บทที่ 3
“ฟู่ว~”
ผมนั่งผ่อนลมหายใจแล้วแอบเหลือบมองหน้าไอ้นายอยู่บ่อยครั้ง เพราะความอิจฉาล้วน ๆ ที่ทำให้ผมสนใจมัน คนเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งสองปีจะเป็นหมาหัวเน่าได้ไวขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้นายมันมาได้แค่ไม่กี่นาทีก็ดูเหมือนจะพูดคุยกับไอ้ดลและไอ้วาได้อย่างถูกคอ ไม่คิดจะสนใจกันบ้างเลยสงสัยจะเห็นผมเป็นธาตุอากาศไปเสียแล้ว
“พวกมึง ไปกินชาบูกัน”
“ชาบูอีกละ วันก่อนเพิ่งกินไปเองไอ้ดี”
“ก็วันนี้กูอยากกินอีกนี่หว่ามึง ไปนะ ๆ เดี๋ยวเลี้ยง” ผมเขย่าแขนไอ้ดลพร้อมสอดสายตาอ้อนวอนเหมือนลูกแมว
“ฮะ กูไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม คนอย่างมึงเนี่ยนะไอ้ดีรู้จักเลี้ยงข้าวคนอื่นด้วย”
“กูก็ไม่ใช่คนขี้งกขนาดนั้นป่าววะ”
“ไปถูกหวยที่ไหนมาปกติมึงไม่เคยใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้” ไอ้วาดูเหมือนจะไม่ค่อยจะอยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินว่าผมจะเลี้ยงชาบู เลยถามออกมาแบบนั้น การที่เราจะเลี้ยงเพื่อนทั้งที ต้องเป็นคนยังไงกันนะเพื่อนถึงได้ถามคำถามอะไรมากมายขนาดนี้
“มีคนให้ตังค์มาใช้โว้ย”
“บ๊ะ สุดยอด เลี้ยงไอ้นายด้วยดิ ถือว่าเลี้ยงต้อนรับเข้าแก๊งไง”
“ไม่”
ฝันไปเถอะ คนแบบนี้ขนมแค่ชิ้นเดียวไอ้ดีคนนี้ก็ไม่ยอมแบ่งให้กินหรอกอย่าว่าแต่เลี้ยงเลย
“ไอ้ดี แยกแยะหน่อยดิวะ มึงเกลียดอะไรมันนักนา”
“ไม่ต้องเลี้ยงกูหรอก กูจ่ายเองได้”
จ่ะ พ่อคนหล่อรวย
“งั้น เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง”
“ไอ้วา ให้มันจ่ายเอง”
“ไม่ได้ นี่เพื่อนนะดี”
“รีบไปกันเถอะเถียงกันอยู่ได้”
ผมยังไม่ทันจะว่าไอ้วาจบไอ้ดลก็คล้องคอผมลากออกมาเสียก่อน เซ็งชะมัดกะว่าตอนลุกกะจะแอบเอากระเป๋าฟาดหัวมันให้หายหมั่นไส้สักหน่อย แต่ก็ต้องระงับโทสะเอาไว้ก่อนเพราะความหิวมันไม่เคยปราณีใคร ยังไงเรื่องกินก็เรื่องใหญ่สำหรับตอนนี้
พวกเราตัดสินใจว่าจะติดรถไปกับไอ้ดล เพราะทั้งแก๊งมีแค่ไอ้ดลคนเดียวที่มีรถส่วนตัว ส่วนไอ้คนหยิ่งยโสนั่นก็ขับรถตัวเองไป พอไอ้วาเห็นว่าไอ้หมอนั่นมันขับ BMW เท่านั้นแหละ รีบประเคนตัวเองไปนั่งด้วยทันที เหอะ กูล่ะเชื่อถือในตัวเพื่อนจริง ๆ
@ร้านชาบู
ขณะนี้ทั้งสี่หนุ่มกำลังบรรจงคีบหมูสามชั้นสไลด์สุดพรีเมี่ยมแกว่งบนน้ำซุปหม่าล่าร้อน ๆ แล้วคีบเข้าปากเพื่อลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะคนดีที่โปรดปรานชาบูหมูกะทะเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างเปร่งแสงระยับราวกับหิ่งห้อย แก้มย้อยสองข้างป่องเหมือนลูกซาลาเปา ฟินขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองเขาอย่างอึ้งทึ้งอยู่ นายท่านผู้ที่ทั้งชีวิตทานแต่อาหารคลีนเพื่อสุขภาพเพื่อที่ร่างกายจะได้แข็งแรงและมีชีวิตอยู่ไปนาน ๆ ถึงกับตบะแตกเมื่อได้ทานมันหมูสุดแสนจะละมุนลิ้นเข้าไป
“หมูกู” คนดีเอ่ยขึ้นกลางวงเมื่อนายท่านผู้เป็นคู่อริคีบหมูสามชั้นชิ้นโตขึ้นมา
“แต่กูคีบได้”
“แต่กูเป็นคนเอาลงหม้อ”
“แต่กูเป็นคนสั่ง”
“แต่กูเลี้ยง”
“ไอ้วาเลี้ยงกู มึงไม่ได้เลี้ยง” สองหนุ่มพยายามช่วงชิงแย่งหมูชิ้นดังกล่าวมาเป็นของตัวเองไม่มีใครยอมใคร จนน้ำซุปที่อยู่ในหม้อกระเด็นไปทั่วโต๊ะ
“โว้ย มึงจะเถียงกันหาแม่พวกมึงหรือไง กูชักจะรำคาญแล้วนะ หมูตั้งเยอะตั้งแยะมึงจะแย่งมันทำไมวะไอ้ดี วันนี้มึงเป็นอะไร วีนทั้งวันเลยนะไอ้ห่ารากนี่”
“มึงเข้าข้างมันเหรอไอ้ดล ใช่สิมันเป็นเพื่อนมึงนี่”
“เอาไป จบนะ” นายท่านคีบหมูสามชั้นชิ้นนั้นวางไว้ที่ถาดของคนดีเเพื่อตัดปัญหาเมื่อเห็นว่าสถานะการณ์เริ่มแย่ลง แต่คนเอาแต่ใจกลับไม่รับเอาไว้รีบคีบหมูชิ้นนั้นกลับคืนไป
“กูไม่กิน เอาคืนไป”
“อ้าว ไอ้เตี้ยนี่”
“หึ่ย มึงสูงนักแหละ”
“กูสูงร้อยเก้าสิบ”
“เออ มึงสูง บารมีการตีพ่อตีแม่สินะมึงอะ ไอ้เปตร”
“กูไม่แดกแล้ว”
นายท่านลุกพรวดขึ้นเมื่อเหลืออดกับความงี้เง่าเอาแต่ใจของคนดีเต็มที ใช้มือเกี่ยวเอากระเป๋าเป้ติดมือไป
“จ…จะกลับเลยเหรอวะไอ้นาย” ดลถาม
“อืม เดี๋ยวกูเป็นประสาทจับไอ้เตี้ยนี่จุ่มลงหม้อ” ไม่พูดเปล่าเขายังมองคนที่พูดถึงตาแข็งเหมือนจะกินเขาทั้งตัว เมื่อคนดีเห็นเช่นนั้นก็ตีหน้าซื่อรับประทานอาหารต่อไปเมื่อรู้ว่าเขาฉุนเฉียวขึ้นมาจริง ๆ แล้วคนอย่างเขาคงสู้นายท่านไม่ได้แน่นอน
“เดี๋ยยนาย ไอ้นาย!”
“ไอ้ดี มึงทำบ้าอะไรเนี่ย โอ้ย”
“ไปเลย กลับไปได้ก็ดี” ดลและชีวาจ้องคนดีด้วยแววตาเบื่อหน่ายและมีคำถามมากมายอยู่ในใจอยากจะถาม ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานพวกเขาก็พอรู้ว่าคนดีมักจะมีอาการแบบนี้เมื่อมีคนเข้ามาในชีวิต เพราะพวกเขาเองก็ล้วนแต่เคยเจอมาแล้ว แต่ไม่เคยมีใครเจอหนักเท่านี้มาก่อน
“มองเหี้ยไร กินต่อสิ”
“อิ่มแล้ว” ดล
“กูก็อิ่มแล้ว” ชีวา
“เอ้าได้ไงวะ เออ ๆ อิ่มก็อิ่ม” จากนั้นชายหนุ่มทั้งสามก็เดินดุ่มไปยังเคาท์เตอร์เพื่อชำระเงิน
“โต๊ะสี่ สี่คนครับพี่” ดลและชีวามองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อเมื่อได้ยินเต็มสองหูว่า สี่คน ซึ่งนั่นก็แปลว่าคนดีตั้งใจจะเลี้ยงนายท่านอยู่แล้ว
“โต๊ะสี่คุณนายท่านจ่ายชำระเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ฮะ ไอ้นายจ่ายแล้ว ทั้งหมดเลยเหรอครับได้ไง”
“คุณนายท่านไม่ได้จ่ายหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าคุณนายท่านเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ ดิฉันเลยลงบิลเป็นชื่อของคุณนายท่านตามคำสั่งค่ะ”
“งั้นก็แปลว่าวันนี้ไอ้นายเลี้ยงพวกเราอะดิ”
“ใช่ พวกเราทุกคน”
“ไม่ได้นะครับ วันนี้ผมพาเพื่อน ๆ มาเลี้ยง ผมจะเป็นคนจ่ายเองครับ”
“แต่ว่า”
“ชำระผ่านบัตรเครดิตครับ”
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ”
