกแตกอย่างที่แกเข้าใจ!”

“แล้วไปทำอะไรมาถึงได้ขาพลิกได้ ไหนเราขอดูหน่อย”

“มะ...ไม่ต้อง! จะบ้าเหรอกวิน เราโอเคน่า นี่ก็พันผ้าเรียบร้อยแล้ว แค่นี้สบายมาก ไอ้โมมันอึดถึกทนอยู่แล้ว” ฉันรีบร้องห้ามและดันตัวของกวินเอาไว้ทันทีเมื่อเขาทำท่าจะย่อตัวลง เพื่อให้อยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นข้อเท้าของฉันได้อย่างถนัดตา

สิ่งที่ฉันพูดล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรแล้วถ้าหากไม่ลงน้ำหนักที่ข้อเท้าข้างนั้นมากเกินไป แต่ที่เห็นว่าจะลำบากก็คงจะเป็นการก้าวเดินแต่ละครั้งมันช่างทุลักทุเลจนที่ใครต่อใครเห็นก็คงสงสาร นอกจากจะต้องฝืนไม่ได้เผลอลงน้ำหนักมากแล้ว ท่าทางการเดินของฉันมันยังตลกจนอาจไปถึงขั้นความน่าเกลียดเลยก็ว่าได้

“ห่วงออกหน้าออกตาไปละกวิน ไอ้โมมันหญิงแกร่งจะตาย ใช่ไหมจ๊ะคุณโมนา”

“รำคาญแกจริง ๆ ยัยพั้นซ์ นี่ช่วยประคองฉันเดินเข้าไปในเต็นท์หน่อยสิ ฉันยังไม่ได้เตรียมเอกสารการสอนเลยอะ”

ตอนนี้ฉันและคนอื่น ๆ กำลังอยู่ที่ค่ายอาสา ซึ่งถูกจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายในพื้นที่ที่การเดินทางค่อนข้างลำบาก สถานที่แห่งนี้คือหมู่บ้านที่อยู่บนดอย เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีไม่กี่ครัวเรือน จากการศึกษาหาข้อมูลก็พบว่าชาวบ้านที่นี่ยังขาดแคลนและมีความลำบากในหลาย ๆ ด้าน

ซึ่งทางชมรมก็เห็นควรว่าการจัดค่ายอาสาในปีนี้นั้นควรที่จะมาฟื้นฟูและเป็นอีกหนึ่งแรกที่จะช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านนี้ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งหน้าที่ของฉันและเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ได้รับมอบหมายนั้นก็คือจัดเตรียมการสอนให้กับเด็ก ๆ เพื่อปรับพื้นฐานก่อนที่ทางภาครัฐจะมีการสร้างโรงเรียนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“ฉันเตรียมให้แล้วย่ะ แกก็ลองเช็กดูก่อนแล้วกันว่าโอเคไหม”

“วันนี้เป็นหน้าที่เราที่จะต้องสอนเด็ก ๆ ส่วนพรุ่งนี้เป็นของกวินใช่ไหม” ฉันหยิบกระดาษปึกใหญ่มาจากพั้นซ์ที่ส่งมอบให้เมื่อครู่ หลังจากนั้นก็หันไปถามกวินที่ตอนนี้กำลังหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ใช่ แต่ต้องสอนภาษาไทยอะดิ ยิ่งไม่ถนัดอยู่”

“แกมันก็บ่นทุกเรื่องนั่นแหละกวิน ฉันได้สอนงานประดิษฐ์ไม่เห็นบ่น ที่รู้ไหมฉันต้องไปเปิดกูเกิ้ลดูวิธีการทำตะกร้าเลยนะเว้ย แม่ง...ขัดกับลุคสวย ๆ ของฉันหมด”

“มันเหมาะกับแกแล้วต่างหากพั้นซ์!”

“ไอ้...”

“โอ๊ย พอ ๆ พอได้แล้ว เลิกตีกันได้แล้วน่า เราจะไปสอนแล้ว ช่วยพยุงหน่อยเร็ว” ฉันรีบป้องมือห้ามการปะทะเมื่อเห็นท่าทีว่าสองคนนี้น่าจะดวลฝีปากกันอีกยาว นอกจากจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ แล้วก็ยังพ่วงอีกหนึ่งตำแหน่งนั่นก็คือคู่กัดตลอดกาลอีกด้วย

“แกขี่หลังฉันดีกว่าโม จะเดินทำไมให้มันเจ็บตัว มา ขึ้นเลย” กวินย่อตัวลงพลางหยิบเอกสารการสอนในมือฉันไปถือ หากแต่ว่าในตอนนี้ฉันเองก็ได้แต่ตื่นตกใจจึงทำได้เพียงหันมองพั้นซ์เพื่อขอความเห็นเท่านั้น

“เอ่อ...ไอ้กวิน ไอ้โมมันเดินไหวน่า ไม่ต้องถึงขั้นแบกขึ้นหลังหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นมาเลย จะได้ถึงไว ๆ ไง เด็ก ๆ คงนั่งรอครูพี่โมแย่แล้วมั้ง”

“ฉันว่า...”

“สามคนนี้ว่างอยู่ใช่ไหม พี่จอยขอแรงให้ไปช่วยทำอาหารกลางวันหน่อย”

ทว่า...ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยอะไรออกกลับมีเสียงเข้มของใครคนหนึ่งที่แทรกขึ้นมา

ดวงตาสามคู่หันขวับไปมองยังต้นเสียงเป็นตาเดียว ร่างสูงสวมชุดลำลองใส่สบาย ผิวกายเปล่งประกายพร้อมกับรูปร่างโดดเด่นทำเอาฉันชะงักงันราวกับถูกสาป ยิ่งระดับสายตาเชยขึ้นไปมองยังใบหน้า มันก็ยิ่งทำให้ฉันตกใจขึ้นมา เพราะคนตรงหน้าคือองศา คนที่เพิ่งพันผ้าที่ข้อเท้าฉันเมื่อครู่นี้เอง!

“ไอ้โม ช่วยหยิกฉันทีว่าตอนนี้ฉันฝันอยู่รึเปล่า ทำไมฉันเหมือนเห็นเทพบุตรเลยวะ” พั้นซ์สะกิดยิก ๆ ขณะที่สายตาก็จดจ้องมองไปยังองศาด้วยความตกใจ

“เออ เทพบุตรจริง ๆ นั่นแหละ แต่ฉันจะยืนยันให้แกอีกเสียงนะว่านี้ไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริง!”

“แล้วฝ่ายทำอาหารล่ะไปไหนกันหมด ก็แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแล้วนี่ทำไมต้องมายุ่งกับฝ่ายอื่นด้วย” เป็นกวินที่เอ่ยถามองศาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ทางชมรมได้จัดสรรแบ่งหน้าที่ให้กับทุกคนหมดแล้ว ซึ่งจะแบ่งไปตามความถนัดหรือสายที่เรียน นั่นจึงทำให้ฉัน กวิน และพั้นซ์เลือกที่จะอยู่ฝ่ายการสอน เนื่องจากเราสามคนเรียนศึกษาและมีความถนัดในการสอนโดยตรง ส่วนหน้าที่ทำอาหาร จัดเตรียมอุปกรณ์ก็จะเป็นของคนอื่น ๆ ที่ได้ตกลงกันตั้งแต่ต้น ซึ่งฉันเองก็ไม่รับรู้หน้าที่ในส่วนนั้นเหมือนกันว่าเป็นมายังไง

“เฮ้ย แกก็อย่าใจดำดิวะกวิน มีอะไรก็ช่วย ๆ ก่อนสิเนอะ” พั้นซ์ออกตัวแรงจนฉันต้องรีบรั้งข้อแขนให้กลับมาหยุดข้างกาย นอกจากจะยิ้มแป้นจนปากแทบฉีกแล้ว เจ้าหล่อนยังแทบจะกระโดดโลดเต้นไปอีกด้วย

“ก็ไม่รู้ ฉันอยู่ฝ่ายพยาบาล แต่เห็นพี่จอยต้องการแรงเพิ่มก็เลยมาถามนี่แหละ” องศาตอบกลับมาด้วยท่าทีเรียบเฉย

“เราก็ไปช่วยพี่จอยกันเถอะ เราสองคนก็ว่างด้วย ช่วย ๆ กันจะได้กินข้าวไว ๆ ฉันเองก็หิวแล้วเนี่ย”

“ก็ได้...สอนเสร็จแล้วก็ตามมานะโม ฉันไปช่วยพี่จอยก่อน” เสียงถอนหายใจจากกวินดังขึ้นก่อนที่เขาจะตอบตกลง จริงอยู่ที่ว่าแต่ละหน้าที่จะมีการแบ่งสันอย่างเรียบร้อย แต่พออยู่หน้างานจริง ๆ ก็อาจจะเกิดเหตุฉุกเฉินจึงต้องคอยเป็นฝ่ายสนับสนุนด้วยอีกแรง

ฉันพยักหน้ารับและมองตามเพื่อนทั้งสองคนที่เดินไปยังโซนครัวซึ่งถูกสร้างอยู่อีกเต็นท์ กระทั่งจะเดินตรงไปยังลานสอนกลับชะงักด้วยสายตาคมกริบที่จ้องมองมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“มองอะไรเหรอ” ตัดสินใจเอ่ยถามออกไปเพราะสายตาขององศานั้นยากที่จะคาดเดาความคิดความอ่านได้จริง ๆ

“ทำไมไม่ไปช่วยกัน”

“อ้อ เรามีสอนน่ะ วันนี้เป็นตารางเวรของเรา สนใจไปด้วยกันไหมล่ะครูพี่องศา” ว่าแล้วก็เขย่งปลายเท้าเข้าไปใกล้กับร่างสูงอีกนิด ถึงขาจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ แต่ถ้าใจเกินร้อยฉันเองก็คิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา

“...”

“เห็นแบบนี้เราอยู่ฝ่ายการจัดสอนนะ แถมวิชาวันนี้ยังเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย ไปด้วยกันสิ จะได้มาช่วยกันสอน อย่างนายน่าจะเก่งอังกฤษมาก ๆ เลยใช่ไหม”

“…”

“แต่เนื้อหาไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่หลักสูตรประถมน่ะ นายมาก็ดีแล้วองศา ช่วยประคองฉันไปที่ลานหน่อยสิ เดินไม่ค่อยถนัดเลยอะ ไปกันเถอะครูพี่...”

“มีคนเคยบอกไหม”

จากเดิมที่เป็นเพียงความเงียบกลับกลายเป็นเสียงที่เปล่งออกมาอย่างไม่คาดคิด

“อะไรเหรอ” ฉันหันไปมองด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าที่เขาพูดเมื่อครู่นั้นหมายถึงอะไรกันแน่

“เธอพูดมาก มันน่าปวดหัว”

นั่นแหละ...คำนั้นของเขาทำเอาฉันชาไปทั้งร่างกายทันที เขากำลังจะบอกว่ารำคาญฉันอยู่สินะ

ไอ้คนเย็นชาคนนี้นี่มัน...!

“แล้วสรุปเอาไงอะ จะไปด้วยกันไหมคะ ครูพี่โมเมื่อยขาแล้วนะ” นอกจากจะทำอะไรไม่ได้มากแล้วยังถามต่อ เพราะแอบหวังลึก ๆ ว่าเขาจะยอมมารับบทเป็นคุณครูด้วยกัน

ก็นะ...อยากอยู่ใกล้คนหล่อก็ต้องพยายามมากหน่อย

และคำตอบที่ได้รับกลับทำให้ฉันแทบร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที

“อืม ไปก็ได้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel