ตอนที่3 เห็นแก่ตัว
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถซุปเปอร์คาร์คันหรูก็กลับมาจอดที่หน้าร้านดอกไม้ของเพลินฝัน น่านฟ้ารีบลากหญิงสาวออกจากรถเข้ามานั่งคุยกันในร้าน
“เงินของผมคุณก็รับมาแล้ว ลูกผมคุณก็ท้องให้แล้ว หนีผม ... ทำไม!! รู้หรือเปล่าว่าผมต้องเสียอะไรไปบ้าง” ประโยคท้ายๆ น่านฟ้าเค้นเสียงฝาดจนคนตัวเล็กที่นั่งสะอึกสะอื้นสะดุ้งเฮือก
“เพลินขอโทษนะคะคุณน่าน เพลินไม่มีเจตนาจงใจโกงคุณ แค่เพลินทำใจไม่ได้ที่จะต้องให้ลูกกับคุณ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มประหงกๆ แต่คนที่นั่งจ้องหน้าเธอไม่วางดูจะไม่สนใจในคำของโทษของเธอแม้แต่น้อย
“แล้วตกลงรับข้อเสนอตั้งแต่แรกทำไม นี่น่ะเหรอไม่มีเจตนาโกง”
“เพลินยอมรับผิดก็ได้ แล้วเพลินจะรีบหาเงินมาคืนคุณ คืนลูกให้เพลินเถอะนะคะ คุณก็มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ ไปมีลูกกับแฟนคุณใหม่ก็ได้นี่คะ”
“หึ่...เห็นแก่ตัวจริงๆ ” น่านฟ้ามองจ้องเขม็งคนที่กำลังยกมือไหว้เขาไม่วาง คิ้วหนาย่นเข้าหากันเรื่อยๆ พร้อมส่ายหัวช้าๆ
“คุณกำลังสั่งให้ผมเป็นคนใจดำที่รู้ว่าตัวเองมีลูกแล้วก็ตัดใจทิ้งไปได้ง่ายๆ งั้นเหรอ ผมยื่นคำขาดไว้ตรงนี้ว่าผมจะไม่ยอมปล่อยลูกผมไป แล้วถ้าคุณคิดจะพาลูกหนีไปจากผม ผมก็จะตามจนสุดหล้าฟ้าเขียว แล้วถ้าผมเจอลูกอีกครั้ง เป็นคุณนั่นแหละที่จะไม่ได้เจอลูกตลอดไป ที่พูดไม่ได้ขู่ แต่คนอย่างผมทำได้จริงๆ” พูดจบก็ลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ออกจากร้านของหญิงสาวไป
“คุณน่าน คุณน่าน! ไม่นะคะ รอฉันก่อน” คนขาสั้นอย่างหญิงสาวแม้จะรีบเท่าไหร่เธอก็ไม่ทันน่านฟ้าอยู่ดี ตอนนี้จึงทำได้แค่วิ่งตามรถของเขาเท่านั้น แต่รถคันหรูก็ขับห่างออกไปอย่างรวดเร็วจนสุดลูกตาในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เพลินฝันเลยได้แต่ยืนร้องห่มร้องให้ทำอะไรไม่ถูกอยู่กลางถนน
ปรี๊น ปรี๊น เสียงแตรรถเบนซ์คันสีขาวได้เรียกสติของเพลินฝัน เธอจึงรีบสาวเท้าไปยืนข้างถนน
“เพลิน แกเป็นอะไร?” เป็นทอฝ้ายที่เปิดกระจกรถถามเพื่อนรักหน้าตาตื่น เพราะไม่เข้าใจว่าเพลินฝันกำลังมีปัญหาอะไรถึงได้มายืนร้องให้กลางถนน
“ข้าว ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย ฮือๆๆ...” เพลินฝันเอาแต่ร้องให้ไม่ยอมพูดอะไร จนข้าวหอมที่นั่งข้างๆ ทอฝันรีบลงจากรถมารวบตัวเพลินฝันเข้าไปในรถ
สองสาวพยุงเพลินฝันที่เอาแต่ร้องให้สะอึกสะอื้นเข้ามาในร้านดอกไม้ได้ก็เริ่มสืบเสาะหาสาเหตุที่ไปที่มาของอาการฟูมฟายของเพื่อน
“คุณน่านเอาลูกฉันไปแล้ว...ฮือๆๆ ฉันจะเอาลูกคืน”
“ฮะ” ทอฝ้ายมองหน้ากับข้าวหอมด้วยความแปลกใจ เพราะไม่รู้จักชื่อคนที่เพลินฝันพูดออกมา
“พวกแก...อือ...ตอนนั้นที่ฉันไปต่างประเทศ...”
เพลินฝันเริ่มตั้งสติได้ และเล่าเรื่องราวก่อนหน้าให้เพื่อนทั้งสองได้ฟัง ก่อนหน้านี้เธอบอกเพื่อนว่าท้องกับแฟนเก่าแต่เลิกรากันไปก่อนที่พ่อของพลอยชมพูจะรู้ว่าเธอท้องไม่ใช่เรื่องจริง
ที่เธอบินไปต่างประเทศเมื่อเกือบสองปีก่อน เธอได้รับการว่าจ้างจากอินทัชด้วยเงินห้าล้าน ให้ไปอยู่กับน่านฟ้าที่ต่างประเทศเพื่อตั้งท้องลูกของน่านฟ้า
ข้อตกลงมีอยู่ว่าเธอต้องท้องภายในเวลาหกเดือนและหลังจากตั้งท้องแล้วเธอก็จะต้องตบตาครอบครัวของน่านฟ้าว่าเป็นภรรยาของเขา หลังจากเธอคลอดลูกของน่านฟ้าแล้ว สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกก็จะเป็นของน่านฟ้าเพียงผู้เดียว หลังจากนั้นเธอกับเขาก็จะไม่เจอหน้ากันอีก
ครั้งนั้นเธอตอบตกลงโดยไม่ลังเลเพราะต้องการเงิน แต่พอตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ เธอก็เกิดรักลูกขึ้นมาและไม่อยากที่จะกลายเป็นคนที่จะต้องทิ้งลูก อีกอย่างระยะเวลาที่เธออยู่กับน่านฟ้าเธอก็เกิดความรู้สึกดีๆ ให้กับเขา และคิดว่าจะต้องรับไม่ได้แน่นอนที่วันหนึ่งจะต้องเสียทั้งเขาและลูกไป
จึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องหนีชายหนุ่มมาอยู่ที่ประเทศไทย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอกับเขาที่นี่อีกเพราะคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มอาศัยอยู่ต่างประเทศถาวร
สองสาวนั่งอึ้งกันอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อได้ฟังคำสารภาพเรื่องราวในอดีตของเพลินฝันที่ได้เผชิญมา
“เรื่องนี้แกผิดเต็มๆ เลยนะเนี่ยเพลิน” เป็นข้าวหอมที่เอ่ยสรุปเรื่องนี้ออกมา
“ฉันรู้ ว่าฉันผิด แต่พวกแกช่วยให้ฉันได้ลูกคืนได้ไหม ฉันต้องตายแน่ๆ ถ้าต้องเสียลูกไป” เพลินฝันพูดไปน้ำตาไหลไป
“คุณน่านคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงแกมีรูปไหม อยากจะประเมิณดูว่าเราจะมีสิทธิ์ต่อรองเค้าได้มากแค่ไหน”
“รูปเหรอ ในกล้องน่าจะเห็นนะ” เพลินฝันรีบเปิดแอพพลิเคชั่นดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน
“นี่ไงเค้า”
“คุณน่านฟ้า” ข้าวหอมเห็นหน้าของชายหนุ่มเธอก็เริ่มกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ด้วยความที่เธอเป็นนักข่าวสายธุรกิจจึงรู้ดีเลยว่าเพื่อนเธอหมดสิทธิ์ที่จะต่อรองกับชายหนุ่มคนนี้ในทุกทาง
“ทำไมแกทำหน้าแบบนั้น” ทอฝ้ายสาวสวยเจ้าของร้านอาหารไทยเริ่มขมวดคิ้วย่นเช่นเดียวกับเพลินฝัน
“นี่คุณน่านฟ้า คิรินก้องสกุล เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศ เป็นญาติกับคุณเหนือตะวันเจ้าของธุรกิจนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศ ญาติเค้าก็มีแต่ธุรกิจใหญ่ๆ โตๆ กันทั้งนั้นบางคนก็เป็นนักการเมืองด้วย พูดตรงๆ เลยนะ ต่อกลอนด้วยยาก อีกอย่างยัยหนูก็เป็นลูกเค้า ถ้าแกจะสู้โดยการฟ้องร้องแย่งลูกยังไงแกก็มีแต่แพ้กับแพ้”
“หา...” เพลินฝันอ้าปากค้าง น้ำตาเจ้ากรรมเริ่มไหลหยดลงมาอาบแก้มอีกรอบ เธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เธอเคยอยู่ด้วยร่วมครึ่งปีเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตและดูมีอิทธิพลขนาดนี้
“แล้วเค้าได้ห้ามให้แกไปหายัยหนูหรือเปล่าเพลิน” ทอฝ้ายเริ่มสงสัยว่าก่อนหน้าที่น่านฟ้าจะพาพลอยชมพูไปเขาได้ตกลงหรือพูดคุยกับเพื่อนเธอว่าอย่างไร
เพลินฝันเริ่มปาดน้ำตานึกถึงคำพูดของน่านฟ้า เธอพอจะเริ่มใจชื้นขึ้นเพราะชายหนุ่มไม่ได้พูดสักคำว่าห้ามเธอไปยุ่งกับลูก
“เค้าบอกแค่ว่าจะไม่ยอมปล่อยลูกไป และถ้าฉันพาลูกหนี เค้าก็จะตามจนกว่าจะเจอ แล้วถึงตอนนั้นเค้าก็จะไม่ให้ฉันได้เจอกับลูกอีก”
“แสดงว่าตอนนี้เค้าก็ไม่ได้ห้ามให้แกไปหาลูก” ทอฝ้ายพยักหน้าน้อยๆ ครุ่นคิดว่าเริ่มพอจะเห็นทางที่เพื่อนเธอจะได้อยู่กับลูกเหมือนเดิมแล้ว
