บท
ตั้งค่า

สถานีที่สอง...หลงเสน่ห์ (2)

สถานีที่สอง...หลงเสน่ห์ (2)

ฉันกับองศาเรากำลังเดินไปยังเต็นท์ที่มีอาหารกลางวันจัดเตรียม แต่ระยะห่างของเราสองคนเรียกได้ว่าแยกกันเดินเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสภาพข้อเท้าของฉันมันไม่เอื้ออำนวยในการวิ่งตามติดเขาสักเท่าไหร่ แถมส่วนสูงของเขาก็ห่างจากฉันหลายเซนติเมตร องศาเดินไวมากในขณะที่ฉันแทบหมอบคลาน เพราะปวดข้อเท้าจนแทบจะขยับไม่ไหว

“องศา รอเราด้วยสิ อ๊ะ!” ฉันออกปากเรียกองศาที่ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าจังหวะที่เร่งฝีเท้ากลับทำให้ฉันเสียหลักจนเผลอทิ้งน้ำหนักไปยังขาข้างที่บาดเจ็บอย่างเต็มแรง

คราวนี้น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นเอ่อคลอจนแทบล้น ความเจ็บพุ่งตรงจนฉันไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แขนสองข้างก็พยุงค้ำกับต้นไม้รอบข้างเอาไว้ กลัวก็แต่ร่างกายตัวเองจะล้มลงไปนี่แหละ

“เธอนี่มันจริง ๆ เลยนะ!”

“องศา…กลับมาจริง ๆ ด้วยแฮะ” ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินกลับมา

ความจริงแล้วฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ตัวเองเสียหลักเพียงเพราะอยากให้เขาเดินกลับมาหาหรอกนะ มันเป็นความซุ่มซ่ามของตัวเองล้วน ๆ เลยต่างหาก แต่ผลพลอยได้นี่สิเกินคาดไว้อยู่เหมือนกันที่องศาเดินกลับมาแถมยังประคองร่างกายของฉันเอาไว้อีก

“ภาระสุด ๆ” เสียงบ่นดัง ๆ จนฉันได้ยินเต็มสองหู เช่นเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้บึ้งตึง บ่งบอกว่าเขารำคาญฉันอย่างถึงที่สุด!

“นายนี่มัน...เราเดินเองได้แล้วล่ะ ขอบคุณมาก” และมันก็เป็นอีกครั้งที่ฉันยอมถอย แค่สายตาที่เขามองมาก็ทำให้ฉันกลัวหัวหดไปแล้ว ถึงจะรู้สึกดีที่เขาเดินกลับมาช่วยประคองก็เถอะ แต่ในเมื่อตอนนี้ฉันพยุงตัวเองได้เป็นปกติแล้ว ฉันก็ไม่ควรจะรบกวนอะไรเขาอีก

“อ้าว ไอ้หมออยู่นี่เอง ไอ้ห่า กูตามหาทั่วเลยเนี่ย!”

“มึงหายไปไหนมา”

ทว่าเสียงเข้มของผู้ชายสองคนเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่จะรีบวิ่งเข้ามา จังหวะนั้นองศารีบปล่อยมือออกจากตัวฉันทันที

ร่างสูงของสองคนวิ่งเข้ามาหา ใบหน้าหล่อเหลาและความเปล่งประกายทำให้ฉันเบิกตาอ้าปากกว้างอย่างตะลึงงัน ฉันจำได้ว่าผู้ชายสองคนนี้คือเพื่อนขององศา เคยเห็นผ่าน ๆ ตาแต่ก็จดจำได้แม่นว่าหน้าหล่อ ๆ แบบนี้จะต้องเป็นแก๊งเทพบุตรตัวท็อปของมหาวิทยาลัยเป็นแน่

ฉันได้ยินชื่อเสียงของแก๊งเทพบุตรสามคนนี้มาตั้งแต่วันที่เข้ามาเรียนแรก ๆ สามหนุ่มหล่อที่เรียนต่างคณะแต่กลับเป็นเพื่อนสนิทกันได้จนน่าแปลกใจ แถมนิสัยของพวกเขายังแตกต่างกันสิ้นเชิง ชนิดที่ว่าแทบจะคนละขั้วคนละขั้นเลยก็ว่าได้

อย่างองศาเนี่ยฉันพอจะรู้มาบ้างว่าเขาค่อนข้างถือตัว หยิ่ง และไม่ชอบสุงสิงกับใคร ความรู้สึกมากมายล้วนแต่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งของเขา หากแต่ว่ามันกลับส่งผ่านมาทางสายตาคมที่สามารถเชือดเฉือนให้ขาดวิ่นได้เหมือนกัน

ส่วนคนที่สองชื่อ ‘ม่านเมฆ’ คนคนนี้เรียนนิติศาสตร์ นิสัยและรูปลักภายนอกอาจจะเหมือนกับองศา เพราะเขามีความนิ่ง สุขุม และเข้าถึงยาก แต่พอมองดูแล้วเขาดูเป็นมิตรและไม่ถือตัวเท่ากับองศาสักเท่าไหร่ ม่านเมฆนิ่งขรึมก็จริง แต่เขาดูไม่มีพิษมีภัย และที่สำคัญคงไม่ปากหนักเหมือนกับองศา

และคนสุดท้ายคนนี้ฉันจำชื่อเขาได้แม่น เขาชื่อ ‘ติณณ์’ เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ เอกภาพยนตร์ เขาคนนี้มีรอยยิ้มประดับมาแต่ไกล เพราะไม่ว่าเขาจะอยู่ในอารมณ์ไหนฉันก็มักจะเห็นรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขาตลอด เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เขากำลังเค้นถามองศากับการหายตัวไป แต่ทว่ารอยยิ้มของเขายังคงมีอยู่เหมือนเดิม ถ้าให้เดาฉันก็คงคิดว่าติณณ์คงจะอัธยาศัยดีและขี้เล่นพอสมควร เพราะตอนนี้เขากำลังส่งยิ้มให้ฉันอยู่ยังไงล่ะ

“สวัสดีโมนา ไปสอนเด็ก ๆ มาเหรอ” ติณณ์โบกไหวมือให้กับฉัน เขาทักทายราวกับว่ารู้จักกันหากแต่ฉันมั่นใจว่าเราสองคนไม่เคยสนทนาหรือว่ายืนประจันหน้ากันเลยสักครั้ง

“อ่าใช่...นายรู้จักเราด้วยเหรอ”

“รู้จักสิ เรารู้จักทุกคนในค่ายนั่นแหละ ตอนที่ลงชื่อกับชมรมเราเอารายชื่อมาอ่าน นี่ก็กะว่าจะทำความรู้จักกับทุกคนเลยนะ น่าเสียดายที่เราเพิ่งมาทักทายกับเธอ ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันมาค่ายวันที่หกแล้ว”

“อ๋อ...อย่างนั้นเองเหรอ เรา...”

“เมื่อกี้ตอนทำกับข้าวเราก็ไปชวนเพื่อนเธอคุยนะ กวินกับพั้นซ์อะ แต่เพื่อนเธอหน้าดุมากเลย โดยเฉพาะกวิน ทำเหมือนกับว่าจะฆ่าเราให้ตายแบบนั้นอะ แต่ก็นะ...เรามันคนหล่อแถมยังเฟรนลี่อะ จากหน้าตึง ๆ พอเราปล่อยมุกไปเพื่อนเธอสองคนหัวเราะท้องแข็งเลย ตกเพื่อนเข้าด้อมได้อีกสอง ฮ่า ๆ” นอกจากจะสาธยายยาวเหยียดแล้ว ติณณ์ยังหัวเราะตบท้ายประโยคที่ทำเอาฉันยิ้มตามจนตาหยีเป็นสระอิ

“มึงพูดมากอีกแล้วนะ” คราวนี้เป็นเสียงของม่านเมฆที่เอ่ยขึ้น พร้อมกันนั้นสายตาของเขาก็ยังหันไปมองเพื่อนข้างกายที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอือมระอาเต็มทน “ตอนทำกับข้าวก็พูดไม่หยุด”

“ก็อยู่กับมึง กูพูดมากได้ที่ไหน มึงบ่นกูตลอดนั่นแหละไอ้เมฆ กูเลยต้องมาระบายเสียงกับคนอื่นนี่ไง ไอ้เพื่อนเวร!”

“...”

“นี่ไง มึงเงียบใส่กูอีกแล้ว ไอ้องศามึงดูเพื่อนมึงนะ มึงดูมันทำกับกู ทีนี้มึงเห็นหรือยังว่าการที่มึงหายไปแล้วปล่อยให้กูอยู่กับเมฆสองคนมันทรมานแค่ไหน!”

“สรุปมึงหายไปไหนมา” ม่านเมฆไม่ได้สนใจกับคำตัดพ้อของติณณ์ แต่เขากลับหันไปตามององศาถึงสาเหตุที่เขาหายไปนานนับชั่วโมง

“ไปสอนเด็ก”

“ฮะ!? / ฮะ!?” สองเสียงประสานพร้อมกันเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของเพื่อนสนิทที่ชื่อองศา

ฉันที่ยืนมองเหตุการณ์ก็ตกใจไม่ต่างจากพวกเขาสองคนนักหรอก ฉันไม่คิดว่าองศาจะตอบตามความจริงไปน่ะ เพราะถ้าเขาตอบออกไปแบบนี้ฉันรู้ดีว่าเพื่อนของเขาจะต้องเค้นถามให้รู้ความแน่ ๆ และคนอย่างองศาเองก็คงไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้ถาม การโกหกน่าจะเป็นคำตอบที่ง่ายกว่าไหน ๆ

“ไปกับยัยนี่” ว่าแล้วก็ชี้นิ้วมาที่ฉัน

“เอ่อ...แหะ ใช่ ๆ เราชวนองศาเองนั่นแหละ เห็นว่าองศาว่างน่ะเลยชวนไปรับบทเป็นคุณครูด้วยกัน”

“มึงขี้เกียจทำกับข้าวสินะ มึงเลยเลือกทิ้งพวกกูสองคนไปช่วยโมนาสอนเด็ก ๆ แทน ไอ้เมฆมึงดูเพื่อนมึงดิ! มันทิ้งเราให้อยู่หน้าเตาร้อน ๆ แล้วมันก็ไปสอนเด็ก ๆ แทนอะ มึงดูมันทำกับพวกเราดิ!” ติณณ์เขย่าแขนม่ายเมฆด้วยท่าทางงอแงเป็นเด็ก ซึ่งฉันเองก็เผลอหลุดหัวเราะออกมากับการกระทำเหล่านั้น

จากเมื่อกี้ที่เขาตีกับม่านเมฆกลายเป็นว่าเขาหันมาญาติดี แถมยังหาพวกให้ช่วยออกปากบ่นองศาอีก

“คนสวยหัวเราะเฉย ฮ่า ๆ”

“เราขำนายน่ะ นายตลกดีนะติณณ์”

“นี่รู้ไหม นอกจากเราจะหล่อแล้วเรายังอารมณ์ขันด้วยนะ”

“ไปกินข้าวเถอะ” ม่านเมฆเอ่ยแทรกจึงทำให้ฉันพยักหน้ารับตอบกลับไป

“เดี๋ยว อย่าเพิ่งเดิน” องศาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับดันตัวฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันกำลังจะเดินตามพวกเขาไปยังเต็นท์ทานอาหาร “ผ้าที่ข้อเท้ามันหลุด”

ร่างสูงโปร่งย่อตัวลงให้อยู่ในระดับข้อเท้าของฉัน หลังจากนั้นก็บรรจงจับมันอย่างแผ่วเบา ซึ่งจังหวะนั้นฉันถึงกับอ้าปากกว้าง เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนของเขาสองคนที่ตกใจไปตาม ๆ กัน

“อ๊ะ! อะ...องศา นายไม่ต้อง...”

“อยู่เฉย ๆ แล้วก็เงียบซะ เสียงเธอมันน่ารำคาญ” องศาบ่นขณะที่ใบหน้าก็จดจ่อกับผ้ายืดสีเนื้อที่มันหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง

มือหนาบรรจงพันผ้าที่ข้อเท้าอย่างเบามือ รัดเกราะแนบแน่นด้วยความชำนาญ และเป็นเพียงไม่กี่นาทีฉันรู้สึกได้ว่าเวลาเดินเชื่องช้ากว่าไหน ๆ

ฉันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง มือสองข้างกำเข้าหากันด้วยความประหม่า ส่วนร่างกายก็กลัดเกร็งแทบจะเป็นตะคริวไปทุกส่วน แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถหักห้ามหรือควบคุมได้ก็เห็นจะเป็นหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัวเป็นกลองชุด

การกระทำขององศาทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด!

ให้ตาย...กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าฉันกำลังหลงเสน่ห์พ่อหนุ่มเย็นชาคนนี้เข้าเต็ม ๆ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel