สถานีที่สอง...หลงเสน่ห์ (1)
สถานีที่สอง...หลงเสน่ห์ (1)
การสอนหนังสือให้กับเด็กในหมู่บ้านเป็นไปอย่างเรียบง่าย เด็กทุกคนตั้งใจกับเนื้อหาการสอนทุกอย่าง แถมยังดูท่าว่าจะมีความสุขกับการเรียนในวันนี้มากกว่าวันไหน ๆ ซึ่งเหตุผลที่ฉันคิดว่ามันใช่ที่สุดก็เห็นจะเป็นคุณครูคนใหม่นี่แหละ ที่สามารถเรียกความสนใจจากเด็กทุกคนได้ราวกับเสกคาถา
คุณครูคนนั้นไม่ใช่ฉัน…แต่เป็นองศาต่างหาก!
“The Lion loved the girl very much, so he trimmed his claws and took out his big teeth.” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยเอื้อนนิทานฉบับภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ ที่นั่งฟังอย่างใจจดจ่อ ในมือก็ถือสื่อการสอนที่ฉันได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับการสอนในวันนี้ หากแต่ว่าคนที่รับหน้าที่นี้กลับเป็นองศาไปเสียได้ “เมื่อกี้ที่พี่พูดไป ไหนใครแปลออกบ้างว่าหมายความว่าอะไร”
“เดอะไลอ้อนเลิฟเกิร์ลเวรี่มัช...อืม สิงตัวรักเด็กสาวคนนั้นมาก อืม...ทิม ทิมแปลว่าอะไรอันนี้หนูไม่รู้แล้วครูพี่องศา” เด็กน้อยห้องยกมือและโบกไหว ๆ เพื่อให้ครูพี่องศาสนใจกับคำตอบ
นิทานที่องศากำลังอ่านให้เด็ก ๆ ฟังมีความเป็นมาเกี่ยวกับสิงโตตัวหนึ่งที่แอบรักเด็กสาวรูปงาม สิงโตตัวนั้นหลงรักเด็กผู้หญิงคนนั้นเพียงแรกพบ จึงได้ตัดสินใจที่จะไปสู่ขอกับพ่อและแม่ของเด็กคนนั้น แต่ด้วยความที่สิงโตตัวนั้นเป็นเจ้าป่า มีอำนาจและทรงพลัง ข้ออ้างที่พ่อและแม่ของเด็กคนนั้นต่อรองจากเจ้าป่านั่นก็คือการร้องขอให้สิงโตยอมตัดเขี้ยวและเล็บออก จึงจะยกลูกสาวของตนให้
“Trim แปลว่าตัด Claws แปลว่ากรงเล็บ ประโยคที่พี่พูดไปเมื่อกี้คือ so he trimmed his claws and took out his big teeth นั่นก็แปลว่า...”
“อ๋อ! สิงโตรักเด็กสาวคนนั้นมากเลยตัดเล็บและเอาเขี้ยวใหญ่ ๆ ของมันออกใช่ไหมคับ!” หัวกะทิในหมู่เด็กรีบตะโกนตอบเมื่อรับรู้ความหมายของคำศัพท์ที่แฝงซ่อนอยู่ในประโยค
“เก่งมากไม้ หลังเลิกเรียนมาเอาสติ๊กเกอร์เลยสองดวง” คำตอบนั้นทำให้องศาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับยกนิ้วโป้งชมเชยนักเรียนคนเก่งที่สามารถแปลประโยคในนิทานส่วนนี้ได้อย่างถูกต้อง
ความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้เห็น รอยยิ้มหวานละมุนที่ไม่เคยได้พบ โทนเสียงนุ่ม ๆ ที่ไม่เคยกระทบเข้าหู หากแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของฉันในตอนนี้ราวกับหลุดอยู่ในห้วงความฝัน
ครูพี่องศามีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ นั่นแหละ ฉันเหมือนกับคนที่กำลังต้องมนตร์หลงใหลกับเสน่ห์ขององศาจนเพ้อฝันล่องลอย
ความจริงแล้วที่ฉันชวนองศามาสอนเด็ก ๆ ด้วยกันก็เพราะอยากใกล้ชิดเขาเท่านั้น แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเจ้าตัวจะลงมือสอนเอง แถมยังออกปากไล่ฉันให้ไปนั่งอยู่รวมกับเด็ก ๆ อีกต่างหาก
“พอสิงโตตัดเล็บและถอนเขี้ยวถอนฟันออกแล้วมันจะเป็นยังไงต่อนะ…He came to the parents again, the simply laughed in his face, and beat him out of their house.” องศาเล่านิทานในส่วนท้ายของเรื่องต่อ เด็กบางส่วนที่พอรู้คำศัพท์ก็ถึงกับตาวาววับเมื่อตอนจบของเรื่องน่าเศร้ากว่าที่คาดคิดไว้
“โอ้โน! ใจร้ายมาก สงสารสิงโตจังเลยค่ะครูพี่โม”
เด็กตัวน้อยข้างกายหันมาหาฉันพร้อมกับทำหน้าเศร้า ตอบจบของเรื่องไม่ได้รักใคร่กับคนที่แอบรัก เพราะในชีวิตของทุกคนย่อมไม่มีทางสมหวังกับทุกเรื่องได้
“แปลว่าอะไรฮะ ผมไม่เข้าใจ” เด็กท้ายห้องยกมือถาม เห็นสีหน้าผิดหวังของเพื่อนร่วมชั้นก็อยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าตอนจบของเรื่องนั้นเป็นเช่นไร
“He came to the parents again ประโยคนี้แปลว่า สิงโตตัวนั้นกลับมาหาพ่อและแม่ของเด็กสาวอีกครั้ง the simply laughed in his face พวกเขากลับหัวเราะรูปลักษณ์ของสิงโต ซึ่งคำว่า laughed แปลว่าหัวเราะ...”
“Beat แปลว่าตี...โอ้! พ่อแม่ของเด็กคนนั้นทุบตีและไล่สิงโตออกจากบ้านเหรอครับ พวกเขาหลอกให้สิงโตตัดเล็บเหรอครับครูพี่องศา!”
“อืม...ถูกต้องครับ ตอนจบของเรื่องคือพ่อและแม่ของเด็กคนนั้นตั้งใจจะหลอกให้สิงโตตัดเล็บและถอดเขี้ยวออก” รอยยิ้มผลิบานอีกครั้งเมื่อเด็กตัวน้อยถามเสียงแจ้วตาโตเป็นไข่ห่าน
“ใจร้ายจัง สิงโตยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักแท้ ๆ แต่กลับถูกหลอก” ประโยคนี้ฉันเป็นคนพูดขึ้นมาเอง เช่นเดียวกับใบหน้าที่แสร้งประดับความเศร้าสร้อยส่งไปให้คุณครูสุดหล่อ
แต่ทว่า...คำตอบจากองศากลับทำให้ฉันชะงักงันแน่นิ่งราวกับถูกของแข็งทุบตีกลางสี่แยกในทันที
“ไม่เศร้าหรอกครับ ความรักทำให้คนตาบอด มันเลยครอบงำจิตใจของเราจนทำให้เผลอทำอะไรลงไปโดยไม่ทันคิด แบบนี้เขาเรียกว่าคนไม่ใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีต่างหาก จริงไหมครับเด็ก ๆ”
“จริงค่ะ! / จริงครับ ถูกต้องที่สุดเลย!”
ฉันหัวเราะเบา ๆ แต่ดวงตาสองข้างกลับรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหล
เมื่อกี้องศากำลังด่าฉันอยู่หรือเปล่า ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บแสบยังไงชอบกล ไอ้ผู้ชายเย็นชาคนนี้นี่มัน...!
เหอะ...ปากร้ายก็จริงแหละ แต่ความหล่อชนะทุกอย่าง ยอมจ้า ยอมแล้วจ้า!
“ได้เวลาพักเที่ยงแล้ว เด็ก ๆ มาเอาสติ๊กเกอร์คนละดวงนะ ส่วนคนที่ตอบคำถามได้เมื่อกี้พี่จะเพิ่มให้เป็นสองดวงเลย มาครับ มาต่อแถว”
เด็ก ๆ นับสิบชีวิตรีบวิ่งกรูเข้าไปหน้าโต๊ะของคุณครูหนุ่มเพื่อรอรับสติ๊กเกอร์ลายการ์ตูนที่ชื่นชอบ ส่วนฉันเองก็คอยจัดการเก็บโต๊ะและเก้าอี้ให้เป็นระเบียบ เพื่อที่วิชาคาบบ่ายจะได้จัดการเรียนการสอนตามปกติ
“เด็ก ๆ กลับไปกินข้าวกันนะ แล้วพอเวลาบ่ายโมงตรงเมื่อไหร่ให้มาเจอกันที่นี่เหมือนเดิมนะคะ วิชาต่อไปเป็นวิชาการงานนะ ครูพี่พั้นซ์คนสวยจะเป็นคนมาสอน”
“แต่หนูอยากให้พี่องศากับพี่โมมาสอนอ่า มาสอนแทนไม่ได้เหรอคะ”
“พวกพี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอฮะ ปกติผมเห็นแต่ครูพี่โม วันนี้พาแฟนมาสอนด้วยเหรอฮะ”
ประโยคสุดท้ายทำเอาองศารีบหันขวับมามองฉันทันที สายตาเรียบนิ่งแต่กลับทำให้ฉันสั่นสะท้าน เพราะภายใต้ดวงตาคมกริบคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ฉันเองก็ไม่สามารถล่วงรู้มันได้ทั้งหมดหากแต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันมั่นใจว่ามันต้องแฝงซ่อนอยู่ในนั้นก็คือความโกรธยังไงล่ะ!
“พะ...พวกพี่ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกจ้ะ เป็นเพื่อนกัน แหะ...พี่องศาเขาฮอตจะตาย สาว ๆ ตามจีบเขาเพียบเลยนะพี่จะบอกให้” ฉันรีบแก้ต่างให้จนลิ้นแทบพันกัน ถึงแม้ว่าลึก ๆ อยากจะแอบเนียนไหลไปตามน้ำก็เถอะ แต่สายตาขององศามันทำให้ฉันไม่สามารถอยู่เฉยได้จริง ๆ
นี่ขนาดเขาไม่ได้พูดคำใดออกมาเลยนะ แค่ส่งสายตาก็ทำให้ฉันสั่นกลัวไปทั้งตัว
นอกจากจะหล่อแล้วยังดุอีกต่างหาก!
“งั้นแปลว่าพี่โมก็จีบพี่องศาอยู่เหรอคะ”
“แค่ก ๆ ปะ...เปล่านะ พี่ไม่ได้...”
“คิก ๆ พี่โมเขินแน่ ๆ เลย ไปกันเถอะพวกเรา หิวข้าวแล้ววว!” ไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยปฏิเสธให้เข้าใจ เหล่าเจ้าตัวน้อยก็รีบวิ่งออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉันไม่หาย
ให้ตายเถอะ...มาทิ้งระเบิดกองใหญ่ต่อหน้าองศาได้ยังไง ไม่ปฏิเสธหรอกว่าชอบคนหล่อ แต่ถ้าโดนองศาหักคอโทษฐานที่หาวิธีใกล้ชิดแล้วเอาเรื่องสอนมาอ้างล่ะก็...ไอ้โมนาตายแหงแก๋!
ขอบคุณเนื้อหานิทานจาก Daily English ; https://www.dailyenglish.in.th/the-lion-in-love/
