บทที่4 ตอน ตัวเลือกในการแต่งงาน
ตื่นเช้ามาด้วยอากาศแจ่มใสและสดชื่นต่างเป็นสิ่งที่ผู้หญิงฝันใฝ่อยากให้เป็นทุกเช้า
ตื่นมาหน้าตาสะสวย ผมเรียบนุ่ม ไม่ยุ่งเหยิง แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น
" คุณหนูเจ้าคะ ตื่นเถิด ท่านอ๋องจะมารับแล้วเจ้าคะ " เหมยๆ ปลุกข้าแต่เช้า
ข้าได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ปกติข้าตื่นตอนเที่ยงนู้น ปลุกข้าตอนนี้ข้าก็ไม่ตื่นหรอก
" คุณหนูตื่นล้างหน้าใช้ฟันเคี้ยวไม้[1]ก่อนเจ้าคะ " เถาๆ เดินเข้ามาปลุกข้าอีกคน
หลังจากที่นางเตรียมอุปกรณ์ให้ข้า พอได้ยินคำว่าเคี้ยวไม้จึงลืมตาตื่น
หันหน้าไปทางพวกนางอย่างมึนงง แต่ตัวก็ยังไม่ลุกจากที่นอน
" เคี้ยวไม้? เคี้ยวไม้ทำไม? ทำไมข้าต้องเคี้ยวไม้ด้วย? ไม้มันอร่อยเหรอ? " ข้าถามพวกนางอย่างสงสัย
ถึงแม้จะเคยอ่านนิยายจีนแปลมาบ้างแต่ก็ไม่เคยได้ยินการเคี้ยวไม้เลย
" คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ? ทุกวันคุณหนูก็ทำอย่างนี้ทุกเช้า " เหมยๆ พูดขึ้น
ข้าลุกขึ้นพร้อมกับผ้าห่มเดินไปตรงที่เถาเถาวางอุปกรณ์ล้างหน้าไว้
ข้าหยิบก้านไม้ก้านหนึ่งขึ้นมาดู เหมือนจะเคยเห็นแต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
" นี่คืออะไร? " ข้าชูขึ้นใส่หน้าพวกนาง เพื่อให้พวกนางตอบ
พวกนางมองหน้ากันและกันก่อนจะมองหน้าข้า
" ก้านหลิวเจ้าคะ " เถาๆ เป็นคนตอบ
" แล้ว... เอามาทำไมหรือ? " ข้าถามอีกครั้ง
" ใช้ฟันเคี้ยวไม้เจ้าคะ " เถาๆ ตอบอีก
" ข้าเคยใช้ด้วยหรือ? " ข้าถามพวกนาง พวกนางก็พยักหน้า
นี่กะจะให้ข้ากินอะไรก็ไม่รู้แต่เช้าเลยเหรอเนี่ย!? ไม่โหดร้ายกันเกินไปเหรอ
" คุณหนูล้างหน้าและใช้ฟันเคี้ยวไม้มาตั้งแต่เด็ก ไฉนวันนี้คุณหนูกลับดูแปลกไปตั้งแต่... เมื่อวานตอนเย็น "
พวกนางมองหน้าข้า ข้าก็ไม่อยากจะแกล้งบ้าหรอกนะ
ข้าใช้ฟันเคี้ยวก้านหลิวเหมือนไม่อยากเคี้ยวนัก พอเคี้ยวไปสักพักเหมือนรู้สึกว่ากำลังแปรงฟันอยู่
ข้าตักน้ำมากลั้วปากแล้วบ้วนทิ้งและล้างหน้าตามที่พวกนางบอก พอล้างหน้าเสร็จก็ใช้ผ้าสะอาดเช็ดหน้าให้แห้ง
พวกนางเริ่มแต่งตัวให้ข้าอีกครั้ง เสี่ยวถานข้าอิจฉาเจ้าเหลือเกิน... เกินมาหน้าตาก็น่ารักดั่งตุ๊กตา
แต่เสียดายที่เจ้ากลับเป็นคนสติไม่ดี อันนี้ข้าไม่อิจฉาเจ้าหรอกนะ เพราะว่าข้าก็ไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่
พอแต่งตัวเสร็จ พวกนางก็เดินไปห้องครัวแล้วยกสำรับมาให้ข้ากินในห้อง
" แล้วของพวกเจ้าล่ะ? " ข้าถามพวกนาง ถึงปกติจะเคยอยู่กินคนเดียวจนชินก็เถอะ
แต่พวกนางก็เป็นคนเหมือนกัน จะมาคอยดูข้ากินคนเดียวได้อย่างไร
" พวกข้าเป็นบ่าว ควรให้คุณหนูกินก่อนเจ้าคะ คุณหนูอิ่มพวกข้าก็จะไปหาอะไรกินที่ห้องครัว " เหมยๆ พูดขึ้น
ต้องมากินของเหลือต่อจากเจ้านาย บ้านนี้ชักจะเอาเปรียบคนอื่นเกินไปแล้ว
" งั้นพวกเจ้าขึ้นมานั่งกินกับข้า ข้ากินคนเดียวหมดเสียที่ไหน " ข้าบอกพวกนาง
แต่เหมือนว่าพวกนางจะไม่ยอมฟังที่ข้าสั่ง เหมือนกลัวว่าถ้าเทียบชั้นกับเจ้านายจะถูกลงโทษ
" เป็นความลับของพวกเรา ข้าไม่พูด... พวกเจ้าไม่บอก... ก็ไม่มีใครรู้หรอก จริงหรือไม่ " ข้ายื่นข้อเสนอให้กับพวกนาง
" พวกข้าไม่กล้าเจ้าคะคุณหนู " เถาๆ พูดขึ้น
" พวกเจ้าไม่อยากเป็นเพื่อนกลับข้าหรือ... " ข้ารีบเลื่อยตัวลงไปนั่งพิงพวกนาง
ทำเหมือนจะเป็นจะตาย ถึงนิสัยจริงๆ จะเป็นอย่างนี้ก็เถอะ
" คุณหนู อย่าทำให้พวกข้าลำบากใจเลยเจ้าคะ " เหมยๆ พูดขึ้น
" พวกเจ้าลำบากใจ ข้าก็ลำบากใจ ถ้าพวกเจ้าไม่ยอม ข้าก็จะไม่กิน " ข้าเอามือกอดอกหันหน้าเชิดขึ้นทำท่าเหมือนน้อยใจพวกนาง
ข้าจะยิ่งทำให้พวกเจ้าลำบากใจมากกว่านี้ พวกเจ้าจะได้ทำตามที่ข้าพูด
เหมยๆ กับเถาๆ มองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน และยอมขึ้นไปนั่งดีๆ
ข้ายิ้มร่า ยื่นหมั่นโถวให้พวกนางคนละลูก ก่อนจะลงมือกินกัน
พอกินเสร็จเหมยๆ ก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาข้าทันที
" คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องมารับแล้ว " เหมยๆ บอกกับข้า
แต่ว่าข้าหาได้สนใจ ทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่นางบอก
เถาๆ ที่เห็นข้าไม่สนใจจึงเอ่ยปากถาม
" คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ " นางถามข้า
ข้ายิ้มให้นาง อีตาอ๋องรอได้ก็รอไปสิ
เหมยๆ กับเถาๆ เห็นข้าไม่พูดอะไรที่เอาแต่ยิ้ม พวกนางจึงมองหน้ากัน
" ข้ารอเจ้ามานานแล้ว ไฉนเจ้าถึงไม่ออกมา " อีตาอ๋องเดินเข้ามาทันที
ข้าทำท่าตกใจ ตาลุกวาวใส่เขา
" ข้ามัวแต่แต่งตัว ไม่ทันไรก็ลืมเสียแล้วว่าท่านอ๋องจะมารับข้า ข้าเสียมารยาทต่อท่านแล้ว " ข้ายืนย่อขอโทษเขา แต่ภายในใจกลับนึกสนุก
" ดูเจ้าเสีย เหมือนคนโง่ที่ใดกัน " อีตาอ๋องพูดจบ ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องเป็นคนสติไม่ดี
หากต่อล้อต่อเถียงจะยิ่งมีพิรุธให้เขาจับได้
" งั้นรีบไปกันเถอะ " ข้าพูดจบก็เดินนำอีตาอ๋อง
พอถึงรถม้า อีตาอ๋องก็ขึ้นไปก่อน เขายื่นมือมาให้ข้าจับเขาไว้
ข้าทำท่าเหมือนจะรับน้ำใจแต่ก็หักหลบ ยื่นมือจับแขนเถาๆ แล้วขึ้นไปนั่งบนรถม้า
อีตาอ๋องรู้สึกเสียหน้า ก็สะบัดแขนเสื้อเหมือนไม่ได้ดั่งใจ
" พวกเราจะไปที่ใดหรือ " ข้าถามเขา แต่สายตาก็สาดส่องออกไปนอกรถม้า
รถม้าเริ่มเคลื่อนไหว เส้นทางที่เรียบบ้างมีขรุขระบ้าง
เป็นธรรมดาของถนนคนสมัยก่อน
" พาเจ้าไปเลือกตัวที่เจ้าอยากแต่งอย่างไร " อีตาอ๋องตอบ
" ท่านช่วยใบ้ให้ข้าหน่อย ก็ท่านเป็นคนที่จะแต่งกับข้ามิใช่หรือ " ข้าถามเขาไปอย่างใสซื่อ
จำแม้แต่คำพูดที่พูดไปเมื่อวานไม่ได้ แถมยังไม่ได้เอะใจอะไรอีก
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าในบ้าน ที่มียัยตัวร้ายคอยแกล้ง
เขาเชยคางข้า จับหน้าข้าหันไปทางเขา ข้ามองเขาด้วยแววตาใสซื่อนึกสงสัย
เขาเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ
" เจ้าอยากแต่งกับหมูกับหมาไม่ใช่หรือ ข้าพาเจ้าออกมาก็เพื่อการนี้ เจ้าลืมเสียแล้วว่าเมื่อวานพูดไว้อย่างไร เจ้าจะคืนคำพูด กลืนลงคอหรือ " พอเขาพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นึกเรื่องราวออก
ข้าตีมือเขาออก ก่อนจะเก็บอารมณ์โมโหไว้
" หวางโซ่วเยวี่ยเฉิง!! ฝากไว้ก่อนเถอะ!! " ข้าพูดชื่อเต็มๆ เขาออกมา ถึงข้าจะเป็นคนเขียนนิยาย แต่ข้าก็เป็นคนตั้งชื่อให้เขา รู้อะไรเกี่ยวกับเขาตั้งหลายอย่าง
รู้ดีกว่าแม่ที่ให้กำเนิดเขาและรู้ดีกว่าตัวเขาเสียอีก
" เจ้าพูดอะไร " เขาถามข้า มองข้านิ่ง
ข้าส่ายหน้าเพราะไม่อยากพูดกับเขา
พอมาถึงจุดหมายปลายทางรถม้าก็หยุดนิ่ง เขาลงจากรถม้าก่อนข้า และยื่นมือมาให้ข้าจับ
พอข้าจะจับมือเขา เขากลับเก็บมือไขว้หลังแล้วเดินออกไป
" กะจะเอาคืนกันใช่มั้ยอีตาอ๋อง! " ข้าได้แต่เก็บระงับอารมณ์เอาไว้
เขาหันหลังกลับมามองข้าและผายมือออก
" เจ้าเลือกเถิด... ว่าเจ้าอยากแต่งกับตัวใด " เขาแสยะยิ้มที่มุมปาก เหมือนกุมชัยเอาไว้ในมือได้
" โซ่วเยวี่ยเฉิง! จะมากเกินไปแล้วนะ! " ข้าชี้หน้าใส่เขาด้วยความโมโห
เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ข้า จนข้าเดินถอยหลังชนรถม้า
" เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือเสี่ยวถาน " เขามองข้านิ่ง สายตาดั่งพญาเสือ
" ข้าไม่ใช่เสี่ยวถานเสียหน่อย " ข้ารีบปิดปากตัวเองทันที
เขามองข้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ตั้งแต่ปลายเท้าจรดหัว
" งั้นเจ้าเป็นกบฏหรือ " เขายักคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
ข้ารีบผลักเขาออก ก่อนจะเดินไปหลบหลังเหมยๆ กับเถาๆ
" ดุจริ๊ง! เป็นหมาพันธุ์พิทบลูหรือไง! " พูดจบข้าก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
ก่อนจะปรับอารมณ์ทำตัวเป็นคนโง่
ข้าเดินไปหาเขาทำหน้าใสซื่อเหมือนเด็ก
" ท่านพี่อย่าโกรธข้าเลย ข้าสติไม่ดี อย่าได้ถือสาข้านัก " ถ้าเป็นยุคปัจจุบันนี่ไบโพลาร์ก็ไม่รอดแน่เรา
" เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่หรือ " เขาถามขึ้น 'ข้าคงเรียกหมามั้งอีตาอ๋องนี่'
ข้าทำท่าพยักหน้าให้เขา เขายกยิ้มที่มุมปาก
เสี่ยวถานข้าถานเอ๋อร์ขอโทษเจ้าด้วยที่ใช้ร่างกายเจ้าแบบไร้ประโยชน์
