บทที่ 3 สัมผัสในคืนนั้น
หลังจากเข้ามาในห้อง หัวใจดวงเล็กยังวุ่นวายเต็มไปด้วยภาพของเขา หากเธอนึกคิดวิธีที่จะไม่ได้เจอหน้าเขาได้คงดี เพราะหากเจอกันขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ดี
ในขณะที่กำลังนั่งนึกคิดหาวิธี ก็เหมือนมีพระเจ้ามาโปรด เมื่อมีเสียงสตาร์ทกำลังจะขับเคลื่อนออกไปดังก้อนเข้ามาผ่านหน้าต่างห้อง ลัญชนารีบลุกขึ้นเดินไปดูก็พบกับรถคันหรูที่เขานั่งมาเมื่อครู่ได้ขับเคลื่อนกลับออกไป หากเธอเดาไม่ผิด เขาต้องไปส่งแฟนสาวคนนั้นแน่ๆ
หากไปส่งแล้วไม่กลับมาสักคืนก็คงดีสิ
ลัญชนาคิดแล้วก็โล่งใจ ก่อนเสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้น เรียกสติจากหญิงสาวให้รีบเดินไปเปิดโดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าคนที่ยืนเคาะอยู่จะเป็น…
เฮียคิเลียน!
ลัญชนาตกใจรีบก้าวถอยหลังเมื่อเขาลอดตัวเข้ามาในห้องเธอ
แกร๊ก…
เสียงล็อคประตูดังขึ้นตามหลัง ทำเอาหัวใจดวงเล็กลุกขึ้นมาเต้นแรงตุบตับอย่างไม่มีเหตุผล
“ฮ..เฮียคิล”
ลัญชนาเอ่ยเรียกชื่อคนที่ย่างเข้ามาไกล้เธอเรื่อยๆเสียงตะกุกตะกักเหมือนกลัวอะไร ทำเอาคิเลียนลอบยิ้มมุมปากขึ้น
“ไม่เจอกันแค่สามปี… ทำไมทำหน้าห่างเหินกับพี่ชายตัวเองขนาดนั้นล่ะ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามช้าๆ ในระยะไกล้
“น…นัญเปล่าสักหน่อยนี่คะ”
เธอตอบโดยเบือนหน้าหนี หลีกเลี่ยงสายตาคมคู่นั้นที่มองเธอเหมือนจะกลืนกิน
“งั้นหรอ…”
คำตอบของเขาเบาจนแทบเป็นเสียงลมหายใจกระซิบเธออยู่ในระยะประชิด ทว่ากลับแฝงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์มหาศาลที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
เท้ายาวขยับเข้าไกล้ทีละนิด ส่วนเธอเองก้าวถอยหลังตามก้าวเท้าของเขาตามสัญชาตญาณ จนในที่สุดคนตัวเล็กก็จนมุม ฝ่ามือหนาทาบเข้ากับผนัง ล็อคตัวเธอไว้ข้างในแขนสองข้าง แผ่นหลังเนียนแนบกับผนังเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะซุมบ้าจนแทบจะทลุออกมานอกอก
“แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงไม่ออกมาต้อนรับฉัน ปกติเธอจะวิ่งเข้ามากอด… หรือไม่ก็ถามหาของฝากเป็นสิ่งแรกเลยไม่ใช่หรอ”
เขาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่คมลึกจนลัญชนาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตา แต่ถึงอย่างนั้นคิเลียนกลับสามารถอ่านทุกความคิดที่ซ่อนอยู่ในใจของน้องสาวบุญธรรมออกได้ง่ายๆ
ใช่… เขารู้ ว่าเธอหลบหน้า
และใช่… เขาจำได้ดีว่าเพราะอะไร
กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายเธอลอยมาติดปลายจมูกเขา ไม่ใช่กลิ่นนํ้าหอม ไม่ใช่กลิ่นปรุงแต่งไดๆ แต่เป็นกลิ่นกายธรรชาติจากตัวเธอ
กลิ่นที่เขาจำได้ดี กลิ่นที่ตามหลอกหลอนเขามาตลอดสามปี…
สามปีมานี้เขาเองพยายามอยู่ตลอด พยายามที่จะถอยห่าง จะไม่ยื่นมือกลับไปแตะต้องเธออีก เพื่อที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้ามเฉกเช่นคืนนั้นอีก
แต่วันนี้เพียงเห็นใบหน้าหวานละมุน คิ้วเรียวพอดีกรอบ ดวงตากลมโตแผงประกายอ่อนโยนที่มักทำให้เขาเผลอมองแล้วคิดลึกไปต่อไหนถึงไหน ริมฝีปากเป็นกระจับน่าจับเข้ามาบดขยี้… อีกทั้งยังขนตายาวงอนราวกับตุ๊กตาญี่ปุ่นนั่นก็ทำเอาเขาแทบหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่สักครั้ง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ลมหายใจเขาแทบขาดตอน กลับไม่ใช่เพียงใบหน้าใสน่ารักนั่น
แต่เป็นรูปร่างที่เติบโตจนเกินวัยอายุ 20 ต้นๆ
ส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาวชัดเจนขึ้นทุกมิติ เอวคอดรับกับสะโพกกลมกลึงได้รูป หน้าอกสองเต้าตูมที่ซ่อนอยู่ภายไต้เสื้อตัวบางนั้นเองก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนแทบทำเอาลมหายใจเขาติดขัด
แล้วผู้ชายที่มาส่งเธอถึงหน้าบ้านนั่นอีก… เหมือนนํ้ามันที่สาดลงบนกองไฟในใจเขาให้ยิ่งลุกโชนมากกว่าเดิมทวีคุณ
ความพยายามตลอดสามปีเขาพังทลายลงไม่เป็นท่าเพียงกลับมาเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้… ทุกการกระทำของลัญชนาทำให้คิเลียนรู้สึกเหมือนถูกยั่วยวนอย่างเงียบงัน
เขารู้ตัวว่าไม่ควรมอง
ไม่ควรรู้สึก
แต่ทุกส่วนในร่างกายเธอกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากคว้ามาครอบครองเป็นของตัวเองแค่คนเดียว…
กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอทำให้เขานึกคิดถึงสัมผัสในคืนนั้น… ทั้งรสชาติที่หอมหวานมันแทบทำเขาครั่ง
ใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มเข้าใกล้ลำคอระหงจนลัญชนารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดเข้าผิวหนัง หญิงสาวตั้งตัวได้จึงรีบลอดตัวออกมาพร้อมถอยออกห่างเขาตามสัญชาตญาณเหมือนกลัวสัตว์ป่า
“น…นัญว่าเฮียคิลกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวก็จะถึงมื้ออาหารคํ่าแล้ว…”
เสียงเธอเบาแผ่วและสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว…
มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆกำแน่นข้างลำตัว เขาไม่ได้โกรธเธอแต่โกรธตัวเองที่แทบจะคุมความรู้สึกไว้ไม่อยู่
ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาเลือกจะไม่กลับมา ไม่ใช่เพราะธุระ ไม่ใช่เพราะหน้าที่ แต่เพราะคิดว่าหากไม่ได้เจอหน้าน้องสาวบุญธรรม เขาอาจลบความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรมีลงได้บ้าง
แต่เปล่าเลย…
พอได้เจอเธออีกครั้งเท่านั้น แม้จะอยู่ในระยะไกลกันออกไปเป็นเมรต ผู้หญิงคนนี้ก็สามารถทำให้ความอดทนเขาขาดผึงได้ในเสี้ยววิ…
ลัญชนายืนเกร็งไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกยังไงดี ส่วนอีกคนเมื่อยืนกำหมัดชั่งใจตัวเองเสร็จก็หันตัวเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก
