เหมียวตัวที่ 4 พี่แทบเข่าทรุด
เหมียวตัวที่ 4
พี่แทบเข่าทรุด
ดลภัทรมองไปรอบ ๆ ตัวบ้านที่มีขนาดเล็กกว่าห้องนอนของเขาเพื่อพิจารณาว่าพวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เพราะที่นี้ไม่ใช่แค่คับแคบเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีกลิ่นเน่าเสียของน้ำที่เหม็นเตะจมูก ยังดีที่ภายในบ้านสะอาดสะอ้าน ดลภัทรมองหญิงวัยกลางคนที่มีร่างกายซูบผอมที่ถือแก้วน้ำเย็นด้วยความเวทนาอีกทั้งบนศีรษะของเธอยังไร้เส้นผมแม้แต่เส้นเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกว่าเธอป่วยเป็นอะไรดลก็เดาได้ไม่ยาก
“กินน้ำก่อนนะลูกนะ เดี๋ยวลันแต่งตัวเสร็จก็ลงมาเองแหละ”
“ครับ” ดลตอบพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ให้กับเธออย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเข้ามานั่งข้างในบ้านได้ไม่กี่นาทีก็รับรู้ได้ว่าหญิงวัยกลางคนผู้นี้เป็นคนจิตใจดีและอบอุ่นเป็นอย่างมาก
“คุณป้าอยู่กับลันแค่สองคนเหรอครับ”
“ใช่จ่ะ ป้ารับลันมาอยู่ด้วยน่ะ ลันเขาจึงลำบากทำงานหนักแบบนี้ก็เลยตื่นสายน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมรอได้”
“ว่าแต่หนูเป็นเพื่อนลันมานานแล้วเหรอ”
“เอ่อ..คือ..” ดลอึกอักเล็กน้อยเพราะถ้าเกิดว่าตอบไปตามความจริงก็เกรงว่าเธอจะพลอยไม่สบายใจไปด้วย
“ครับ ผมเป็นเพื่อนลันมาได้สักพักแล้ว”
“ดีจังที่ลันมีเพื่อนที่ยังมีโอกาสได้เรียนต่อ ลันเขาจะได้มีเพื่อนให้ถาม”
“ทำไมเหรอครับ” ประโยคดังกล่าวสร้างความสงสัยให้ดลไม่น้อยจึงถามเพราะเขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ภายนอกของลลันดูเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาน่าจะเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ และในกลุ่มเพื่อนก็น่าจะต้องมีคนที่ได้เรียนต่อบ้างสักคน
“ก็ส่วนมากเพื่อนลันก็มักจะเป็นเด็กแถวนี้แหละ ทุกคนต่างไม่มีใครได้รับโอกาสเรียนต่อสักคนรวมถึงลันด้วย”
“...” เมื่อได้ฟังจากปากของป้าทองถึงความน่าสงสารของเด็กหนุ่ม ดลภัทรก็เริ่มรู้สึกละอายใจขึ้นมาเพราะเหตุผลที่ทำให้เขามาหาลันที่บ้านก็เพื่อที่จะมาทวงเงินค่ารักษาแมวมีใจที่ลันกระทำสิ่งที่ไม่ควรทำต่อแมวของเขาจนป่วยหนัก
“แค่ลันเขาก็ไม่ยอมแพ้นะ ยอมทำงานหนักเพื่อที่จะได้เก็บเงินไว้สอบเข้ามหาลัยปีหน้า แต่ป้าคงไม่มีโอกาสได้เห็นลันใส่ชุดนักศึกษา” เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“เพราะป้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ป้าก็เลยไม่สามารถหาเงินมาส่งลันเรียนได้”
“ผมเชื่อว่าลันเขาจะทำได้ครับ”
“ถ้าป้าเป็นอะไรไปป้าฝากลันด้วยนะ ลันเขาเป็นคนแข็งนอกอ่อนในถึงจะดื้อหน่อยแต่ลันเขาก็เป็นเด็กดี”
เมื่อป้าทองออกปากฝากฝังหลานชายไว้กับเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ดลก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้เธอเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้รู้จักและสนิทสนมกับหลานชายของป้าทองเลย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรนอกจากฉีกยิ้มอ่อน ๆ เป็นคำตอบ
“มาแล้วครับ ๆ ” หนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหล่าวิ่งกระแทกส้นเท้าหนักลงมาจากบนบ้านจนบันไดลั่นเสียงดัง ท่าทางเร่งรีบของเขาทำเอาดลถึงกับขมวดคิ้ว ชายเสื้อลอยออกนอกกางเกงอีกทั้งผมสีน้ำตาลอ่อนยังเปียกปอนน้ำหยดติ๋ง ๆ
“ลัน ทำไมช้านักน่ะลูกดลเขานั่งรอตั้งนาน”
“ขอโทษครับ พอดีว่าผมหาของไม่เจอ” เขากล่าพร้อมกับชูป้ายชื่อพนักงานให้ดู
“มีอะไรกับผมเหรอคุณ”
“มีธุระนิดหน่อย” ลันพยักหน้ารับ
“ป้าทองครับ ผมไปทำงานก่อนนะอยู่บ้านดี ๆ ล่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นรีบโทรหาผมเลยนะ”
“เออ ป้าไม่เป็นไรหรอกน่าไปทำงานได้แล้ว”
จากนั้นลลันก็พาดลภัทรเดินออกมาหน้าบ้านเพื่อพูดคุยถึงธุระที่เขาพูดไว้เมื่อครู่ ดวงตาคมกริบมองสำรวจลลันจากหัวจรดเท้าด้วยความขัดใจเนื่องจากพื้นฐานดลเขาเป็นคนแต่งตัวเนียบเรียบร้อย ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ดูไม่น่ามองแบบนี้อีกทั้งเขายังเป็นคนที่รักความสะอาดเป็นที่หนึ่ง
“คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ หรือว่าจะมาขอบคุณเรื่องไก่ทอดเมื่อคืนไม่เป็นไรหรอกคุณ ผมเต็มใจ”
“หึ ขอบคุณงั้นเหรอ?” ปากหยักกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัยในมือล้วงเอกสารบางอย่างยื่นให้ลลันไป
“สองหมื่นห้าจ่ายมา” หนุ่มน้อยตาแทบทะลักออกจากเบ้าเมื่อเห็นราคาจากบิลล์ค่ารักษาพยาบาลจำนวนห้าหมื่นบาท
“สะ..สองหมื่นห้า ทำไมผมต้องจ่ายคุณบ้าหรือเปล่า” เขาเอ่ยพร้อมกับไล่ดูลิตส์รายการรักษาทั้งหมดที่ยาวเหยียด
“ก็ไก่ทอดของนายไงทำให้มีใจของฉันเกือบตาย นี่ฉันใจดีลดราคาให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เพราะแม่บ้านสะเพร่าทำแมวหลุดแล้วนะ จ่ายมาได้แล้ว”
“โถคุณ สองร้อยยังไม่มีเลยเงินตั้งสองหมื่นผมจะไปเอามาจากไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันให้โอกาสนายแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น”
“สิ้นเดือน? อีกสี่วันเนี่ยนะ”
“ใช่”
ลลันแทบเข่าทรุดลงกับพื้นเมื่อทราบระยะเวลาในการชำระหนี้ เวลาที่เขาให้มามีเวลาเพียงสี่วันเท่านั้น ซึ่งสี่วันกับเงินสองหมื่นห้ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วสำหรับลลัน ลำพังเขาทำงานตั้งสี่งานในหนึ่งเดือนหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดยังเหลือไม่ถึงห้าพันบาท
“โห ให้ผมผ่อนไม่ได้เหรอคุณ ผมมีค่าใช้จ่ายเยอะ เงินก็ไม่ค่อยจะมีไว้กินข้าวเลยสงสารผมเถอะ”
“แต่ลูกฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอดตอนนี้ยังนอนอยู่ที่โรงบาลสัตว์อยู่เลย แล้วถ้าเกิดว่ามีใจไม่รอดล่ะก็แสนนึงนายก็ต้องจ่าย”
“คะ..คุณเดี๋ยวก่อน คุณดล!”
ดลรีบก้าวเท้ายาวเดินหนีไป เขาไม่ฟังแม้แต่คำเรียกใด ๆ ถึงแม้ในใจจะสงสารเด็กหนุ่มอยู่บ้างแต่ก็แค้นมากกว่าที่ลลันทำแมวที่เขารักเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจเฝ้าทะนุถนอม ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นความผิดของเขา ทว่าคนแถวนี้ก็รู้ดีว่าแมวตัวนี้คือแมวของเขาและใครก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งกับมัน แต่ลลันกลับหวังดีไม่เข้าเรื่องทำให้แมวมีใจต้องล้มป่วย ค่าใช้จ่ายอีกครึทงเขาก็สมควรจะเป็นคนออก...
ร้านจอยเวอร์
โถ ชีวิตไอ้ลันถึงทางตันแล้วเหรอเนี่ย
ผมไม่คิดเลยว่าชีวิตของผมมันจะบัดซบถึงเพียงนี้ เพราะไอ้แมวอ้อนตะกละตัวนั้นตัวเดียวเลยที่ทำให้ผมซวยแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะบีบพุงมันแรง ๆ สักสองสามทีให้หายโกรธ
“ลัน”
ฉันไม่น่าตกหลุมพรางความน่ารักขี้อ้อนของมันเลย พอให้แล้วก็ไม่เชื่องไปออเซาะเจ้าของทำตัวน่าสงสาร นี่ก็ป่วยจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ารักษาตั้งห้าหมื่นแถมยังให้ไอ้ลันคนนี้ออกอีกตั้งครึ่งนึง หึ่ย ไอ้แมวเฮงซวยเอ้ย!!
“ลลัน!”
“คะ..ครับพี่จอย! มีอะไรหรือครับ”
“น้ำร้อนจะลวกแล้วนั่น เป็นอะไรวะทำไมถึงเหม่อลอย” ผมมองไปที่มือของตัวเองที่กำลังจะชนเข้ากับก้านสตรีมนมหน้าเครื่องอัดกาแฟ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบชักมือกลับทันที
“ผมนอนน้อยนิดหน่อยครับพี่จอย”
“มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้นะ”
“คือ...ผมไปทำแมวเขาป่วยเกือบตายอะพี่ แล้วทีนี้เจ้าของเขาก็มาเก็บค่ารักษาสองหมื่นห้าอะพี่” ผมเลือกที่จะเล่าปัญหาก้อนโตที่เพิ่งฟาดเข้ามาในชีวิตให้พี่จอยฟัง เพราะสุดท้ายพี่เขาก็เค้นคอผมให้พูดออกมาอยู่ดี
“แล้วเขาให้ผ่อนเดือนละเท่าไหร่ล่ะ”
“สี่”
“สี่พันเลยเหรอ แพงเกินไปป้ะ”
“สี่วันเขาให้เอาไปจ่ายให้ครบอะดิพี่ ฮือ ๆ”
“ฮะ จะหน้าเลือดเกินไปหรือเปล่าวะ เงินตั้งเยอะจะไปเอามาจากไหนลันยืมจากพี่ไปก่อนไหมล่ะ แล้วค่อยทำงานใช้หนี้”
“ไม่รบกวนพี่จอยหรอกครับ ตั้งแต่เล็กจนโตพี่จอยก็ช่วยพวกเรามาตลอด”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไว้ใจลันนะ”
“ไม่ดีกว่าพี่จอย เดี๋ยวผมหาทางจัดการเองครับ”
“เออ ๆ ลันก็ดื้อแบบนี้ตลอดแหละใครจะห้ามได้ ยังไงก็พี่ขอให้ลันหาทางออกได้ละกัน แต่ถ้าหมดหนทางแล้วจริง ๆ ลันต้องให้พี่ช่วยนะ”
“ครับพี่จอย”
พี่จอยก็ยังคงเป็นพี่สาวแสนดีของผมเช่นเคย พี่เขาและครอบครัวคอยช่วยเหลือผมมาตั้งแต่เด็กจนผมรู้สึกเกรงใจและไม่อยากให้พี่เขามารับกรรมที่ผมก่อไว้ ถึงแม้ว่าผมจะหาเงินมาจ่ายค่ารักษาแมวอ้วนนั่นไม่ได้ ผมก็ต้องคิดหาทางออกด้วยตัวเองจะให้คนอื่นมาลำบากด้วยไม่ได้เด็ดขาด...
